xs
xsm
sm
md
lg

1ปีคสช.แค่ยุติรุนแรง-ปฏิรูปหลงทิศ ขัดแย้งปะทุช่วงเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า คสช.ได้จัดทำวีดีทัศน์การทำงานรอบ 1 ปีของคสช. ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่มีความห่วงใย และต้องการให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของคสช. และรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คสช.พอใจการทำงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยมากขึ้น และยืนยันว่าจะพยายามทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยต้องอาศัยความร่วมมือกับประชาชน
พล.อ.อุดมเดช ยังระบุว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป หรือ ศปป. จะเชิญกลุ่มต่างๆ ทั้งนักการเมืองและนักวิชาการร่วมเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย.นี้ หลังจากได้เชิญมาพูดคุยแล้วก่อนหน้านี้ โดยมีแนวคิดในการเชิญกลุ่มต่างๆ ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นลักษณะนี้ทุก 1-2 เดือน
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การบริหารประเทศของ คสช. และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาทั้งคสช.และรัฐบาลให้นิยามคำว่า"ปฏิรูป"ผิด โดยเข้าใจว่าการปฏิรูป คือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และแก้ไขกฎหมายอื่นๆ มาใช้ จึงเสียเวลาไปกับสองเรื่องนี้ โดยไม่ดูพื้นฐานของปัญหา คือความแตกแยก ขัดแย้งในสังคมของแต่ละฝ่าย ซึ่งวันนี้อยู่ในที่ตั้ง แต่พร้อมจะปะทุ แสดงออกในตอนเลือกตั้ง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า หลักรัฐศาสตร์ว่าไว้ พฤติกรรมของมนุษย์สำคัญกว่ากฎหมาย ดังนั้นถ้าพฤติกรรมไม่เปลี่ยน ปัญหาก็แก้ไม่ได้ จึงต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมประชาธิปไตยของคนไทยที่เห็นต่างได้ อยู่ร่วมกันได้ แต่ไม่ใช้ความรุนแรง ฆ่าแกงกัน แต่รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ทำ ทั้งที่มีกลไกเครื่องมือต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรมของคนในสังคมในเรื่องจำเป็นคือ สร้างความเข้าใจความยุติธรรมขั้นพื้นฐาน ให้ประชาชนในชาติให้เข้าใจใกล้เคียงกัน ชี้แจงเรื่องสองมาตรฐาน ให้คนในชาติเข้าใจ น่าเสียดายที่ไม่ทำกัน ตนเชื่อว่าหากมีการยกเลิก มาตรา 44 ทุกอย่างจะกลับมาเหมือน
เดิม ซึ่งยังไม่สาย หากลงมือทำวันนี้ ดีกว่าไม่พยายามแก้ไขเลยทั้งที่ยังมีเวลา
ทั้งนี้ ผลงานที่ชัดเจนสุดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คือ สามารถควบคุมและยุติการใช้ความรุนแรงของคนในชาติได้ นอกนั้น การแก้ไขปัญหาอื่นๆ ยังเหมือนเดิม เช่น ปัญหาเศรษฐกิจยังแย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนการปราบคอร์รัปชัน ยังไม่ชัดเจน ก็ต้องตามดูต่อ สำหรับการปฏิรูปประเทศจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชน เพราะหลังการปฏิวัติใหม่ๆ สังคมคาดหวังมากว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ผ่านมาหนึ่งปีพบว่าการสนับสนุนของประชาชนลดลง เสียงเรียกร้องให้คืนอำนาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมผลงานของรัฐบาลนี้ ต้องดูที่อนาคตในอีก 1 ปี หากมีการเลือกตั้งจริง ถ้าทุกอย่างไม่กลับไปเหมือนเดิม ก็ถือว่าสำเร็จ แต่ตนเชื่อว่าจะกลับไปเหมือนเดิม
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถ้ามีการทำประชามติ การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นราวเดือน ส.ค.-ก.ย.ปี 59 ว่า เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะเดิมนายกฯ ประหาศโรดแมป หลายฝ่ายเห็นพ้องว่า น่าจะมีการเลือกตั้ง ก.พ.59 หรืออย่างช้า หากมีการทำประชามติก็เดือน พ.ค.59 แต่ตอนนี้กลับประกาศออกไปเช่นนี้ จึงเหนือความคาดหมายมาก ถือว่าโรดแมปที่เป็นสัญญาประชาคม ถูกยกเลิกไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะอยู่ยาว ส่วนจะสืบทอดอำนาจหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะการขยายเวลายืดออกไปโดยชี้แจงไม่ได้ เขาอาจคิดว่า หากยืดเวลาออกไปกำลังของฝ่ายต่อต้านจะลดน้อยลง อำนาจการต่อรองของผู้มีอำนาจ จะยิ่งสูงขึ้นก็ได้

**พท.ให้"ประยุทธ์"สอบตก

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. หากคะแนนเต็ม 100 ตนให้สอบตก เพราะช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิวัติยึดอำนาจ อ้างว่าเข้ามาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งนั้น ถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับทุกคน แต่เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้วกลับตรงกันข้าม ความขัดแย้งกลับไม่ลดลง ปล่อยให้องค์กรอิสระ โดยเฉพาะป.ป.ช. ที่อ้างว่าแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น กลับเป็นต้นเหตุของปัญหาเสียเอ ง ฝ่ายประชาธิปไตยอย่างพรรคเพื่อไทย ป.ป.ช. ตั้งเรื่องเพื่อจัดการและชี้มูลกับพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ป.ป.ช.เตรียมไต่สวนคดีอาญาอดีต ส.ส. 310 คน กรณีลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีก ขณะที่คดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ แทบไม่มีความคืบหน้า บางคดีปล่อยจนหมดอายุความ นี่คือต้นเหตุของความเป็นสองมาตรฐานหรือไม่
สำหรับการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายมาตรา ถูกต่อต้านจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนั้น หากรัฐบาลและคสช. ยังไม่ปรับแก้ จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ ทำให้ประเทศเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุด เพิ่มความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ความปรองดองที่ พล.อ.ประยุทธ์ หวังคงไม่เกิดขึ้น ในส่วนของการค้าการลงทุนก็ยังไม่ดีขึ้น เศรษฐกิจโตติดลบ นักลงทุนย้านฐานการผลิต เพราะไม่มีความเชื่อมั่น เงินคงคลังของรัฐบาลก็เหลือน้อยลง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญแต่กลับการดูแลด้านความมั่นคงของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว การห้ามพวกเราพูดหรือเคลื่อนไหวนั้น ไม่ใช่การแก้ปัญหา ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งเดินหน้าสร้างประชาธิปไตย เริ่มจากการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เดินหน้าทำประชามติ หากไม่ผ่านก็ไม่ควรเริ่มนับหนึ่งใหม่ เพราะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ คนอาจจะมองว่าอยู่เพื่อสืบทอดหรือรักษาอำนาจเอาไว้หรือไม่
ดังนั้น ขอให้เขียนรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชน ทำให้ประชาชนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รับรองว่าความเชื่อมั่นจะกลับมา ประเทศเดินต่อได้อย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น