รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์ “1 ปีรัฐบาลประยุทธ์” นิยามปฏิรูปผิด เมินพื้นฐานของปัญหาคือความแตกแยกในสังคม แถมแก้เศรษฐกิจเหลว การปราบคอร์รัปชันก็ไม่ชัดเจน จับตารัฐบาลอ้างประชามติฉีกโรดแมปหวังอยู่ยาว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครบ 1 ปี หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจว่า 1 ปีที่ผ่านมาทั้ง คสช.และรัฐบาลให้นิยามคำว่าปฏิรูปผิด โดยเข้าใจว่าการปฏิรูปคือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่และแก้ไขกฎหมายอื่นๆ มาใช้ จึงเสียเวลาไปกับสองเรื่องนี้ โดยไม่ดูพื้นฐานของปัญหา คือ ความแตกแยก ขัดแย้งในสังคมของแต่ละฝ่ายวันนี้อยู่ในที่ตั้งซึ่งพร้อมจะปะทุแสดงออกในตอนเลือกตั้ง
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า หลักรัฐศาสตร์ว่าไว้ พฤติกรรมของมนุษย์สำคัญกว่ากฎหมาย ดังนั้นถ้าพฤติกรรมไม่เปลี่ยน ปัญหาก็แก้ไม่ได้ จึงต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมประชาธิปไตยของคนไทยที่เห็นต่างให้อยู่ร่วมกันได้ ไม่ใช้ความรุนแรงฆ่าแกงกัน แต่รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ทำ ทั้งที่มีกลไกเครื่องมือต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมของคนในสังคมในเรื่องจำเป็น คือ สร้างความเข้าใจความยุติธรรมขึ้นพื้นฐานให้ประชาชนในชาติให้เข้าใจใกล้เคียงกัน ชี้แจงเรื่องสองมาตรฐานให้คนในชาติเข้าใจ น่าเสียดายที่ไม่ทำกัน ตนเชื่อว่าหากมีการยกเลิกมาตรา 44 ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม ยังไม่สายหากลงมือทำวันนี้ ดีกว่าไม่พยายามแก้ไขเลย ยังมีเวลา
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ผลงานที่ชัดเจนสุดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คือ สามารถควบคุมและยุติการใช้ความรุนแรงของคนในชาติได้ นอกนั้นการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ยังเหมือนเดิม เช่น ปัญหาเศรษฐกิจยังแย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนการปราบคอร์รัปชันยังไม่ชัดเจนก็ต้องตามดูต่อ สำหรับการปฏิรูปประเทศจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนเพราะหลังการปฏิวัติใหม่ๆ สังคมคาดหวังมากว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ผ่านมาหนึ่งปีพบว่าการสนับสนุนของประชาชนลดลง เสียงเรียกร้องให้คืนอำนาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมผลงานของรัฐบาลนี้ต้องดูที่อนาคตในอีก 1 ปี หากมีการเลือกตั้งจริง ถ้าทุกอย่างไม่กลับไปเหมือนเดิมก็ถือว่าสำเร็จ แต่ตนเชื่อว่าจะกลับไปเหมือนเดิม
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุ ถ้ามีการทำประชามติ การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นราวเดือนสิงหาคม-กันยายนปี 2559 ว่า เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะเดิมนายกฯ ประกาศโรดแมป หลายฝ่ายเห็นพ้องว่าน่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 หรืออย่างช้าหากมีการทำประชามติก็เดือนพฤษภาคม 2559 แต่ตอนนี้กลับประกาศออกไปเช่นนี้ จึงเหนือความคาดหมายของตนแล้ว ถือว่าโรดแมปที่เป็นสัญญาประชาคมถูกยกเลิกไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะอยู่ยาว ส่วนจะสืบทอดอำนาจหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะการขยายเวลายืดออกไปโดยชี้แจงไม่ได้ เขาอาจคิดว่าหากยืดเวลาออกไปกำลังของฝ่ายต่อต้านจะลดน้อยลง อำนาจการต่อรองของผู้มีอำนาจจะยิ่งสูงขึ้นก็ได้