ทหารล็อกตัว "บังยี" หัวคะแนนและคนสนิทของอดีตนักการเมืองใหญ่กว้างขวางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสองในยะลา หลังพบข้อมูลพัวพันซื้อรถเถื่อนก่อเหตุคาร์บอมบ์เซ็นทรัลเกาะสมุย ผบ.ตร.เชื่อเป็นกุญแจสำคัญ กำชับสอบสวนละเอียด พร้อมคุมตัวเพิ่มครูอัตราจ้างต้องสงสัยเข้าค่ายทหาร
วานนี้ (19 เม.ย.) มีรายงานแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าควบคุมตัวนายอับดุลรอซะ หรือบังยี เจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองในพื้นที่ จ.ยะลา เอาไปควบคุมตัวไว้ในค่ายทหาร ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อทำการสอบสวน เนื่องจากชุดสืบสวนได้ข้อมูลนายอับดุลรอซะ เป็นคนซื้อกระบะมาสด้า บีที 50 สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กย 5618 ชลบุรี ซึ่งเป็นรถที่ใช้ประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ในห้างเซ็นทรัล เฟสติวัลเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีข้อมูลติดต่อซื้อผ่านทาง "เสี่ยไก่" เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นเบาะแสทำให้ชุดสืบสวนแกะรอยจากทะเบียนรถกระบะมาสด้าเป็นรถหนีไฟแนนซ์
ขณะเดียวกันชุดสืบสวนได้พยานหลักฐานชัดเจนว่า นายอับดุลรอซะ หรือบังยี ติดต่อซื้อรถทั้งหมด 3 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์โดยคันแรกเป็นรถกระบะมาสด้า บีที 50 ที่ใช้ติดตั้งระเบิดคาร์บอมบ์ ราคา 35,000 บาท รถกระบะมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน ราคา 140,000 บาท และรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ราคา 160,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจได้ร่วมกันทำการสอบสวนกลุ่มผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเชื่อว่าเป็นนักการเมืองใหญ่กว้างขวางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสนิทกับนายอับดุลรอซะ หรือบังยี ซึ่งเป็นเจ้าของเต็นท์รถโดยบังยี เป็นหัวคะแนนของอดีตนักการเมืองในพื้นที่ดังกล่าว
**ชี้ "บังยี" กุญแจสำคัญคดีคาร์บอมบ์
ต่อมาเวลา 11.00 น.วานนี้ มีรายงานจากศูนย์ซักถามศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้มีการซักถาม หรือสอบสวนนายอับดุลรอซะ หรือบังยี เนื่องจากต้องการให้บังยี ได้ผ่อนคลาย และคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่เสียก่อนเนื่องจากบังยี ยังมีอาการเครียด และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการดูแลเป็นอย่างดี สามารถปฏิบัติภารกิจตามหลักศาสนาอิสลามทุกขั้นตอน
ที่สำคัญคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปล้นรถยนต์ อบต.ละแอ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.58 ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะถูกนำไปประกอบระเบิดที่บริเวณลานจอดรถห้างเซ็นทรัลฯ อ.เกาะสมุย เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้กำชับให้มีการซักถามอย่างละเอียด เนื่องจากบังยี เป็นกุญแจสำคัญที่จะสามารถคลี่คลายคดีเหตุคาร์บอมบ์ได้
ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ รายงานว่า คดีปล้นรถ อบต.ละแอ จากการสืบสวนมีผู้ต้องสงสัยอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากทีมที่ปล้นรถ อบต.ละแอ บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นรถตู้ที่นำไปก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังแกะรอยหมายเลขโทรศัพท์ของนายอับดุลราซะว่า มีการติดต่อกับผู้ใดบ้างทั้งก่อน และหลังปล้นรถยนต์ของ อบต.ละแอ
หน่วยงานด้านความมั่นคงฯ ยังรับรายงานด้วยว่า ขณะนี้ได้ปรากฏมีข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ปัตตานี อายุระหว่าง 21-25 ปีเตรียมการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ จ.ยะลา โดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องโดยมุ่งเน้นเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจ จุดตรวจในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา
