รมช.กลาโหมเผยกองทัพติดตามถกร่างรัฐธรรมนูญอยู่ แต่ยังไม่บอกคิดเห็นอย่างไร บอกไม่สามารถพูดได้ผ่านไปด้วยดีจนมีเลือกตั้ง ยันไม่เคยเห็นข่าว “ประวิตร” สั่งตั้ง กมธ.สำรองอีกชุด ระบุพยายามเปิดเวที ศปป.อีก แนะอย่าตกใจที่ทหารไปหาเพราะกลัวสื่อสารผิด
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่ฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญว่า ทางสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ได้นำมาพิจารณาแล้วจากที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการและส่งมาให้ตรวจสอบซึ่งก็มีข้อคิดเห็นต่างๆ ในส่วนของกองทัพก็ได้ติดตามเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหมได้สั่งการตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เน้นย้ำไว้ว่าให้ส่วนราชการต่างๆ ไปพิจารณาและให้ข้อคิดเห็นด้วย โดยยังมีเวลาในส่วนของหน่วยงานราชการที่เป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ตนไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ว่ามีข้อคิดเห็นอย่างไรบ้าง ในส่วนของกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม ทาง พล.อ.ประวิตรก็ได้สั่งการแล้วให้ดูและรวบรวมทำการพูดคุยเพื่อแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อไป
เมื่อถามว่า การที่มีข้อคิดเห็นที่หลากหลาย เชื่อมั่นหรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านไปด้วยดีจนนำไปสู่การเลือกตั้งได้หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่สามารถพูดได้ เพราะผู้รับผิดชอบในภาพรวมเป็นอีกส่วนหนึ่ง ตนพูดในกรอบของตนเท่านั้น ถ้าพูดไปก่อนคงไม่เหมาะสม คงจะต้องพิจารณาร่วมกันอีกที อาจจะต้องมีการปรับบ้าง ซึ่งแล้วแต่ข้อคิดเห็น
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตรตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสำรองขึ้นมาอีกชุด พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่เคยเห็นข่าวนี้ มีแต่เพียงว่าให้ทุกส่วนราชการไปดูร่างรัฐธรรมนูญและให้ข้อคิดเห็น ในส่วนรายละเอียดอาจจะเกี่ยวข้องกับส่วนราชการบางส่วนหรือกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งก็สามารถให้ข้อคิดเห็นได้ คำถามดังกล่าวนั้นตนยังไม่ได้รับทราบ เราพยายามทำให้ดีที่สุดทุกด้าน
เมื่อถามว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) จะเชิญนักวิชาการ นักการเมืองและฝ่ายต่างๆมาพูดคุยอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า จากการพูดคุยครั้งที่ผ่านมาถือว่าเป็นประโยชน์ โดยนายกฯ และ พล.อ.ประวิตรได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นฝ่ายต่างๆ ได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ บางสิ่งก็เป็นข้อคิดเห็นส่วนตัวแต่ละคน อาจจะดูดีหรือไม่ดีก็ว่ากันไป น่าจะเป็นช่องทางที่ทำให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงออก
“การแสดงออกในกรอบที่เราจัดให้นั้นเราให้พูดอย่างเสรี ดีกว่าการที่จะไปพูดในเชิงไม่สร้างสรรค์ในเวทีของตนเอง หรือใช้กลุ่มต่างๆ หรือออกทางสื่อมวลชนทั้งการให้สัมภาษณ์หรือการพูดคุยที่ไม่สร้างสรรค์ สิ่งเหล่านั้นเป็นผลที่ไม่ดี การเปิดเวทีของศปป.ก็สามารถเป็นช่องทางในการพูดคุย โดยเจ้าหน้าที่จะรวบรวมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ผมจะพยายามจัดให้มีเวทีพูดคุยแบบนี้ต่อไป แต่อาจจะเว้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่นานจนเกินไป โดยรอเวลาที่เหมาะสมก็จะเชิญมาพูดคุยต่อไป ผมขอความร่วมมือล่วงหน้าหากมีการเปิดเวทีลักษณะแบบนี้อีก ซึ่งไม่ต้องตกใจ เพราะครั้งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ไปบอกเจ้าตัวเอง เพราะกลัวเรื่องการสื่อสารผิดพลาด” พล.อ.อุดมเดชกล่าว