xs
xsm
sm
md
lg

สอบคนขับรถคันถูกปล้นทำคาร์บอมบ์เพิ่ม ทหาร ตำรวจ หวั่นถูกย้ายล้างบางเซ่นคดีบึ้ม “สมุย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจสอบปากคำเพิ่ม “อับดุลรอซะ” คนขับรถยนต์คันถูกปล้น เชื่อเป็นกุญแจสำคัญคดีคาร์บอมบ์เกาะสมุย ด้านทหารคุมตัวเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์สอบเครียด ขณะชุดสืบสวนตั้งต้นใหม่ลงพื้นที่ควานหาคนร้ายและรถยนต์อีก 3 คัน ในพื้นที่ยะลา และใกล้เคียง ทหาร ตำรวจ หวั่นถูกย้ายล้างบางเซ่นคาร์บอมบ์เกาะสมุย

วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ปพนวัฒน์ ขัติยะวรานนท์ ผกก.สภ.ยะหา จ.ยะลา เปิดเผยว่า หลังจากรับตัว นายอับดุลรอซะ ดูมีแด พนักงานขับรถ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์คันที่ใช้ประกอบคาร์บอมบ์ จากศูนย์ซักถาม กรมทหารพรานที่ 41 มา ควบคุมตัวยังศูนย์ซักถามของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถาม หรือการสอบสวนอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมา นายอับดุลรอซะ ยังปกปิดความลับ โดยมีลักษณะของการมีความกังวล เหมือนกับกลัวว่าหากเปิดเผยข้อเท็จจริงจะมีอันตรายแก่ครอบครัว หรือผู้ที่สั่งการให้นำรถยนต์ไปให้คนร้าย อาจจะเป็นผู้มีพระคุณ ซึ่งขณะนี้ในทางการสอบสวนเชื่อว่า นายอับดุลรอซะ คือ กุญแจที่จะไขไปสู่กลุ่มคนร้ายในพื้นที่ได้ ซึ่งจะเปิดปากนายอับดุลรอซะ ได้หรือไม่นั้นอยู่ที่ความสามารถของชุดซักถามที่ทำหน้าที่สอบสวนว่าจะทำอย่างไรให้ นายอับดุลรอซะ เปิดปาก

และจากการนำตัวพยาน จำนวน 2 คน ที่เห็นนายอับดุลรอซะ ลงจากรถยนต์คันที่ใช้ประกอบคาร์บอมบ์คุยกับชาย 2 คน ก่อนที่จะมีการแจ้งความว่ารถถูกปล้นนั้น พยานทั้ง 2 ปาก ยืนยันว่ารู้จัก นายอับดุลรอซะ เพียงคนเดียว ส่วนชาย 2 คน ไม่ใช้คนในพื้นที่ ดังนั้น จึงเชื่อว่าคนร้ายที่มารับรถยนต์คันดังกล่าวไปมีเพียง 2 คน ไม่ใช่ 6-7 คน ตามที่นายอับดุลรอซะ ให้การต่อเจ้าหน้าที่ และเชื่อว่าการที่ นายอับดุลรอซะ นำรถยนต์ให้แก่คนร้ายเป็นการทำตามคำสั่งของผู้สั่งการที่อาจจะมีพระคุณต่อ นายอับดุลรอซะ เนื่องจากในการตรวจสอบประวัติของนายอับดุลรอซะ ไม่มีประวัติของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน และเป็นคนที่มีความประพฤติดี เป็นที่เชื่อถือของคนในพื้นที่ โดยก่อนที่จะมาเป็นพนักงานขับรถ อบต.ละแอ เคยทำหน้าที่เก็บเงินค่าไฟฟ้าใน ต.ละแอ ซึ่งไม่เคยมีเรื่องเสียหายมาก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซักถาม หรือสอบสวนนายอับดุลรอซะ ของศูนย์ซักถามที่เป็นของตำรวจ ศชต.นั้น ได้มีการเกลี้ยกล่อมให้ นายอับดุลรอซะ เปิดเผยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยพร้อมที่จะกันตัวไว้เป็นพยาน และรับรองความปลอดภัยของครอบครัว แต่นายอับดุลรอซะ ยังคงนิ่งเงียบ และยืนยันว่า เรื่องที่ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนว่ามีคนร้ายปล้นรถเป็นเรื่องจริง