"โดยระเบิดแสวงเครื่องจะซุกซ่อนไว้ตามถังขยะ แนวร่วมกลุ่มนี้พักอยู่ ซ.5 ข้างมัสยิดกลางและหลังมัสยิดกลาง ยะลา การนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางจะใช้ยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์ไม่ทราบรุ่น และยี่ห้อจากที่พักในชุมชนย่านตลาดเก่า โดยจะวนเวียนสังเกตดูพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีเป้าหมายจะก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนใต้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากคดีคาร์บอมบ์ที่บนเกาะสมุย"
**เชิญ 2 ผู้ต้องสงสัยเข้าค่ายซักถาม
มีรายงานจากหน่วยข่าวด้านความมั่นคงแจ้งด้วยว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 49/3 ถนนปากน้ำ ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี เพื่อเชิญตัวบุคคลเป้าหมายต้องสงสัยกรณีเหตุคาร์บอมบ์ที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับข้อมูลการเชื่อมโยงเกี่ยวกับรถกระบะคันเกิดเหตุ พบบุคคลเป้าหมายอยู่ภายในบ้านทราบชื่อนายอับดุลรอนิง ดือราแม อายุ 51 ปี จึงได้เชิญตัวไปเข้าสู่กระบวนการซักถามที่กรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในบ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บเสื้อผ้า กางเกง และรองเท้าเพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับวัตถุพยานว่ามีความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดหรือไม่
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 เจ้าหน้าที่จากศูนย์นิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา และตำรวจ สภ.ปะแต ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 13/1 หมู่ 7 บ้านกาโต๊ะ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นบ้านเป้าหมายตามหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงต่อกรณีเหตุคนร้ายปล้นรถยนต์ อบต.ละแอ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะถูกนำไปประกอบระเบิดที่บริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเกาะสมุย อ.เกาะสมุย เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเก็บสารพันธุกรรม หรือ DNA ของนายซาบีดี สาและบิง อายุ 33 ปีที่อยู่ตามบัตรประชาชน 19/4 หมู่ 3 ต.สะนอ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ครูอัตราจ้างของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ยะรัง พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินและสิ่งของเพื่อตรวจสอบรวม 9 รายการ ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รถยนต์กระบะอีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน กค 7056 ยะลา สมุดเงินฝาก ธนาคารอิสลาม เอกสารใบส่งซ่อมรถอีซูซุ Micro SD จำนวน 2 รายการ และแฟลชไดรฟ์ จำนวน 2 อัน
ก่อนเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวนายซาบีดี สาและบิง ไปยังศูนย์ซักถามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เพื่อดำเนินการซักถามตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นได้ทำการคุมตัวตามกฎอัยการศึกและยังไม่มีรายงานจากการซักถามและทั้งยังไม่มีการตั้งข้อหานายซาบีดี แต่อย่างใด
**ผู้ว่าฯจี้ จนท.เร่งหาเบาะแสคนร้าย
ด้านนายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่บริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ล่าสุดได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเพิ่มมาตรการป้องกันความปลอดภัยสูงสุดในสถานที่สำคัญ เช่น ศาลากลางจังหวัด สำนักงานศาลจังหวัด สำนักงานศาลภาค 8 และสถานท่องเที่ยวที่สำคัญ เกาะสมุย เกาะพะงัน เขื่อนเชี่ยวหลาน และห้างสรรพสินค้าต่างๆ และในย่านแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉาะงานฟูลมูนปาร์ตี้ ได้ส่งเจ้าหน้าเข้าดูแลเข้ม พร้อมกันนี้ยอมรับว่าสุราษฎร์ธานีมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดน้อยมาก จึงได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานและขอความร่วมมือกับภาคเอกชนเร่งติดตั้งกล้องวงปิดเพิ่มขึ้นอีกในแหล่งที่ล่อแหลม
"ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ที่มีภาพเวลาใกล้เคียงกันวันเกิดเหตุในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มาทำการตรวจสอบขณะนี้ได้มาแล้วกว่า 50 ตัว และส่งไปให้ยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหารถที่ต้องสงสัยต่อไปแล้ว" นายฉัตรป้อง กล่าว
ทางด้าน พล.ต.เกื้อกูล อินนาจักร ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าควบคุมตัวนายอับดุลรอซะ หรือ บังยี เจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองในพื้นที่ จ.ยะลา เอาไปควบคุมตัวไว้ในค่ายทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว หลังจากพบว่ารถที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมดอาจมีการเชื่อมโยงกับรถในเต็นท์ดังกล่าวด้วย ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนั้น เป็นอำนาจการสอบสวนทางทหารและตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกในพื้นที่
**โฆษก กปปส.ชี้คำสั่ง คสช.เพื่อส่วนรวม
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เกาะสมุย มีผลกระทบต่อความมั่นคงและแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ เนื่องจากลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอุกอาจพอสมควร ดังนั้น เชื่อว่า คสช.คงพยายามวางแผนที่จะรับมือเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการก่อเหตุ 100 จุดในพื้นที่ กทม.พอจับผู้ต้องสงสัยได้ ก็ดูเหมือนว่าการก่อเหตุแทนที่จะเกิดขึ้นใน กทม.ก็ไปเกิดขึ้นในต่างจังหวัดแทน
"จากนี้ต่อไปเมื่อได้เห็นตัวอย่างแล้วทาง คสช.ก็คงต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคต จึงต้องพยายามออกมาตรการที่จะรองรับเหตุ ซึ่งคำสั่งที่ออกมา ผมยังไม่เห็นว่าจำกัดสิทธิหรือคุกความประชาชน เพียงแต่เพิ่มเจ้าหน้าที่ที่ปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ สำหรับจะรองรับการดูแลความปลอดภัย ดังนั้น ก็คงเป็นการบริหารจัดการบุคลากรมากกว่า" นายเอกนัฏกล่าว.
วานนี้ (19 เม.ย.) มีรายงานแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าควบคุมตัวนายอับดุลรอซะ หรือบังยี เจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองในพื้นที่ จ.ยะลา เอาไปควบคุมตัวไว้ในค่ายทหาร ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อทำการสอบสวน เนื่องจากชุดสืบสวนได้ข้อมูลนายอับดุลรอซะ เป็นคนซื้อกระบะมาสด้า บีที 50 สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กย 5618 ชลบุรี ซึ่งเป็นรถที่ใช้ประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ในห้างเซ็นทรัล เฟสติวัลเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีข้อมูลติดต่อซื้อผ่านทาง "เสี่ยไก่" เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นเบาะแสทำให้ชุดสืบสวนแกะรอยจากทะเบียนรถกระบะมาสด้าเป็นรถหนีไฟแนนซ์
ขณะเดียวกันชุดสืบสวนได้พยานหลักฐานชัดเจนว่า นายอับดุลรอซะ หรือบังยี ติดต่อซื้อรถทั้งหมด 3 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์โดยคันแรกเป็นรถกระบะมาสด้า บีที 50 ที่ใช้ติดตั้งระเบิดคาร์บอมบ์ ราคา 35,000 บาท รถกระบะมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน ราคา 140,000 บาท และรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ราคา 160,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจได้ร่วมกันทำการสอบสวนกลุ่มผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเชื่อว่าเป็นนักการเมืองใหญ่กว้างขวางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสนิทกับนายอับดุลรอซะ หรือบังยี ซึ่งเป็นเจ้าของเต็นท์รถโดยบังยี เป็นหัวคะแนนของอดีตนักการเมืองในพื้นที่ดังกล่าว
