xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งกก.สอบ"หัสวุฒิ"ยังวุ่น แบ่งขั้วอำนาจในศาลปค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายงานข่าวจากศาลปกครองแจ้งว่า ขณะนี้ได้เกิดความเห็นต่างกันภายในบุคลากรของศาลปกครอง เนื่องมาจากกรณีที่ นายไกรรัช เงยวิจิตร รักษาการเลขาธิการศาลปกครอง ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 28 เม.ย. 58 ถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อขอให้ ก.พ. พิจารณาทบทวนการแต่งตั้ง นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ในฐานะตัวแทนของก.พ. เป็นกรรมการในคณะกรรมการสอบสวน นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ตามมติของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) โดยให้เหตุผลว่า นายธีรยุทธ์ เข้าข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการสอบสวน เนื่องจากดำรงตำแหน่งรองประธานศาลปกครอง และเมื่อเกษียณอายุ ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาสำนักงานศาลปกครอง โดยความเห็นชอบของนายหัสวุฒิ ซึ่งก่อนหน้านี้ สำนักงาน ก.พ. ก็ได้เคยมีหนังสือยืนยันการแต่งตั้ง นายธีรยุทธ์มาแล้ว ตามที่รักษาการเลขาธิการศาลปกครองได้มีหนังสือสอบถามไปก่อนหน้านี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเดียวกัน บุคลากรศาลปกครองในนาม“คณะตุลาการศาลปกครองผู้รักความเป็นธรรม”ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่สนับสนุนมติของสำนักงานก.พ. ไปถึงประธาน และคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน โดยระบุว่า ขณะนี้มีบุคคลบางกลุ่มได้อาศัยเสียงข้างมากของ ก.ศป. โต้แย้งการใช้อำนาจของก.พ.ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งๆ ที่ ก.พ.ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว กรณีคัดเลือกนายธีรยุทธ์ ร่วมเป็นคณะกรรมการสอบสวนประธานศาลปกครองสูงสุด เพราะบุคคลกลุ่มนี้ มีเจตนาพิเศษ อคติชั่วร้าย ต้องการลงโทษ และไล่ออกนายหัสวุฒิ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานความผิดเพียงพอ เพื่อให้กลุ่มของตน เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด และยึดอำนาจบริหารแบบเบ็ดเสร็จ สามารถเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนเองต่อไป
" จึงขอส่งเอกสารความเห็น และข้อเท็จจริงมาเพื่อขอให้ก.พ.ทุกท่าน ได้โปรดพิจารณายืนยันมติเดิม เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งถูกกลั่นแกล้งให้พักราชการอยู่ในขณะนี้ด้วย จะเป็นคุณแก่ศาลปกครอง และประเทศชาติอย่างยิ่ง" เอกสารดังกล่าว ระบุ
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวได้มีการหยิบยกข้อกฎหมายต่างๆ ขึ้นมาโต้แย้งประเด็นที่กล่าวหาว่า นายธีรยุทธ์ เข้าลักษณะความไม่เป็นกลาง ในการร่วมสอบสวนประธานศาลปกครองสูงสุดไว้จำนวน 9 หน้าด้วยกัน โดยยืนยันว่า การแต่งตั้งนายธีรยุทธ์ เป็นกรรมการก.พ. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย เป็นกรรมการในคณะกรรมการสอบสวน ชอบด้วยเจตนารมณ์ และบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ อีกทั้งนายธีรยุทธ์ ถือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมาย เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการก.พ. และรองประธานศาลปกครองสูงสุด ตลอดจนประสบการณ์ด้านการบริหารงานราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะด้านการบริหารงานบุคคล เป็นที่ประจักษ์ในสังคม และแวดวงราชการ รวมทั้งชี้ให้เห็นว่า คณะกรรมการสอบสวนไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการที่จะพิจารณาเกี่ยวกับความเหมาะสมของกรรมการสอบสวนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบจากก.พ. และไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ในการที่จะยื่นเรื่องขอคัดค้านกรรมการที่ตนเองเห็นว่า อาจไม่เป็นกลางอีกด้วย
ส่วนกรณีข้อกล่าวหาความไม่เป็นกลาง และมีความใกล้ชิดกับประธานศาลปกครองสูงสุด ของนายธีรยุทธ์ นั้น เอกสารดังกล่าวชี้แจงว่า การทำหน้าที่ ที่ปรึกษาในศาลปกครองสูงสุด และเป็นประธานกรรมการมูลนิธิวิจัย และพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางปกครองของ นายธีรยุทธ์ ไม่เข้าลักษณะของความไม่เป็นกลางตาม มาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ตามที่มีการอ้างอิงถึงแต่อย่างใด และตำแหน่งที่ปรึกษาในศาลปกครองสูงสุด ไม่ใช่ตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานศาลปกครองสูงสุดโดยตรง แต่เป็นอำนาจของคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ก.ขป.) ดังนั้น การที่ ก.ศป. พยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของนายธีรุยทธ์ กับนายหัสวุฒิ นั้นจึงเป็นเรื่องที่เลื่อนลอย และไกลเกินความเป็นจริง
"ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งที่ปรึกษาฯ มิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของประธานศาลปกครองสูงสุด ในขณะที่ก.ศป. ซึ่งประกอบด้วยตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีความร้ายแรงโดยสภาพในเรื่องของความไม่เป็นกลาง ที่มีความใกล้ชิดกว่ามาก ยังสามารถทำหน้าที่ในการพิจารณาทางปกครองต่อประธานศาลปกครองสูงสุดได้" เอกสารดังกล่าว ระบุ
กลุ่มคณะตุลาการศาลปกครองผู้รักความเป็นธรรม ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า เหตุผลการขอให้สำนักงานก.พ. ทบทวนแต่งตั้งนายธีรยุทธ์ ร่วมเป็นคณะกรรมาการสอบสวนประธานศาลปกครองสูงสุด ที่คณะกรรมการสอบสวนฯ และก.ศป. กล่าวอ้าง เป็นเหตุผลที่พยายามสร้างขึ้นมาเอง โดยไม่มีกฎหมาย และข้อเท็จจริงรองรับ เป็นเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก และไม่อาจรับฟังได้ ทั้งยังแสดงถึงนัยยะซ่อนเร้น และมีลักษณะเป็นการใช้อำนาจกลั่นแกล้งประธานศาลปกครองสูงสุดโดยมิชอบ เพื่อต้องการควบคุมผลการสอบสวนของคณะกรรมการ ให้มีผลมติเป็นไปตามความต้องการของพวกตน ซึ่งการเปลี่ยนตัวกรรมการสอบสวนที่ก.พ.ได้แต่งตั้งมาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว อันเป็นอำนาจโดยแท้ และอิสระของก.พ. โดยที่ไม่มีเหตุผล และไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ ย่อมถือเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต และไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น