นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพิ่งออกมาโวยวายว่า ตำรวจจงใจใช้อำนาจกลั่นแกล้งคดีที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แจ้งความกล่าวหาหมิ่นประมาท และตั้งคำถามทิ้งท้ายไว้ว่า ถึงเวลาที่จะปฏิรูปอำนาจตำรวจให้ปลอดจากอำนาจรัฐและอำนาจทุนหรือยัง
คำถามของนางรสนาแทบไม่ต้องรอคำตอบ เพราะประชาชนทั้งประเทศลงมติกันแล้วว่า ตำรวจควรถูกปฏิรูปเสียที และดีใจที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่างแนวทางปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้แล้ว โดยจะแยกงานสอบสวนออกไป ทำให้ตำรวจแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง
เพราะถ้างานสอบสวนหลุดมือ ผลประโยชน์ก้อนโตจะหลุดลอยไป ตำรวจที่กลัวถูกทุบหม้อข้าวจึงออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการแยกงานสอบสวนออก
กระแสเรียกร้องให้ยกเครื่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังมานานหลายปีแล้ว และหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ทำท่าจะขานรับกระแสสังคม โดยจะปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่ารัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่จนสิ้นอายุขัยทั้งสองรัฐบาล กลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในทางที่ดีขึ้นสำหรับวงการสีกากี มีแต่เลวร้ายหนักขึ้น โดยเฉพาะยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งตำรวจถูกใช้เป็นกลไกในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
การรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การจัดตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ประชาชนเกิดความหวังอีกครั้ง และคิดว่า ไม่น่าจะผิดหวังกันอีก
เพราะพล.อ.ประยุทธ์คงเอาแน่กับการปฏิรูปตำรวจ
ตั้งแต่มี คสช.เส้นทางทำมาหากินของตำรวจถูกสกัด ไม่ว่ากวาดล้างมาเฟียรถรับจ้าง การห้ามเปิดบ่อนในทุกพื้นที่ ห้ามสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา การตัดช่องทางตบทรัพย์แรงงานต่างด้าว และล่าสุดกำลังเล่นงานตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา
ผลงานการทุบหม้อข้าวตำรวจของพล.อ.ประยุทธ์ถือว่าเข้าตาประชาชน แต่การแก้ปัญหายังมีลักษณะขี้เยี่ยวไม่สุด จนทำให้ประชาชนไม่แน่ใจว่า
ยุคพล.อ.ประยุทธ์จะมีการปฏิรูปตำรวจจริงหรือไม่
รู้กันอยู่ว่า ตำรวจเป็นต้นธารแห่งความเลวร้ายในสังคมไทย ตำรวจเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด ธุรกิจสีเทา ใช้เครื่องแบบหากิน เลือกและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง แต่ คสช.อายุใกล้ครบ 1 ปีแล้ว ยังไม่มีตำรวจคนไหนถูกเล่นงานหนักเลย
การค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจามีนายตำรวจระดับสูงหลายจังหวัดภาคใต้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่โทษเบื้องต้นเพียงแต่ถูกคำสั่งย้าย และแม้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิด แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหาย
คำสั่งย้ายในวงการตำรวจไม่มีความหมายใด นอกจากการตัดตอนกระแสความฉาวโฉ่เท่านั้น เมื่อข่าวเงียบหายนายตำรวจที่ถูกสั่งย้ายก็ได้รับสถาปนาขึ้นมาใหม่ และก้าวขึ้นเป็นใหญ่เป็นโต
ตำรวจเลวๆ มีประวัติด่างพร้อย แม้กระทั่งถูกสั่งให้ออกจากราชการ แต่ก็ช่วยกันให้กลับมารับราชการใหม่ และก้าวขึ้นมาใหญ่โตกันเป็นแถว เพราะองค์กรนี้เป็นองค์กรพวกพ้อง และปกป้องพวกพ้องตัวเอง
การสวมเครื่องแบบสีกากีทำมาหารับประทาน ทั้งรีดทั้งไถ เลือกและละเว้นการปฏิบัติ ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามมาตรา 157 เช่นเดียวกับตำรวจที่ค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา
แต่ไม่มีใครเข้าไปดัดสันดานตำรวจ ไม่มีใครกล้าเล่นงานตำรวจอย่างจริงจัง จนตำรวจได้ใจในการกระทำความผิด และแม้จะอยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร แต่ตำรวจก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมผิดๆ ก้มหน้าก้มตารีดไถต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ดูเหมือนดุดันในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง แต่กลับไม่มีเรื่องใดที่แก้ปัญหาจนจบสิ้นกระบวนความ โดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่ตำรวจ
ไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์กลัวอะไร เพราะในเมื่อเป็นทั้งหัวหน้า คสช.เป็นทั้งผู้นำรัฐบาลทหารอำนาจเต็มไม้เต็มมือ ถ้าตั้งใจปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใครหน้าไหนจะกล้าหือ