**ชี้ "บังยี" กุญแจสำคัญคดีคาร์บอมบ์
ต่อมาเวลา 11.00 น.วานนี้ มีรายงานจากศูนย์ซักถามศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้มีการซักถาม หรือสอบสวนนายอับดุลรอซะ หรือบังยี เนื่องจากต้องการให้บังยี ได้ผ่อนคลาย และคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่เสียก่อนเนื่องจากบังยี ยังมีอาการเครียด และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการดูแลเป็นอย่างดี สามารถปฏิบัติภารกิจตามหลักศาสนาอิสลามทุกขั้นตอน
ที่สำคัญคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปล้นรถยนต์ อบต.ละแอ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.58 ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะถูกนำไปประกอบระเบิดที่บริเวณลานจอดรถห้างเซ็นทรัลฯ อ.เกาะสมุย เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้กำชับให้มีการซักถามอย่างละเอียด เนื่องจากบังยี เป็นกุญแจสำคัญที่จะสามารถคลี่คลายคดีเหตุคาร์บอมบ์ได้
ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ รายงานว่า คดีปล้นรถ อบต.ละแอ จากการสืบสวนมีผู้ต้องสงสัยอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากทีมที่ปล้นรถ อบต.ละแอ บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นรถตู้ที่นำไปก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังแกะรอยหมายเลขโทรศัพท์ของนายอับดุลราซะว่า มีการติดต่อกับผู้ใดบ้างทั้งก่อน และหลังปล้นรถยนต์ของ อบต.ละแอ
หน่วยงานด้านความมั่นคงฯ ยังรับรายงานด้วยว่า ขณะนี้ได้ปรากฏมีข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ปัตตานี อายุระหว่าง 21-25 ปีเตรียมการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ จ.ยะลา โดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องโดยมุ่งเน้นเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจ จุดตรวจในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา
"โดยระเบิดแสวงเครื่องจะซุกซ่อนไว้ตามถังขยะ แนวร่วมกลุ่มนี้พักอยู่ ซ.5 ข้างมัสยิดกลางและหลังมัสยิดกลาง ยะลา การนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางจะใช้ยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์ไม่ทราบรุ่น และยี่ห้อจากที่พักในชุมชนย่านตลาดเก่า โดยจะวนเวียนสังเกตดูพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีเป้าหมายจะก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนใต้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากคดีคาร์บอมบ์ที่บนเกาะสมุย"
**เชิญ 2 ผู้ต้องสงสัยเข้าค่ายซักถาม
มีรายงานจากหน่วยข่าวด้านความมั่นคงแจ้งด้วยว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 49/3 ถนนปากน้ำ ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี เพื่อเชิญตัวบุคคลเป้าหมายต้องสงสัยกรณีเหตุคาร์บอมบ์ที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับข้อมูลการเชื่อมโยงเกี่ยวกับรถกระบะคันเกิดเหตุ พบบุคคลเป้าหมายอยู่ภายในบ้านทราบชื่อนายอับดุลรอนิง ดือราแม อายุ 51 ปี จึงได้เชิญตัวไปเข้าสู่กระบวนการซักถามที่กรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในบ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บเสื้อผ้า กางเกง และรองเท้าเพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับวัตถุพยานว่ามีความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดหรือไม่
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 เจ้าหน้าที่จากศูนย์นิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา และตำรวจ สภ.ปะแต ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 13/1 หมู่ 7 บ้านกาโต๊ะ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นบ้านเป้าหมายตามหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงต่อกรณีเหตุคนร้ายปล้นรถยนต์ อบต.ละแอ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะถูกนำไปประกอบระเบิดที่บริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเกาะสมุย อ.