00 ต้องบอกว่าวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นวันที่น่าจดจำจริงๆ เพราะมีหลายเรื่องราวสำคัญเกิดขึ้นพร้อมๆกัน และเป็นวันสำหรับการชี้อนาคตของบางคนแบบน่าหวาดเสียวกันอีกด้วย นอกจากเรื่องเผาบ้านเผาเมือง ตั้งแต่ 19 พ.ค.35 , 19 พ.ค. 53 กันแล้ว ในวันเดียวกันของปีนี้ เป็นวันกำหนดนัดของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องไปขึ้นศาลชี้แจงแก้ต่างและรับฟังข้อกล่าวหาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ทำให้สูญเสียงบประมาณไม่น้อยกว่า 6-7 แสนล้านบาท ในวันเดียวกันอีกฟากหนึ่งที่เกาหลีใต้ พี่ชายของเธอ คือ ทักษิณ ชินวัตร ก็พยายาม "ชิงพื้นที่ข่าว" ดึงความสนใจคนไทย ละสายตาจากน้องสาวของตัวเองให้ไปอยู่ที่เขา เหมือนกับทำให้เห็นว่า "นี่ไง คนดีคนเก่งที่ถูกกลั่นแกล้ง" ถูกขับไล่ไสส่ง มีแต่ต่างด้าวท้าวต่างแดนเท่านั้นที่เห็นค่า อะไรประมาณนั้น
00 วันที่ 19 พ.ค. ยังเป็นวันที่ ครม. และ คสช. มีกำหนดนัดประชุมชี้ขาดว่าจะมีการทำประชามติใน ร่าง รธน. ฉบับใหม่หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีความเห็นจากหลายฝ่ายสนับสนุนให้ทำ โดยเฉพาะจาก สปช. ที่มีมติไปแล้ว และประธาน สปช. เทียนฉาย กีระนันทน์ ได้ทำหนังสือส่งไปให้พิจารณาแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้มันก็คงไม่มีทางอื่น ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็ต้องมีการเสนอแก้ไขรธน. ฉบับชั่วคราวปี 57 เกี่ยวกับการทำประชามติ สรุปก็คือ ทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนไปอีกอย่างน้อยเป็นปี
00 ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งในความเป็นจริง "ที่ปฏิเสธไม่ได้" ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไปอย่างชอบธรรมอย่างน้อยอีก 1-2 ปี ซึ่งก็พิจารณาจากสัญญาณรอบข้างแล้ว ไม่น่ามีปัญหา แรงต่อต้านนาทีนี้ยังมองไม่เห็น ที่สำคัญบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ เมื่อพิจารณากันให้ทั่วทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็น ปชป. โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เวลานี้ยัง "ขาดหัว" หลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และกำลังขึ้นศาล เสี่ยงคุกตะราง หมดโอกาสแทบจะสิ้นเชิงแล้ว !!
00 สำหรับ ปชป. หากจะให้โฟกัสกันไปตอนนี้ แม้ว่าภาพภายนอกยังไม่ถึงขั้นบอบช้ำมากไปกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ พรรคเพื่อไทย แต่สถานะโดยรวมๆ ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ตอนนี้อาจจะได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามบ้าง แต่ก็แค่เหลื่อมๆ ยังไม่ถึงช่วงเลือกตั้งเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ แต่ที่น่าจับตาก็คือ การประกาศ "สู้ครั้งสุดท้าย" ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าถ้าแพ้อีกก็วางมือ มันก็เหมือนเดิมพันหมดหน้าตัก และต้องการแตะมือรวมกันอีกครั้งกับกลุ่ม "หลวงลุงกำนัน" สุเทพ ประภากโร ที่ตามข่าวบอกว่า กำลังจะสึกออกมาแล้วโบกมือส่งสัญญาณให้ "ทีมกปปส." ยกขบวนกลับชายคาเดิม งานนี้จึงน่าจับตา เพราะถ้าพลาดอีกคงไม่มีโอกาสแล้ว ต้องแยกย้าย ทางใครทางมัน !!
