ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.อนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2559 ที่ 2.72 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 3.9 แสนล้านบาท หรือตั้งเป้ารายได้ 2.33 ล้านล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการได้มากสุดที่ 5.2 แสนล้านบาท ครม.ยังเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 58 วงเงิน 476 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2559 ที่ 2.72 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณที่ 3.9 แสนล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.33 ล้านล้านบาท โดยในงบประมาณรายจ่ายนี้ เป็นงบรายจ่ายประจำมากสุดที่ 2.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.6% หรือคิดเป็นสัดส่วน 77.2% ของงบประมาณทั้งหมด, รายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 67.7%, รายจ่ายเงินลงทุน 5.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 6.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3%
กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณสูงสุดที่ 5.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 3.8% รองลงมา คือ งบกลาง 4.02 แสนล้านบาท พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 59 และเอกสารประกอบ ส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติภายใน 12 พ.ค.58
***ครม.เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าว
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปีประจำปีการผลิต 2558 วงเงิน 476.48 ล้านบาท คาดว่าจะมีชาวนาเข้าร่วมมากขึ้นเป็น 1.5 ล้านไร่ จากเดิม 8 แสนไร่ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปีการผลิตในเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้ เงื่อนไขในโครงการยังเป็นตามเดิม แต่ในส่วนของวงเงินนั้นอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้ หากมีการทำประกันมากขึ้น
รมว.คลังยังกล่าวถึงการออกพันธบัตรรัฐบาลว่า ขอเวลาอีก 2 เดือนในการพิจารณาออกพันธบัตรรัฐบาล เพื่อการเคลียร์หนี้เดิมที่สะสม ซึ่งการออกพันธบัตรรัฐบาลนี้จำเป็นต้องมีการร่างเป็นกฎหมายขึ้นมารองรับด้วย
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.ได้เร่งรัดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการให้ทันภายใน พ.ค.นี้ โดยวงเงิน 476.48 ล้านบาท แยกเป็น 2 ส่วน คือ นำงบประมาณประกันภัยข้าวนาปีของปี 57 ที่เหลือ 208 ล้านบาทเศษ มารวมกับงบประมาณที่จะขอเพิ่มเติมในปีนี้อีก 268 ล้านบาทเศษ ซึ่ง ครม.ได้มีมติให้ ธ.ก.ส.ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลไปก่อนแล้วเบิกชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมดอกเบี้ย FDR+1% ในปีงบประมาณ 59 โดยได้มอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นผู้ประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยในการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ดี โครงการประกันภัยข้าวนาปีนี้ ได้จัดแบ่งพื้นที่ในการทำนาออกเป็น 5 พื้นที่ คือ 1.พื้นที่เสี่ยงต่ำที่สุด 2.พื้นที่เสี่ยงต่ำมาก 3.พื้นที่เสี่ยงต่ำ 4.พื้นที่เสี่ยงปานกลาง และพื้นที่เสี่ยงสูง โดยพื้นที่เสี่ยงต่ำที่สุดนี้ เกษตรกรจะต้องจ่ายเงินเข้าโครงการประกันภัยข้าวไร่ละ 60 บาท โดยรัฐสนับสนุนให้ไร่ละ 64 บาท แต่ถ้าเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง เกษตรกรจะต้องจ่ายเงินเข้าโครงการประกันภัยข้าวไร่ละ 100 บาท โดยรัฐสนับสนุนให้ไร่ละ 383 บาท
"ปีที่ผ่านมา สามารถดำเนินการได้เพียง 8 แสนไร่เท่านั้น ซึ่งคิดเป็นไม่ถึง 2% ของพื้นที่ทำนาทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 63 ล้านไร่ แต่ในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะพยายามทำให้ได้ 1.5 ล้านไร่" พล.ต.สรรเสริญแถลง.
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2559 ที่ 2.72 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณที่ 3.9 แสนล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.33 ล้านล้านบาท โดยในงบประมาณรายจ่ายนี้ เป็นงบรายจ่ายประจำมากสุดที่ 2.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.6% หรือคิดเป็นสัดส่วน 77.2% ของงบประมาณทั้งหมด, รายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 67.7%, รายจ่ายเงินลงทุน 5.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 6.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3%
กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณสูงสุดที่ 5.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 3.8% รองลงมา คือ งบกลาง 4.02 แสนล้านบาท พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 59 และเอกสารประกอบ ส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติภายใน 12 พ.ค.58
***ครม.เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าว
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปีประจำปีการผลิต 2558 วงเงิน 476.48 ล้านบาท คาดว่าจะมีชาวนาเข้าร่วมมากขึ้นเป็น 1.5 ล้านไร่ จากเดิม 8 แสนไร่ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปีการผลิตในเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้ เงื่อนไขในโครงการยังเป็นตามเดิม แต่ในส่วนของวงเงินนั้นอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้ หากมีการทำประกันมากขึ้น
รมว.คลังยังกล่าวถึงการออกพันธบัตรรัฐบาลว่า ขอเวลาอีก 2 เดือนในการพิจารณาออกพันธบัตรรัฐบาล เพื่อการเคลียร์หนี้เดิมที่สะสม ซึ่งการออกพันธบัตรรัฐบาลนี้จำเป็นต้องมีการร่างเป็นกฎหมายขึ้นมารองรับด้วย
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.ได้เร่งรัดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการให้ทันภายใน พ.ค.นี้ โดยวงเงิน 476.48 ล้านบาท แยกเป็น 2 ส่วน คือ นำงบประมาณประกันภัยข้าวนาปีของปี 57 ที่เหลือ 208 ล้านบาทเศษ มารวมกับงบประมาณที่จะขอเพิ่มเติมในปีนี้อีก 268 ล้านบาทเศษ ซึ่ง ครม.ได้มีมติให้ ธ.ก.ส.ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลไปก่อนแล้วเบิกชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมดอกเบี้ย FDR+1% ในปีงบประมาณ 59 โดยได้มอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นผู้ประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยในการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างไรก็ดี โครงการประกันภัยข้าวนาปีนี้ ได้จัดแบ่งพื้นที่ในการทำนาออกเป็น 5 พื้นที่ คือ 1.พื้นที่เสี่ยงต่ำที่สุด 2.พื้นที่เสี่ยงต่ำมาก 3.พื้นที่เสี่ยงต่ำ 4.พื้นที่เสี่ยงปานกลาง และพื้นที่เสี่ยงสูง โดยพื้นที่เสี่ยงต่ำที่สุดนี้ เกษตรกรจะต้องจ่ายเงินเข้าโครงการประกันภัยข้าวไร่ละ 60 บาท โดยรัฐสนับสนุนให้ไร่ละ 64 บาท แต่ถ้าเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง เกษตรกรจะต้องจ่ายเงินเข้าโครงการประกันภัยข้าวไร่ละ 100 บาท โดยรัฐสนับสนุนให้ไร่ละ 383 บาท
"ปีที่ผ่านมา สามารถดำเนินการได้เพียง 8 แสนไร่เท่านั้น ซึ่งคิดเป็นไม่ถึง 2% ของพื้นที่ทำนาทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 63 ล้านไร่ แต่ในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะพยายามทำให้ได้ 1.5 ล้านไร่" พล.ต.สรรเสริญแถลง.
