ASTVผู้จัดการรายวัน- “กกร.”เตรียมเปิดเวทีถกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 24 พ.ค.นี้ร่วมกับคณะกรรมาธิการยกร่างระดมเอกชนต่างจังหวัดร่วมยกระดับการเมืองไทยหวังให้มีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อย ลดความขัดแย้ง พร้อมรับศก.ไทยยังเปราะบางแนะรัฐเร่งคลอดมาตรการดูแล
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบันได้แก่ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมะนาคารไทยหรือ กกร. ว่า ประมาณวันที่ 24 พ.ค.นี้กกร.ได้เตรียมที่จะจัดเวทีสัมมนาและรับฟังความเห็นร่วมกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะสะท้อนมุมมองของภาคธุรกิจเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้อย่างเป็นธรรมและเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศโดยรวม
“เบื้องต้นเรากำหนดไว้ 24 พ.ค.นี้ก็ต้องถามความพร้อมจากทุกส่วนก่อนแต่คงไม่เกิน 26 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามกกร.ครั้งนี้ศาตราจารย์ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้ให้เกียรติร่วมแลกเปลี่ยนและรับฟังความเห็น โดยหลักการของเอกชนเองต้องการให้หนุนภาคเอกชนทำธุรกิจอย่างเป็นธรรมและไม่สร้างความแตกแยกให้กับพลเมือง “นายสุพันธุ์กล่าว
ทั้งนี้กกร. ได้ให้ความเห็นว่าหลักการร่างรัฐธรรมนูญควรวางกรอบลักษณะกว้างๆไม่ควรกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นรายละเอียดเพื่อให้กฏหมายแม่บทฉบับดังกล่าวเป็นกฏหมายที่ใช้ครอบคลุมและรับรองกฏหมายลูกอื่นๆที่จะตามมาในอนาคตโดยได้นำเสนอสาระสำคัญ 4 กรอบใหญ่ในการยกร่างคือ 1. สร้างพลเมืองให้เห็นใหญ่เพื่อขยายและยกระดับสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชน 2. การเมือง ใสสะอาดสมดุลเพื่อปรับสมดุลอำนาจ ตรวจสอบและถ่วงดุล 3. หนุนสังคมที่เป็นธรรมและ4.นำชาติสู่สันติสุข
นอกจากนี้กกร.ยังได้มีการประชุมสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยพบว่าการฟื้นตัวยังอยู่ในภาวะเปราะบางแต่ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนแผ่วลงแม้ปัจจัยบวกการเบิกจ่ายภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้น ดังนั้นจึงเห็นว่ามาตรการที่เอกชนเคยเสนอไปควรให้เกิดรูปธรรมโดยเฉพาะการช่วยธุรกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs) ระยะสั้น 1-2
ปีด้วยการขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) มาอยู่ที่ 30% จาก 18% และ 50% สำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตร
“เวลานี้แบงก์เองก็ยอมรับว่าไม่ปล่อยกู้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรเพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมากโดยเฉพาะราคาข้าวเห็นว่าระยะสั้นรัฐควรจะอุดหนุนราคาอย่างต่ำให้ราคาขยับเป็นเกวียนละ 9,000 บาทจาก 6,000 บาทในขณะนี้ ส่วนการช่วยเอสเอ็มอีที่คลังระบุจะนิรโทษกรรมให้นั้นเห็นว่าไม่พอควรจะลดภาษีให้ด้วยซึ่งเราเคยเสนอไปแล้วแบบขั้นบันได”นายสุพันธุ์กล่าว
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เวทีที่จะจัดสัมมนารับฟังความเห็นรวมกันของเอกชนที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้จะมีการเชิญชวนสมาชิกของแต่ละฝ่ายในส่วนต่างจังหวัดและผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมให้มากสุดเพื่อทำให้ร่างรัฐธรรมนูญมีความสมบูรณ์รอบด้านซึ่งมีหลากหลายประเด็นที่จะต้องพิจารณา