00 ไม่น่าเชื่อว่ากระแส "ต้านรับผู้อพยพชาวโรฮีนจา" มาพักพิงในไทยทุกรูปแบบ กำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่แชร์แพร่หลายกันในโลกออนไลน์ แรงจนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องออกมาปราม แต่ก็นั่นแหละ นี่คือความคิดเห็นของคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศ และคนส่วนใหญ่พวกนี้เป็นผู้ที่เสียภาษีเสียด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รับทราบบทเรียนในอดีตจากกรณีผู้อพยพในประเทศเพื่อนบ้าน ลาว เวียดนาม เขมร เมื่อหลายปีก่อนยังตามหลอกหลอนและ "เข็ด" กันจนไม่อยากให้ซ้ำรอยอีก แม้ว่าจะคาบเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ก็ต้องมีขอบเขต สังเกตให้ดี กรณีนี้แม้แต่ออสเตรเลีย ที่มักชูเรื่องสิทธิฯ ข่มประเทศอื่นงานนี้เจอเข้าไปเต็มอก ถึงกับพูดไม่ออก !!
00 วันที่ 19 พ.ค. ยังเป็นวันที่ ครม. และ คสช. มีกำหนดนัดประชุมชี้ขาดว่าจะมีการทำประชามติใน ร่าง รธน. ฉบับใหม่หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีความเห็นจากหลายฝ่ายสนับสนุนให้ทำ โดยเฉพาะจาก สปช. ที่มีมติไปแล้ว และประธาน สปช. เทียนฉาย กีระนันทน์ ได้ทำหนังสือส่งไปให้พิจารณาแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้มันก็คงไม่มีทางอื่น ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็ต้องมีการเสนอแก้ไขรธน. ฉบับชั่วคราวปี 57 เกี่ยวกับการทำประชามติ สรุปก็คือ ทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนไปอีกอย่างน้อยเป็นปี
00 ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งในความเป็นจริง "ที่ปฏิเสธไม่ได้" ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไปอย่างชอบธรรมอย่างน้อยอีก 1-2 ปี ซึ่งก็พิจารณาจากสัญญาณรอบข้างแล้ว ไม่น่ามีปัญหา แรงต่อต้านนาทีนี้ยังมองไม่เห็น ที่สำคัญบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ เมื่อพิจารณากันให้ทั่วทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็น ปชป. โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เวลานี้ยัง "ขาดหัว" หลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และกำลังขึ้นศาล เสี่ยงคุกตะราง หมดโอกาสแทบจะสิ้นเชิงแล้ว !!
00 สำหรับ ปชป. หากจะให้โฟกัสกันไปตอนนี้ แม้ว่าภาพภายนอกยังไม่ถึงขั้นบอบช้ำมากไปกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ พรรคเพื่อไทย แต่สถานะโดยรวมๆ ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ตอนนี้อาจจะได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามบ้าง แต่ก็แค่เหลื่อมๆ ยังไม่ถึงช่วงเลือกตั้งเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ แต่ที่น่าจับตาก็คือ การประกาศ "สู้ครั้งสุดท้าย" ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าถ้าแพ้อีกก็วางมือ มันก็เหมือนเดิมพันหมดหน้าตัก และต้องการแตะมือรวมกันอีกครั้งกับกลุ่ม "หลวงลุงกำนัน" สุเทพ ประภากโร ที่ตามข่าวบอกว่า กำลังจะสึกออกมาแล้วโบกมือส่งสัญญาณให้ "ทีมกปปส." ยกขบวนกลับชายคาเดิม งานนี้จึงน่าจับตา เพราะถ้าพลาดอีกคงไม่มีโอกาสแล้ว ต้องแยกย้าย ทางใครทางมัน !!
00 ไม่น่าเชื่อว่ากระแส "ต้านรับผู้อพยพชาวโรฮีนจา" มาพักพิงในไทยทุกรูปแบบ กำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่แชร์แพร่หลายกันในโลกออนไลน์ แรงจนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องออกมาปราม แต่ก็นั่นแหละ นี่คือความคิดเห็นของคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศ และคนส่วนใหญ่พวกนี้เป็นผู้ที่เสียภาษีเสียด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รับทราบบทเรียนในอดีตจากกรณีผู้อพยพในประเทศเพื่อนบ้าน ลาว เวียดนาม เขมร เมื่อหลายปีก่อนยังตามหลอกหลอนและ "เข็ด" กันจนไม่อยากให้ซ้ำรอยอีก แม้ว่าจะคาบเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ก็ต้องมีขอบเขต สังเกตให้ดี กรณีนี้แม้แต่ออสเตรเลีย ที่มักชูเรื่องสิทธิฯ ข่มประเทศอื่นงานนี้เจอเข้าไปเต็มอก ถึงกับพูดไม่ออก !!