xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมขอหมายจับคนขับคาร์บอมบ์ เซ็นทรัล เฟสฯ สมุย ด้านหน่วยข่าวกรองโยงไฟใต้-ก๊วนการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เตรียมขอหมายจับคนขับรถ “คาร์บอมบ์” เซ็นทรัล เฟสสมุย แล้ว 1 ควบคุมตัวคนขับรถ อบต.ละแอ เค้นสอบ ได้ข้อมูลสาวถึงกลุ่มโจรใต้ตรวจสอบ “คาร์บอมบ์” ที่ภูเก็ตปี 56 พบแบบเดียวกับที่ “สมุย” หน่วยข่าวกรองโยง “ทักษิณ” รวมมือกับ “บีอาร์เอ็น” ป่วนใต้ หวังต่อรองทางการเมือง แกนนำเพื่อไทย 3 จังหวัดผวา หวั่นเป็นแพะ

วันนี้ (13 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าของการคลี่คลายคดี “คาร์บอมบ์” ที่ชั้นใต้ดินห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้ให้อำนาจตาม พ.ร.ก.ความมั่นคง ควบคุมคัว นายอับดุลรอซะ ดูมีแด พนักงานขับรถของ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ส่งให้ศูนย์ซักถาม กรมทหารพรานที่ 41 ทำการซักถามเพื่อเค้นหาข้อมูลของคนร้ายที่ปล้นชิงรถยนต์ไปประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” นำไปก่อเหตุที่ห้างเซ็นทรัล เกาะสมุย

ซึ่งจากการเค้นสอบอย่างหนัก ทำให้ นายอับดุลรอซะ ให้การที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กลุ่มคนร้าย 2 ใน 7 คน เป็นใคร และพบว่า นายอับดุลรอซะ ไม่ได้ถูกคนร้ายจับมัดไว้ในสวนยาง โดยหลังเกิดเหตุด้วยความตกใจจึงรีบหนีกลับบ้าน สาเหตุที่คนร้ายไม่ทำร้ายนายอับดุลรอซะ เนื่องจากรู้จักกัน แต่อย่างไรก็ตาม นายอับดุลรอซะ รับเพียงว่ารู้จักกับคนร้ายบางคนแต่ไม่ได้ร่วมมือกับคนร้าย และไม่ได้เป็นแนวร่วมกับคนร้ายแต่อย่างใด

โดยเจ้าหน้าที่จะทำการควบคุมตัวไว้เพื่อซักถามตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงที่ให้อำนาจในการควบคุมตัวได้ 7 วัน เพื่อซักถามข้อสงสัยต่างๆ รวมทั้งข้อพิรุธที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่าการที่นายอับดุลรอซะ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงมาแจ้งความที่โรงพักยะหา อาจจะเป็นการช่วยเหลือให้คนร้ายนำรถยนต์คันดังกล่าวออกจากพื้นที่ จ.ยะลา จึงทำให้การสกัดจับกุมของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นผล

ในส่วนความคืบหน้าของคดี “คาร์บอมบ์” ที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล นั้น แหล่งข่าวในชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยาน จำนวน 10 ปาก รวมทั้งหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ได้จากกล้องซีซีทีวี จำนวน 2 ตัว เพื่อหาความชัดเจนของ 1 ใน 2 ของคนร้ายที่ขับรถคันที่ประกอบคาร์บอมบ์ลงเรือเฟอรี่ ซึ่งจากการใช้เทคนิคในการขยายภาพทำให้เห็นหน้า 1 ใน 2 ของคนร้ายได้ชัดเจน ทำให้พนักงานสอบสวนได้รวมรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับจากศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 คน

ในขณะที่ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดจากจุดต่างๆ ที่รวบรวมได้ทำการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงของกลุ่มคนร้าย พบว่า นอกจากรถยนต์ที่ใช้ประกอบระเบิดคาร์บอมบ์แล้ว ยังมีรถยนต์อยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าเป็นผู้ร่วมทีมงานอีก 2 คัน เป็นรถเก๋ง และรถกรบะแค็บ ซึ่งขอสงวนรายละเอียดเพื่อผลของการสืบสวน พร้อมทั้งคนในรถทั้ง 2 คันอีก 3-4 คน