แต่ภาพรวมแล้วสิ่งที่เอกชนต้องการคือวามมั่นคงของรัฐบาลที่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งเพราะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจมองว่าได้พ้นภาวะตกต่ำสุดแล้วเชื่อว่าเม็ดเงินกระตุ้นการลงทุนของรัฐที่มีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นจะเข้ามาช่วยให้เกิดการลงทุน อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อน ซึ่งภาพรวมต้องมองขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบันได้แก่ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมะนาคารไทยหรือ กกร. ว่า ประมาณวันที่ 24 พ.ค.นี้กกร.ได้เตรียมที่จะจัดเวทีสัมมนาและรับฟังความเห็นร่วมกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะสะท้อนมุมมองของภาคธุรกิจเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้อย่างเป็นธรรมและเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศโดยรวม
“เบื้องต้นเรากำหนดไว้ 24 พ.ค.นี้ก็ต้องถามความพร้อมจากทุกส่วนก่อนแต่คงไม่เกิน 26 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามกกร.ครั้งนี้ศาตราจารย์ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้ให้เกียรติร่วมแลกเปลี่ยนและรับฟังความเห็น โดยหลักการของเอกชนเองต้องการให้หนุนภาคเอกชนทำธุรกิจอย่างเป็นธรรมและไม่สร้างความแตกแยกให้กับพลเมือง “นายสุพันธุ์กล่าว
ทั้งนี้กกร. ได้ให้ความเห็นว่าหลักการร่างรัฐธรรมนูญควรวางกรอบลักษณะกว้างๆไม่ควรกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นรายละเอียดเพื่อให้กฏหมายแม่บทฉบับดังกล่าวเป็นกฏหมายที่ใช้ครอบคลุมและรับรองกฏหมายลูกอื่นๆที่จะตามมาในอนาคตโดยได้นำเสนอสาระสำคัญ 4 กรอบใหญ่ในการยกร่างคือ 1. สร้างพลเมืองให้เห็นใหญ่เพื่อขยายและยกระดับสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชน 2. การเมือง ใสสะอาดสมดุลเพื่อปรับสมดุลอำนาจ ตรวจสอบและถ่วงดุล 3. หนุนสังคมที่เป็นธรรมและ4.นำชาติสู่สันติสุข
นอกจากนี้กกร.ยังได้มีการประชุมสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยพบว่าการฟื้นตัวยังอยู่ในภาวะเปราะบางแต่ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนแผ่วลงแม้ปัจจัยบวกการเบิกจ่ายภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้น ดังนั้นจึงเห็นว่ามาตรการที่เอกชนเคยเสนอไปควรให้เกิดรูปธรรมโดยเฉพาะการช่วยธุรกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs) ระยะสั้น 1-2
ปีด้วยการขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) มาอยู่ที่ 30% จาก 18% และ 50% สำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตร
“เวลานี้แบงก์เองก็ยอมรับว่าไม่ปล่อยกู้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรเพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมากโดยเฉพาะราคาข้าวเห็นว่าระยะสั้นรัฐควรจะอุดหนุนราคาอย่างต่ำให้ราคาขยับเป็นเกวียนละ 9,000 บาทจาก 6,000 บาทในขณะนี้ ส่วนการช่วยเอสเอ็มอีที่คลังระบุจะนิรโทษกรรมให้นั้นเห็นว่าไม่พอควรจะลดภาษีให้ด้วยซึ่งเราเคยเสนอไปแล้วแบบขั้นบันได”นายสุพันธุ์กล่าว
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เวทีที่จะจัดสัมมนารับฟังความเห็นรวมกันของเอกชนที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้จะมีการเชิญชวนสมาชิกของแต่ละฝ่ายในส่วนต่างจังหวัดและผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมให้มากสุดเพื่อทำให้ร่างรัฐธรรมนูญมีความสมบูรณ์รอบด้านซึ่งมีหลากหลายประเด็นที่จะต้องพิจารณา
แต่ภาพรวมแล้วสิ่งที่เอกชนต้องการคือวามมั่นคงของรัฐบาลที่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งเพราะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจมองว่าได้พ้นภาวะตกต่ำสุดแล้วเชื่อว่าเม็ดเงินกระตุ้นการลงทุนของรัฐที่มีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นจะเข้ามาช่วยให้เกิดการลงทุน อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อน ซึ่งภาพรวมต้องมองขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