เกาะสมุย เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเก็บสารพันธุกรรม หรือ DNA ของนายซาบีดี สาและบิง อายุ 33 ปีที่อยู่ตามบัตรประชาชน 19/4 หมู่ 3 ต.สะนอ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ครูอัตราจ้างของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ยะรัง พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินและสิ่งของเพื่อตรวจสอบรวม 9 รายการ ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รถยนต์กระบะอีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน กค 7056 ยะลา สมุดเงินฝาก ธนาคารอิสลาม เอกสารใบส่งซ่อมรถอีซูซุ Micro SD จำนวน 2 รายการ และแฟลชไดรฟ์ จำนวน 2 อัน
ก่อนเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวนายซาบีดี สาและบิง ไปยังศูนย์ซักถามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เพื่อดำเนินการซักถามตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นได้ทำการคุมตัวตามกฎอัยการศึกและยังไม่มีรายงานจากการซักถามและทั้งยังไม่มีการตั้งข้อหานายซาบีดี แต่อย่างใด
**ผู้ว่าฯจี้ จนท.เร่งหาเบาะแสคนร้าย
ด้านนายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่บริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ล่าสุดได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเพิ่มมาตรการป้องกันความปลอดภัยสูงสุดในสถานที่สำคัญ เช่น ศาลากลางจังหวัด สำนักงานศาลจังหวัด สำนักงานศาลภาค 8 และสถานท่องเที่ยวที่สำคัญ เกาะสมุย เกาะพะงัน เขื่อนเชี่ยวหลาน และห้างสรรพสินค้าต่างๆ และในย่านแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉาะงานฟูลมูนปาร์ตี้ ได้ส่งเจ้าหน้าเข้าดูแลเข้ม พร้อมกันนี้ยอมรับว่าสุราษฎร์ธานีมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดน้อยมาก จึงได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานและขอความร่วมมือกับภาคเอกชนเร่งติดตั้งกล้องวงปิดเพิ่มขึ้นอีกในแหล่งที่ล่อแหลม
"ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ที่มีภาพเวลาใกล้เคียงกันวันเกิดเหตุในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มาทำการตรวจสอบขณะนี้ได้มาแล้วกว่า 50 ตัว และส่งไปให้ยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหารถที่ต้องสงสัยต่อไปแล้ว" นายฉัตรป้อง กล่าว
ทางด้าน พล.ต.เกื้อกูล อินนาจักร ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าควบคุมตัวนายอับดุลรอซะ หรือ บังยี เจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองในพื้นที่ จ.ยะลา เอาไปควบคุมตัวไว้ในค่ายทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว หลังจากพบว่ารถที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมดอาจมีการเชื่อมโยงกับรถในเต็นท์ดังกล่าวด้วย ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนั้น เป็นอำนาจการสอบสวนทางทหารและตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกในพื้นที่
**โฆษก กปปส.ชี้คำสั่ง คสช.เพื่อส่วนรวม
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เกาะสมุย มีผลกระทบต่อความมั่นคงและแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ เนื่องจากลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอุกอาจพอสมควร ดังนั้น เชื่อว่า คสช.คงพยายามวางแผนที่จะรับมือเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการก่อเหตุ 100 จุดในพื้นที่ กทม.พอจับผู้ต้องสงสัยได้ ก็ดูเหมือนว่าการก่อเหตุแทนที่จะเกิดขึ้นใน กทม.ก็ไปเกิดขึ้นในต่างจังหวัดแทน
"จากนี้ต่อไปเมื่อได้เห็นตัวอย่างแล้วทาง คสช.ก็คงต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคต จึงต้องพยายามออกมาตรการที่จะรองรับเหตุ ซึ่งคำสั่งที่ออกมา ผมยังไม่เห็นว่าจำกัดสิทธิหรือคุกความประชาชน เพียงแต่เพิ่มเจ้าหน้าที่ที่ปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ สำหรับจะรองรับการดูแลความปลอดภัย ดังนั้น ก็คงเป็นการบริหารจัดการบุคลากรมากกว่า" นายเอกนัฏกล่าว.