ในขณะที่ชุดสืบสวนอีกชุดหนึ่งของ ศชต. และของ สภ.ยะหา ได้ทำการตรวจสอบประวัติความเป็นมาของ นายอับดุลรอซะ อย่างละเอียดอีกครั้งว่า ในการเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของการไฟฟ้า ใครเป็นผู้ฝากงานให้ และในการมาสมัครงานเป็นพนักงานขับรถของ อบต.ละแอ มีใครเป็นผู้ดำเนินการให้ เพราะอาจจะเป็นผู้ที่สั่งการให้นายอับดุลรอซะ ร่วมมือกับคนร้าย จึงทำให้นายอับดุลรอซะ ไม่ยอมเปิดเผยความจริงเพราะเป็นผู้มีพระคุณ

ในขณะที่หน่วยข่าวกรองของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ทำการตรวจสอบประวัตบุคคลของนายฮัมดี แวกูนิง นายซุลกิ๊ปลี ซารีซิง และนายปอซี คาเดร์ อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ยังไม่พบว่ามีประวัติการเชื่อมโยงกับกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด ทำให้เชื่อว่า ทั้ง 3 คน ไม่น่าจะใช่ผู้ร่วมมือกับคนร้ายในการวางระเบิดครั้งนี้ เนื่องจากแนวร่วมในขบวนการแบ่งแยกดินแดนนั้นมีการระมัดระวังในการปฏิบัติการ ผู้ที่ร่วมการปฏิบัติการทุกคนจะต้องเป็นคนของขบวนการที่ต้องผ่านการ “ซุมเปาะ” และผ่านการปฏิบัติการระดับก่อการรายมาแล้วทั้งสิ้น
 

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ชุดสืบสวนของตำรวจ และ กอ.รมน.คว้าน้ำเหลวในการสืบสวนหาตัวผู้ร่วมทำความผิดของคนร้ายในพื้นที่เกาะสมุย ทำให้ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเจตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าชุดสืบสวนจับกุมคนร้ายได้มีการวางแผนการสืบสวนใหม่ โดยการนำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ จ ยะลา ซึ่งเป็นต้นทางของการก่อเหตุเพื่อหาจุดเชื่อมโยงทั้งหมดอีกครั้ง เนื่องจากมีข้อมูล และหลักฐานที่เชื่อได้ว่า แนวร่วมที่ร่วมก่อเหตุใน อ.เกาะสมุย ได้หลบออกจากพื้นที่แล้ว หลังเกิดเหตุ

สำหรับแนวทางสอบสวนขณะนี้ได้พุ่งเป้าหมายไปที่อู่ซ่อมรถยนต์ และเต็นท์รถมือ 2 ในพื้นที่ อ.ยะหา อ.เมือง และ กรงปินัง โดยเฉพาะที่ อ.กรงปินัง ซึ่งเป็นพื้นที่มีอู่ซ่อมรถเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีแบะแสจากพยานว่า รถอีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ที่ใช้รับมือคาร์บอมบ์จากเกาะสมุยได้กลับเข้ามาในพื้นที่ และได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาทำการดัดแปลงสีรถในอู่แห่งหนึ่ง ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารพรานที่ 41 ได้เชิญตัวเจ้าของอู่แห่งหนึ่งจากพื้นที่กรงปินังไปทำการ สอบสวน โดย พ.อ.พิเชษฐ์ ชุติเดโช ผบ.ทหารพรานที่ 41 ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของการสอบสวน เพียงให้คำตอบว่าอยู่ในขั้นตอนของการซักถามเพื่อหาข้อเท็จจริงเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจในชุดพิเศษของ พล.ต.ท.สุชาติ และตำรวจชุดสืบสวนของ ศชต. และทหารจากกรมทหารพรานที่ 41 รวมทั้งหน่วยข่าวกรองของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต่างได้ส่งกำลังทั้งหมดลงพื้นที่ จ.ยะลา และใกล้เคียงเพื่อติดตามคนร้าย และหารถยนต์ที่เหลืออีก 3 คัน เพราะมีข้อมูลว่ารถทั้ง 3 คันที่ใช้ในการก่อเหตุร้ายกระจายกันอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา และใกล้เคียง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่เป็นหัวหน้าชุดเปิดเผยว่า ภายใน 3 วัน จะต้องจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แน่ เพราะการก่อเหตุครั้งนี้มีคนร้ายมากถึง 10 คน และใช้รถยนต์มากถึง 4 คัน นอกจากนี้ การถอนกำลังเจ้าหน้าที่ชุดนอกพื้นที่ อกจากพื้นที่ อ.เกาะสมุย อาจจะทำให้คนร้ายในพื้นที่ปรากฏตัว และทำให้ตำรวจในพื้นที่ทำงานได้ผลกว่าการใช้ตำรวจจากนอกพื้นที่เข้าไปปฏิบัติการ

ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุครั้งนี้ นายตำรวจระดับปฏิบัติการที่ทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นานถึง 7 ปี เปิดเผยว่า จากวิธีการ และพยานหลักฐาน ตำรวจในชุดคลี่คลายคดีเชื่อว่า เป็นเรื่องของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ต้องการขยายพื้นที่การก่อการร้ายเพื่อผลของการต่อสู่และเรียกร้อง ไม่ใช่เรื่องของการเมืองที่เป็นอำนาจเก่า แต่เมื่อ “ธง” ของผู้มีอำนาจต้องการให้เป็นเรื่องของอำนาจเก่าจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้ง และเพราะการตั้งโจทย์ผิดก็ได้ที่ทำให้เจ้าหน้าที่คว้าน้ำเหลว และเสียเวลาไปกว่า 7 วัน โดยที่คดีไม่มีความคืบหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุยได้สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นทั้งฝ่ายทหาร และตำรวจในพื้นที่ โดยมีการเปิดเผยว่า พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ไม่พอใจต่อความไม่คืบหน้าของคดี รวมทั้งไม่พอใจต่อสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการ วิสามัญประชาชนผู้บริสุทธิ์ 4 ศพ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และการที่คนไทยพุทธถูกทำร้าย 4 ศพ ที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และการยิงปลัด อบต.หญิง ที่เป็นไทยพุทธ ที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพราะเห็นว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีความหละหลวม โดยเฉพักรมทหารพรานที่ 41 ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ จ.ยะลา ในเรื่องของคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย แต่ไม่สามารถหาคนร้ายได้

ในส่วนของตำรวจทั้ง บชภ.9 และ ศชต. หลังจากที่มีการไล่กล้องวงจรปิดพบว่า รถยนต์ที่ประกอบคาร์บอมบ์สามารถผ่านจุดสกัดทุกจุดบนเส้นทาง รวมทั้งกล้องวงจรปิดพบรถคันดังกล่าวขับผ่าน 4 แยกอำเภอจะนะ จ.สงขลา และผ่านจุดตรวจคนมีด ซึ่งเป็นจุดตรวจสำคัญ ก่อนเข้าตัวเมืองหาดใหญ่อย่างสะดวก ทั้งที่รถยนต์ทั้งหมดเป็นรถที่ปิดป้ายทะเบียนปลอม และมีบางคันที่พบว่า ป้ายทะเบียนด้านหน้ากับด้านหลังไม่เหมือนกัน ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เป็นอย่างมาก จึงมีการสั่งการให้มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่างๆ ที่รถยนต์ของคนร้ายวิ่งผ่าน โดยให้ผู้รับผิดชอบงานสืบสวน และผู้ที่รับผิดชอบจุดตรวจทำการชี้แจง จนทำให้ทหาร และ ตำรวจ หนาวๆ ร้อนๆ เพราะกลัวว่าจะถูกย้ายล้างบาง
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น