xs
xsm
sm
md
lg

“GMM”ดิ้นสู้ปรับขายโฆษณา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – เศรษฐกิจซึมหนัก ดิจิตอลทีวีเข็นไม่ขึ้น คาดเม็ดเงินโฆษณาจริงต่ำกว่า ที่คาดการณ์ไว้ 50-60% ฟันธงปีนี้วัดกันที่สายป่าน ใครยาวอยู่รอด “จีเอ็มเอ็ม25” กัดฟันเดินหมากสู้ ทยอยปล่อยคอนเทนต์ต่อเนื่อง จับทางกลุ่มเป้า หมายคนรุ่นใหม่ ชูเรตติ้งผ่านมัลติสกรีน เพิ่มยอดโฆษณา หวังประคองรายได้ปีนี้สู่ 800 ล้านบาท
นางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม แชนแนล ดิจิตอล ทีวี บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ในปีนี้ มองว่าเศรษฐกิจค่อนข้างนิ่งมาก เอเจนซี่ส่วนใหญ่ให้คำตอบว่าลูกค้าไม่มีเงินลงโฆษณา ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนๆทั้งในช่วงปีที่มีการประท้วง หรือปีที่มีภัยธรรมชาติ พบว่าหลังจากนั้นพอเข้าไตรมาสสี่ลูกค้าจะกลับมาใช้เงินลงโฆษณา หลังจากที่อั้นใช้เงินจากปัญหาดังกล่าว แต่ในปีนี้คาดการณ์ได้ยากว่า ปัญหาเกิดจากอะไร ทำไมลูกค้าไม่ใช้เงิน ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังจึงคาดการณ์ลำบากว่า ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในสื่อทีวีดิจิตอลจะเป็นเช่นไร
ทั้งนี้ยังมองว่าภาพความเป็นจริงจากตัวเลขของทางเน็ลสัน ที่ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณาในสื่อทีวีดิจิตอลเติบโตสูงขึ้นทุกเดือน เชื่อว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริงร่วม 60-70% เนื่องจากความเป็นจริงมีการลดราคาโฆษณาลงมาจากราคาตั้งไม่ต่ำกว่า 70-80% ดังนั้นสถานการณ์ของทีวีดิจิตอลในปีนี้ มองว่าช่องที่อยู่รอดได้ คือช่องที่มีสายป่านยาว เพราะในความเป็นจริง บางช่องที่มีเรตติ้งรายการดีจริงแต่ในแง่โฆษณาก็ไม่ได้เป็น ไปตามแผนที่วางไว้
ในส่วนของช่องจีเอ็มเอ็ม 25 เดิมปีนี้มีแผนใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ค่าผลิตคอนเทนต์ 700 ล้านบาท และอื่นๆอีก 300 ล้านบาท โดยในส่วนของการผลิตคอนเทนต์นั้น เป็นการทยอยผลิตลงผังต่อเนื่องตลอดปี เน้นในส่วนของ ละคร ซิทคอม และวาไรตี้ต่างๆ แต่หลังจากสภาพเศรษฐกิจนิ่งแบบนี้ ทั้งปีอาจจะใช้งบลงทุนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งมีการปรับแผนการลงทุนตามสถานการณ์ ดังนั้นหากการลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย รายได้ที่เดิมตั้งไว้ 800 ล้านบาทในปีนี้ ก็อาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน
นายสายทิพย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ยังพร้อมให้ความสำคัญในการผลิตคอนเทนต์เพื่อสร้างเรตติ้ง และสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน ละครคลับฟรายเดย์เดอะซีรีส์ ยังเป็นคอนเทนต์ที่มีโฆษณาและเรตติ้งสูงสุด ส่วนรายการอื่นๆเริ่มมีโฆษณาเข้ามาบ้าง ทั้งนี้พบว่าทาร์เก็ตช่องจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่อายุ 12-29 ปี และกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มีหัวใจเป็นวัยรุ่น และส่วนใหญ่จะดูผ่านมัลติสกรีนกว่า 70% และทางช่องทางปกติ 30% ทำให้ต้องมีการปรับวิธีขายโฆษณาใหม่เป็นแพกเกจ นำเรตติ้งในมัลติสกรีนเข้ามาช่วย เน้นเรื่องการไทอินสินค้าเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ได้ในช่องทางมัลติสกรีน ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้มีรายได้ตามที่วางไว้
ปัจจุบันช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ผลิตคอนเทนต์เอง 60% ไทม์แชร์ริ่ง 30% และอื่นๆอีก 10% ขณะที่เรตติ้งช่องอยู่ในอันดับที่ 12-13 ในกลุ่มทีวีรวม ถึงสิ้นปีนี้ต้องการขึ้นเป็นท็อป10 หรือมีส่วนแบ่งตลาดที่ 4% ของตลาดรวมทีวีมูลค่า 70,000 ล้านบาทในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น