ในการประชุมสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) เมื่อวานนี้ (11พ.ค.) มีการพิจารณารายงานการปฎิรูประบบการแจ้งเหตุฉุกเฉิน หมายเลขเดียว 112 ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฎิรูประบบสาธารณสุข ในข้อเสนอโครงการปฏิรูปเร็ว (Quick win)โดย พล.อ.ชูศิลป์ คุณาไทย รองประธานกรรมาธิการ ชี้แจงว่า สิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ต้องได้รับการช่วยเหลือเมื่ออยู่ในเหตุที่ไม่ปลอดภัย ศูนย์แจ้งเหตุ ให้รัฐบริการประชาชน ช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์วิกฤต ซึ่งจากข้อมูลประเทศไทย มีความเสี่ยง มีเหตุฉุกเฉินมากที่สุดในอาเซียน โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ต้องเสียชีวิต 6 หมื่นคนต่อปี ที่เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล และเราสามารถช่วยชีวิตได้ร้อยละ 50 หากมีการช่วยเหลือในเหตุฉุกเฉินได้
ในปัจจุบัน การแจ้งเหตุฉุกเฉินมีหลายเบอร์ ทำให้เกิดการจำเบอร์ไม่ได้ ติดต่อไม่ได้ ล่าช้า ระบบการแจ้งเหตุฉุกเฉิน มีข้อบกพร่องหลายประการ 1. ขาดการเข้าถึงของประชาชน ประชาชนที่อยู่บางพื้นที่ของประเทศไม่สามารถติดต่อแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ 2. ขาดประสิทธิภาพในการสนับสนุน โดยไม่สามารถบอกพิกัด ข้อมูลส่วนบุคคลได้ 3. ไม่มีระบบการประสานงานในการช่วยเหลือจากหน่วยต่างๆ 4. ระบบเดิมไม่มีมาตรฐานสากล ไม่สามารถที่เป็นระบบเชื่อมโยงแจ้งเหตุระหว่างประเทศ และชาวต่างชาติไม่สามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ และ 5. ไม่มีระบบติดตามการปฎิบัติการช่วยเหลือฉุกเฉิน ไม่มีการประเมินผลการปฎิบัติงาน ดังนั้น จึงอยากให้เป็นหน่วยงานกลางในการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน และระบบปฎิบัติการทุกด้าน ครอบคลุม บริการทั่วถึง
ทั้งนี้สมาชิกสปช.มีการอภิปรายเห็นด้วยกับข้อเสนอของกรรมาธิการ พร้อมตั้งข้อสังเกตุเพิ่มเติมว่าไม่แน่ใจว่าการรวมเบอร์ทั้งหมดมาไว้
ในเบอร์เดียว จะทำได้ดีหรือไม่ เพราะขณะนี้เบอร์ฉุกเฉินมีจำนวนมาก จึงอาจจะเกิดปัญหายุ่งยากมาก และอาจต้องมีหมายเลขเฉพาะ เพื่อคนชรา คนพิการ
ผู้หญิง ทั้งนี้เบอร์ดังกล่าวไม่ได้แยกว่า เหตุการณ์ต่างๆ มีอะไรบ้าง เพราะกดครั้งเดียว และควรคิดถึงการป้องกันเหตุด้วย เช่น การใช้กล้องวงจรปิด ใน
การแจ้งเตือนอีกทางหนึ่งด้วย และเรื่องระบบดิจิตอล ที่จะออนไลน์ทุกพื้นที่ ยังไม่สำเร็จ อาจทำให้มีจุดบอดอีกเยอะ และ เบอร์ 112 จะสามารถเรียกได้ทุก
สถานการณ์หรือไม่ ขณะที่ในจังหวัดและท้องถิ่น ยังไม่เป็นรูปธรรมพอสมควร และการสื่อสารที่ยังไม่ทั่วถึง จะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร เพราะถือเป็น
เรื่องใหญ่
