00 หลายเรื่องเวลานี้กำลังกลายเป็นปัญหาวิกฤติมากขึ้นทุกที ตราบใดที่ประเทศเรายังเป็นประเทศทุนนิยมที่ต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออก พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก อย่างในเวลานี้กำลังเจอกับสองสามเรื่องใหญ่ ที่ถูกฝรั่งขีดเส้นให้แก้ปัญหาตามเส้นตาย เรื่องแรกก็มี คณะกรรมการการบินระหว่างประเทศลดมาตรฐานการบินของไทย ต้องให้กรมการบินพลเรือนแก้ปัญหาให้ได้ตามกำหนด เรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ การทำประมงผิดกม. ทำลายทรัพยากร ที่อียู เพิ่งขีดเส้นมา และเชื่อว่าจะตามมาอีกหลายเรื่อง ซึ่งทุกเรื่องล้วนกระทบต่อรายได้การส่งออก มองอีกมุมเหมือนกับการเล่นแง่ จ้องที่จะแกล้งเรา บีบให้เราทำตามที่พวกเขาต้องการ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความ "ด้อยพัฒนา" เถื่อนถ่อย ของคนไทยบางกลุ่ม ทั้งนายทุนที่สามานย์ ข้าราชการที่ฉ้อฉล นักการเมืองเลว ที่ทำมาหากินย่ำยีประเทศ เอาเปรียบชาวบ้านมาเป็นเวลานานแล้ว
00 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ร้อยทั้งร้อยสาเหตุมาจากเรื่องการทุจริต ความห่วยแตกของระบบราชการไทยนั่นแหละ พอเกิดเรื่องก็ปัดสวะให้พ้นตัว ต่างก็อ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำ หรือได้แก้ปัญหากันเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อมาถึงยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในยุค คสช. ถือว่าทุกอย่างอยู่ในวิกฤติ เรียกว่า "ร้อนแบบไฟลวกมือ"แล้ว การแก้ปัญหาด้วยวิธีการปกติไม่ทันการณ์ ต้องใช้กม.พิเศษ นั่นคือ "ม.44" ที่จะสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.นำมาใช้แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ตั้งแต่การผ่าตัดโครงสร้างในกรมการบินพลเรือน (บพ.) การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การฟันขรก.ทุจริต การแก้ปัญหาการบุกรุกทรัพยากรฯ กลายเป็นว่า มาตราดังกล่าว กำลังกลายเป็น "พระเอก" ฝ่าฟันวิกฤติแบบไฟลนก้น ไปเสียนี่ !!
00 จากการแถลงผลงานล่าสุดของ รมว.ยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ทำให้ทราบว่ามีอีก 198 รายชื่อขรก. ที่พัวพันทุจริต หลังจากล็อตแรก 100 ราย ที่ส่งผ่านตา นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วส่งต่อไปให้แต่ละกระทรวงดำเนินการต่อไป โดยใน 198 รายชื่อดังกล่าว มีคนของ กระทรวงยุติธรรม 5 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และจาก ดีเอสไอ และทำให้ทราบว่า อีกไม่นานจะมีการใช้อำนาจตาม ม.44 เปิดตำแหน่งที่ปรึกษาเฉพาะตัวมาประจำสำนักนายกฯ งานนี้ตามข่าวบอกว่า เป็นระดับบิ๊ก ทั้งปลัดกระทรวง อธิบดี หลายคนเหมือนกัน น่าจับตาก็คือ จากมหาดไทย ที่ถูกหมายหัวเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 4 ราย ทำเอา มท.1 "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หน้าดำไปเหมือนกันนะ !!
00 วกมาที่ รธน. ที่กำลังมีการอภิปรายร่างแรกกันใน สปช.กันบ้าง จนถึงเวลานี้ใกล้ครบกำหนด 7 วัน 7 คืน ของการอภิปรายแบบมาราธอน ซึ่งเท่าที่สังเกตก็เป็นไปตามคาด เป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะมาจาก "มดลูกเดียวกัน" จะมาหักกันจนพังไปด้วยกันทำไม ที่ผ่านมาหากสังเกตทาง กมธ.ยกร่างฯ ที่นำโดย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในบางมาตราสำคัญ และอ่อนไหวก็เสนอกันแบบ "บอกผ่าน" ไปก่อน เพื่อให้ "ต่อรอง" กันได้ เช่น ประเด็นนายกฯคนนอก ก็ยอมถอยให้ ส.ส.ออกเสียง 2 ใน 3 เพื่อโหวตเลือก แต่ "ไม่ตัดทิ้ง" นี่คือตัวอย่าง !!