อย่ากลัวตำรวจแก่ๆ ไร้น้ำยาที่ออกมาเห่าหอนต่อต้านการปฏิรูป เดินหน้าล้างบางตำรวจชั่วๆ เต็มตัวเถิด “ท่านประยุทธ์”
คำถามของนางรสนาแทบไม่ต้องรอคำตอบ เพราะประชาชนทั้งประเทศลงมติกันแล้วว่า ตำรวจควรถูกปฏิรูปเสียที และดีใจที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่างแนวทางปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้แล้ว โดยจะแยกงานสอบสวนออกไป ทำให้ตำรวจแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง
เพราะถ้างานสอบสวนหลุดมือ ผลประโยชน์ก้อนโตจะหลุดลอยไป ตำรวจที่กลัวถูกทุบหม้อข้าวจึงออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการแยกงานสอบสวนออก
กระแสเรียกร้องให้ยกเครื่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังมานานหลายปีแล้ว และหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ทำท่าจะขานรับกระแสสังคม โดยจะปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่ารัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่จนสิ้นอายุขัยทั้งสองรัฐบาล กลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในทางที่ดีขึ้นสำหรับวงการสีกากี มีแต่เลวร้ายหนักขึ้น โดยเฉพาะยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งตำรวจถูกใช้เป็นกลไกในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
การรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การจัดตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ประชาชนเกิดความหวังอีกครั้ง และคิดว่า ไม่น่าจะผิดหวังกันอีก
เพราะพล.อ.ประยุทธ์คงเอาแน่กับการปฏิรูปตำรวจ
ตั้งแต่มี คสช.เส้นทางทำมาหากินของตำรวจถูกสกัด ไม่ว่ากวาดล้างมาเฟียรถรับจ้าง การห้ามเปิดบ่อนในทุกพื้นที่ ห้ามสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา การตัดช่องทางตบทรัพย์แรงงานต่างด้าว และล่าสุดกำลังเล่นงานตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา
ผลงานการทุบหม้อข้าวตำรวจของพล.อ.ประยุทธ์ถือว่าเข้าตาประชาชน แต่การแก้ปัญหายังมีลักษณะขี้เยี่ยวไม่สุด จนทำให้ประชาชนไม่แน่ใจว่า
ยุคพล.อ.ประยุทธ์จะมีการปฏิรูปตำรวจจริงหรือไม่
รู้กันอยู่ว่า ตำรวจเป็นต้นธารแห่งความเลวร้ายในสังคมไทย ตำรวจเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด ธุรกิจสีเทา ใช้เครื่องแบบหากิน เลือกและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง แต่ คสช.อายุใกล้ครบ 1 ปีแล้ว ยังไม่มีตำรวจคนไหนถูกเล่นงานหนักเลย
การค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจามีนายตำรวจระดับสูงหลายจังหวัดภาคใต้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่โทษเบื้องต้นเพียงแต่ถูกคำสั่งย้าย และแม้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิด แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหาย
คำสั่งย้ายในวงการตำรวจไม่มีความหมายใด นอกจากการตัดตอนกระแสความฉาวโฉ่เท่านั้น เมื่อข่าวเงียบหายนายตำรวจที่ถูกสั่งย้ายก็ได้รับสถาปนาขึ้นมาใหม่ และก้าวขึ้นเป็นใหญ่เป็นโต
ตำรวจเลวๆ มีประวัติด่างพร้อย แม้กระทั่งถูกสั่งให้ออกจากราชการ แต่ก็ช่วยกันให้กลับมารับราชการใหม่ และก้าวขึ้นมาใหญ่โตกันเป็นแถว เพราะองค์กรนี้เป็นองค์กรพวกพ้อง และปกป้องพวกพ้องตัวเอง
การสวมเครื่องแบบสีกากีทำมาหารับประทาน ทั้งรีดทั้งไถ เลือกและละเว้นการปฏิบัติ ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามมาตรา 157 เช่นเดียวกับตำรวจที่ค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา
แต่ไม่มีใครเข้าไปดัดสันดานตำรวจ ไม่มีใครกล้าเล่นงานตำรวจอย่างจริงจัง จนตำรวจได้ใจในการกระทำความผิด และแม้จะอยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร แต่ตำรวจก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมผิดๆ ก้มหน้าก้มตารีดไถต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ดูเหมือนดุดันในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง แต่กลับไม่มีเรื่องใดที่แก้ปัญหาจนจบสิ้นกระบวนความ โดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่ตำรวจ
ไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์กลัวอะไร เพราะในเมื่อเป็นทั้งหัวหน้า คสช.เป็นทั้งผู้นำรัฐบาลทหารอำนาจเต็มไม้เต็มมือ ถ้าตั้งใจปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใครหน้าไหนจะกล้าหือ
อย่ากลัวตำรวจแก่ๆ ไร้น้ำยาที่ออกมาเห่าหอนต่อต้านการปฏิรูป เดินหน้าล้างบางตำรวจชั่วๆ เต็มตัวเถิด “ท่านประยุทธ์”