สปช. ถกร่างรัฐธรรมนูญหมวดปฏิรูป-ปรองดอง “เกริกไกร” ค้าน สปช. นั่งสภาขับเคลื่อนฯ ด้าน “ธีรยุทธ์” ชี้ 5 ปีปฏิรูปไม่สำเร็จ พร้อมเสนอยุบสภาขับเคลื่อนฯ - คณะ กก.ยุทธศาสตร์ฯ เหลือแค่สำนักงาน กันครหาสืบทอดอำนาจ-ประหยัดงบประมาณ
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช.คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ได้เข้าสู่การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในภาค 4 ว่าด้วยการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง นายเกริกไกร จีระแพทย์ สมาชิก สปช.ด้านเศรษฐกิจ ในฐานะประธาน กมธ.ปฏิรูปการเกษตรและอุตสาหกรรม กล่าวว่า กลไกของการปฏิรูปในทุกด้านจะต้องมีความชัดเจนในการกำหนดกรอบเวลาและการเชื่อมโยงในทางปฏิบัติที่จะต้องสามารถปฏิบัติได้จริง รวมถึงการกำกับนโยบายของรัฐที่จะต้องมีเสถียรภาพในการทำงาน รวมถึงการขับเคลื่อนในการปฏิรูปประเทศต้องเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล หลังจากที่รัฐธรรมนูญนี้ถูกประกาศใช้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกลไกเข้ามาขับเคลื่อนการปฏิรูปต่อ และการปฏิรูปไม่ควรทำแค่ 5 ปี แต่ต้องทำหลังจากนั้นด้วย ตนสนับสนุนให้มีสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ที่จะเข้ามาทำงานด้านการปฏิรูปต่อจาก สปช. แต่ที่มานั้นควรมาจากการคัดสรรซึ่งต้องเป็นการคัดสรรใหม่ทั้งหมด เพราะถ้าจะให้พวกเรา สปช.ไปทำหน้าที่กันเองเกรงว่าจะมีข้อครหาจากสังคม ดังนั้นจึงไม่ควรจะมีใครที่อยู่ต่อ
นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ กมธ.ยกร่างฯ ที่ได้บรรจุข้อเสนอส่วนใหญ่ของ กมธ. ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ในรายละเอียดก็จะมีข้อสังเกตและเสนอแนะเพิ่มให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ดังนี้ มาตรา 277 กำหนดให้รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงาน และพลเมือง ต้องจัดให้มีการปฏิรุปและสร้างความปรองดอง ถือเป็นมาตราที่ดีที่สุด ซึ่งหากไม่ปฏิบัติจะถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาอยู่ที่มาตรา 278 ที่กำหนดอายุงานปฏิรูปไม่เกิด 5 ปี นับจากวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ เว้นแต่พลเมืองมีสิทธิ์เลือกตั้งออกเสียง 5 หมื่นรายชื่อทำประชามติ ซึ่งตนรู้สึกว่ามาตราดังกล่าวให้ความสำคับกับการปฏิรูปน้อยไป ในเมื่อร่างนี้มีมาตราเกี่ยวกับปฏิรูป 15 มาตรา แต่มาตรา 278 เขียนให้ทำได้แค่ 5 ปี และต่อได้อีกไม่เกิน 5 ปี คือไม่เกิน 10 ปี เทากับเราไม่ต้องปฏิรูปแล้ว
“การปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดิน เป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้เวลาต่อเนื่อง แนวทางปฏิรูปทั้ง 15 ด้าน ไม่สามารถทำให้สำเร็จทุกเรื่องภายใน 5 ปี หรือบางเรื่อง 10 ปี ก็ยังไม่เสร็จ เห็นด้วยที่ต้องมีองค์กรเพื่อสานต่องานปฏิรูป บางประเทศตั้งเป็นกระทรวงปฏิรูป และในประเทศของเราเคยมีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ” นายธีรยุทธ์กล่าว
นายธีรยุทธ์กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจที่ กมธ.ยกร่างฯ ต้องกำหนดอายุให้องค์กรต่างๆ ในภาค 4 เพราะเกรงว่า การตั้งสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศแห่งชาติ คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติสภาขับเคลื่อน คณะกรรมการอิสระเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ จะถูกมองว่าเป็นองค์กรสืบทอดอำนาจ ซึ่งตนเห็นด้วยที่จะมีการจำกัดอายุองค์กรเฉพาะกิจขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยที่จะเขียนอายุขององค์กรทั้งหมดในภาค 4 ให้หมดวาระภายใน 5 ปีทั้งหมด
นายธีรยุทธ์กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรา 279 สภาขับเคลื่อนฯ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ มีความจำเป็นต้องตั้งขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องอำนาจหน้าที่ของสภาขับเคลื่อนฯ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ เพราะถือเป็นคนละองค์กรก็ต้องมีอำนาจหน้าที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ เห็นว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น “คณะกรรมการบริหารการปฏิรูปแห่งชาติ” มีหน้าที่กำกับติดตาม จัดทำ แนะนำ และให้คำปรึกษากับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูป อย่างไรก็ตาม ถ้าให้ดีควรตั้งเป็นแค่คณะกรรมการ หรือสำนักงานคณะกรรมการบริหารการปฏิรูปเพียงองค์กรเดียวเท่านั้น เพื่อตัดข้อครหาเรื่องสืบทอดอำนาจ และลดจำนวนองค์กรตั้งใหม่ได้อีกหนึ่งองค์กร อีกทั้งเป็นการลดใช้งบประมาณแผ่นดินด้วย