00 สำหรับเรื่องการทำประชามติ ดูตามรูปการณ์แล้ว ถึงที่สุดแล้วคงเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากจะป้องกันและรักษา รธน.ฉบับนี้เอาไว้ ก็ต้องสร้างเกราะด้วยการให้ประชาชนเห็นชอบ เท่านั้น อีกอย่าง การทำประชามติก็ต้องยืดเวลาเลือกตั้งออกไปอีก มันก็ส่งผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างน้อย ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเวลาได้แก้ปัญหาให้ลงตัวอีกหลายอย่าง ด้วยความชอบธรรม และที่สำคัญ หากสังเกตให้ดีระยะหลัง เมื่อถามเรื่องลงประชามติ เขาก็เริ่มสงวนท่าที ไม่ปฏิเสธ !!
00 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ร้อยทั้งร้อยสาเหตุมาจากเรื่องการทุจริต ความห่วยแตกของระบบราชการไทยนั่นแหละ พอเกิดเรื่องก็ปัดสวะให้พ้นตัว ต่างก็อ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำ หรือได้แก้ปัญหากันเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อมาถึงยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในยุค คสช. ถือว่าทุกอย่างอยู่ในวิกฤติ เรียกว่า "ร้อนแบบไฟลวกมือ"แล้ว การแก้ปัญหาด้วยวิธีการปกติไม่ทันการณ์ ต้องใช้กม.พิเศษ นั่นคือ "ม.44" ที่จะสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.นำมาใช้แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ตั้งแต่การผ่าตัดโครงสร้างในกรมการบินพลเรือน (บพ.) การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การฟันขรก.ทุจริต การแก้ปัญหาการบุกรุกทรัพยากรฯ กลายเป็นว่า มาตราดังกล่าว กำลังกลายเป็น "พระเอก" ฝ่าฟันวิกฤติแบบไฟลนก้น ไปเสียนี่ !!
00 จากการแถลงผลงานล่าสุดของ รมว.ยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ทำให้ทราบว่ามีอีก 198 รายชื่อขรก. ที่พัวพันทุจริต หลังจากล็อตแรก 100 ราย ที่ส่งผ่านตา นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วส่งต่อไปให้แต่ละกระทรวงดำเนินการต่อไป โดยใน 198 รายชื่อดังกล่าว มีคนของ กระทรวงยุติธรรม 5 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และจาก ดีเอสไอ และทำให้ทราบว่า อีกไม่นานจะมีการใช้อำนาจตาม ม.44 เปิดตำแหน่งที่ปรึกษาเฉพาะตัวมาประจำสำนักนายกฯ งานนี้ตามข่าวบอกว่า เป็นระดับบิ๊ก ทั้งปลัดกระทรวง อธิบดี หลายคนเหมือนกัน น่าจับตาก็คือ จากมหาดไทย ที่ถูกหมายหัวเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 4 ราย ทำเอา มท.1 "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หน้าดำไปเหมือนกันนะ !!
00 วกมาที่ รธน. ที่กำลังมีการอภิปรายร่างแรกกันใน สปช.กันบ้าง จนถึงเวลานี้ใกล้ครบกำหนด 7 วัน 7 คืน ของการอภิปรายแบบมาราธอน ซึ่งเท่าที่สังเกตก็เป็นไปตามคาด เป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะมาจาก "มดลูกเดียวกัน" จะมาหักกันจนพังไปด้วยกันทำไม ที่ผ่านมาหากสังเกตทาง กมธ.ยกร่างฯ ที่นำโดย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในบางมาตราสำคัญ และอ่อนไหวก็เสนอกันแบบ "บอกผ่าน" ไปก่อน เพื่อให้ "ต่อรอง" กันได้ เช่น ประเด็นนายกฯคนนอก ก็ยอมถอยให้ ส.ส.ออกเสียง 2 ใน 3 เพื่อโหวตเลือก แต่ "ไม่ตัดทิ้ง" นี่คือตัวอย่าง !!
00 สำหรับเรื่องการทำประชามติ ดูตามรูปการณ์แล้ว ถึงที่สุดแล้วคงเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากจะป้องกันและรักษา รธน.ฉบับนี้เอาไว้ ก็ต้องสร้างเกราะด้วยการให้ประชาชนเห็นชอบ เท่านั้น อีกอย่าง การทำประชามติก็ต้องยืดเวลาเลือกตั้งออกไปอีก มันก็ส่งผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างน้อย ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเวลาได้แก้ปัญหาให้ลงตัวอีกหลายอย่าง ด้วยความชอบธรรม และที่สำคัญ หากสังเกตให้ดีระยะหลัง เมื่อถามเรื่องลงประชามติ เขาก็เริ่มสงวนท่าที ไม่ปฏิเสธ !!