เอเอฟพี - สเปนเผยข้อมูลในวันพฤหัสบดี (23 เม.ย.) ว่าอัตราการว่างงานในแดนกระทิงดุเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสแรก ตอกย้ำให้เห็นถึงความท้าทายที่ประเทศนี้กำลังเผชิญ ขณะหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ
สถาบันสถิติแห่งชาติของสเปน เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไปอยู่ที่ 23.78 เปอร์เซ็นต์ จากของเดิม 23.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่แล้ว
อันที่จริง จำนวนผู้ที่ไม่ได้ทำงานในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม อยู่ที่ 5.44 ล้านราย ลดลงไป 13,100 รายจากไตรมาสก่อน ถือว่าลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2005 ถ้าดูเฉพาะไตรมาสแรก
แต่การที่อัตราว่างงานยังคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเป็นเพราะสัดส่วนของแรงงานมีการลดลงในช่วงไตรมาสแรก อยู่ที่ตัวเลข 22.9 ล้านราย โดยหายไปประมาณ 127,400 ราย เนื่องจากเศรษฐกิจขาลงที่ยาวนานของสเปน ทำให้ผู้ที่เตะฝุ่นมานานต้องยอมแพ้ในการหางานทำ หรือไม่ก็เลือกที่จะเดินทางออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ ช่วงฤดูหนาวมักจะเป็นช่วงที่แย่เสมอ สำหรับการหางานทำในประเทศที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวอย่างสเปน
เศรษฐกิจของสเปน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศในกลุ่มยูโรโซน ต้องอยู่ในสภาวะถดถอยในปี 2008 ตอนที่ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตก ทำให้แรงงานหลายพันต้องเตะฝุ่นกันเป็นแถว ทั้งยังส่งผลให้เกิดอาฟเตอร์ช็อคที่มีการอ้างว่าทำคนตกงานกันทั่วประเทศอีกนับล้าน
การที่เศรษฐกิจสเปนมีการเติบโตขึ้น 1.4 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014 ซึ่งนับเป็นปีแรกที่โตหลังฟองสบู่อสังหาแตก เนื่องมาจากการบริโภคของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น การลงทุนทางธุรกิจสูงขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของหมวดธุรกิจก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม การว่างงานในแดนกระทิงดุนั้นถูกคาดหมายว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง โดยทางองค์การแรงงานระหว่างประเทศได้ทำนายว่า อัตราการว่างงานของสเปนจะยังคงสูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ไปจนสิ้นทศวรรษนี้
อัตราการว่างงานของสเปนนั้นเคยยืนอยู่ที่ 8.57 เปอร์เซ็นต์ในปี 2007 ซึ่งเป็นช่วงที่อสังหาริมทรัพย์กำลังบูม ถือว่าเป็นตัวเลขว่างงานที่น้อยสุดนับตั้งประเทศนี้กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย หลังการตายของผู้นำเผด็จการ ฟรานซิสโก ฟรังโก ในปี 1975
นายกรัฐมนตรีผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม มาเรียโน ราจอย ที่กำลังจะเผชิญกับการเลือกตั้งในช่วงปลายปีนี้ ได้ย้ำอยู่บ่อยครั้งว่า การสร้างงานคือเรื่องที่เขาให้ความสำคัญลำดับต้นๆ หลังจากที่ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปตลาดแรงงาน ลดการขาดดุลงบประมาณ รวมถึงช่วยเหลือธนาคารที่กำลังย่ำแย่