จากนั้นที่สมาชิกได้ลงมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ด้วยคะแนน 203 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 และจะไปยังคณะรัฐมนตรี
เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ผบ.ทบ. เบรกพรรคการเมือง งดเคลื่อนไหวพบปะประชาชน โดยอ้างถึงการแสดงความเห็นรธน. ชี้ทุกอย่างดำเนินการตามกรอบ คสช. จะช้าจะเร็วเป็นไปตามความจำเป็น ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือทุกอย่างก็เดินไปด้วยความรวดเร็ว
ในปัจจุบัน การแจ้งเหตุฉุกเฉินมีหลายเบอร์ ทำให้เกิดการจำเบอร์ไม่ได้ ติดต่อไม่ได้ ล่าช้า ระบบการแจ้งเหตุฉุกเฉิน มีข้อบกพร่องหลายประการ 1. ขาดการเข้าถึงของประชาชน ประชาชนที่อยู่บางพื้นที่ของประเทศไม่สามารถติดต่อแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ 2. ขาดประสิทธิภาพในการสนับสนุน โดยไม่สามารถบอกพิกัด ข้อมูลส่วนบุคคลได้ 3. ไม่มีระบบการประสานงานในการช่วยเหลือจากหน่วยต่างๆ 4. ระบบเดิมไม่มีมาตรฐานสากล ไม่สามารถที่เป็นระบบเชื่อมโยงแจ้งเหตุระหว่างประเทศ และชาวต่างชาติไม่สามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ และ 5. ไม่มีระบบติดตามการปฎิบัติการช่วยเหลือฉุกเฉิน ไม่มีการประเมินผลการปฎิบัติงาน ดังนั้น จึงอยากให้เป็นหน่วยงานกลางในการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน และระบบปฎิบัติการทุกด้าน ครอบคลุม บริการทั่วถึง
ทั้งนี้สมาชิกสปช.มีการอภิปรายเห็นด้วยกับข้อเสนอของกรรมาธิการ พร้อมตั้งข้อสังเกตุเพิ่มเติมว่าไม่แน่ใจว่าการรวมเบอร์ทั้งหมดมาไว้
ในเบอร์เดียว จะทำได้ดีหรือไม่ เพราะขณะนี้เบอร์ฉุกเฉินมีจำนวนมาก จึงอาจจะเกิดปัญหายุ่งยากมาก และอาจต้องมีหมายเลขเฉพาะ เพื่อคนชรา คนพิการ
ผู้หญิง ทั้งนี้เบอร์ดังกล่าวไม่ได้แยกว่า เหตุการณ์ต่างๆ มีอะไรบ้าง เพราะกดครั้งเดียว และควรคิดถึงการป้องกันเหตุด้วย เช่น การใช้กล้องวงจรปิด ใน
การแจ้งเตือนอีกทางหนึ่งด้วย และเรื่องระบบดิจิตอล ที่จะออนไลน์ทุกพื้นที่ ยังไม่สำเร็จ อาจทำให้มีจุดบอดอีกเยอะ และ เบอร์ 112 จะสามารถเรียกได้ทุก
สถานการณ์หรือไม่ ขณะที่ในจังหวัดและท้องถิ่น ยังไม่เป็นรูปธรรมพอสมควร และการสื่อสารที่ยังไม่ทั่วถึง จะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร เพราะถือเป็น
เรื่องใหญ่
จากนั้นที่สมาชิกได้ลงมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ด้วยคะแนน 203 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 และจะไปยังคณะรัฐมนตรี
เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ผบ.ทบ. เบรกพรรคการเมือง งดเคลื่อนไหวพบปะประชาชน โดยอ้างถึงการแสดงความเห็นรธน. ชี้ทุกอย่างดำเนินการตามกรอบ คสช. จะช้าจะเร็วเป็นไปตามความจำเป็น ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือทุกอย่างก็เดินไปด้วยความรวดเร็ว