โดยเชื่อว่าเป็นรถยนต์ในทีมของคนร้ายที่ใช้ในการนำทาง และในในการนำคนร้ายหลบหนีหลังเกิดเหตุ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการไล่ตรวจกล้องวงจรปิดบนถนนสายต่างๆ ว่า หลังจากที่รถคาร์บอมบ์ลงเรือเฟอรี่แล้ว รถที่ต้องสงสัยเดินทางไปไหน หรือจอดรออยู่ที่ไหน ซึ่งการตรวจสอบกล้องบนถนนสายต่างๆ มีปัญหามาก เพราะกล้องส่วนใหญ่ไม่มีประสิทธิภาพ และคนร้ายมีความชำนาญเส้นทางด้วยการขับเลี่ยงจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ได้ทุกจุด

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากหน่วยข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ว่า ได้มีการเรียกหลักฐานการตรวจสอบรถยนต์ที่ถูกประกอบเป็นคาร์บอมบ์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุร้าย แต่ไม่ระเบิดที่ สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อกลางเดือน พ.ค.ปี 2556 เพื่อเป็นแนวทางในการสอบสวนว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ซึ่งจากรายละเอียดของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พบว่า กระประกอบระเบิด รวมทั้งส่วนประกอบเป็นแบบเดียวกับระเบิดที่ใช้ทำ “คาร์บอมบ์” ที่เกาะสมุย ซึ่งแสดงว่าเป็นการปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงเจ้าหน้าที่ไม่มีรายละเอียดว่าเป็นกลุ่มใดรวมทั้งไม่มีความชัดเจนว่า สาเหตุมาจากเรื่องอะไร เนื่องจากระยะเวลาที่คนร้ายนำระเบิดไปก่อเหตุ กับเวลาที่ตำรวจตรวจพบห่างกันเป็นเวลาหลายเดือน

ผู้สื่อข่าวข่าวรายงานว่า สำหรับสาเหตุที่มีการพยายาม “ฟันธง” ว่า “คาร์บอมบ์” ที่ห้างเซ็นทรัลฯ ไม่เกี่ยวกับขบวนการ “บีอาร์เอ็น” ที่ขยายพื้นที่การก่อการร้าย เนื่องจากหน่วยข่าวกรองมีข้อมูลว่ากลุ่มคนร้ายชุดนี้ที่มี นายอูไบดีละ รอมลี นายปอเซ็ง เจะมะ และนายรุสลัน ใบหมะ ร่วมทีมปฏิบัติการนั้นเคยมีประวัติในการเป็นมือรับจ้างก่อวินาศกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายครั้ง รวมทั้งการปล้นรถยนต์จาก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ไปทำคาร์บอมบ์ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ก็เป็นการรับจ้างของคนร้ายกลุ่มนี้

ในขณะเดียวกัน หน่วยข่าวกรองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รายงานว่า ระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างเซ็นทรัลฯ มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองเก่า โดยมีการนำเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการร่วมมือกับแกนนำบีอาร์เอ็น ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความใกล้ชิด เพราะเป็นผู้พบปะพูดคุยกับแกนนำทั้งพูโล และบีอาร์เอ็น เมื่อปี 2556 เพื่อเปิดการพูดคุยสันติภาพที่มีประเทศมาเลเซียเป็นผู้ประสานงาน โดยมีการระบุว่า ในการก่อเหตุร้ายครั้งนี้มีการว่าจ้างกลุ่มบีอาร์เอ็น ในพื้นที่ในวงเงิน 5 ล้านบาทด้วยกัน โดยหลังจากที่มีข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงว่า กลุ่มอำนาจเก่าเป็นผู้ว่าจ้างให้ก่อเหตุร้าย ทำให้แกนนำของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดต่างผวา เพราะกลัวว่าจะตกอยู่ในข่ายของผู้ต้องสงสัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองหลายฝ่ายได้พยายามที่จะตรวจสอบข่าวดังกล่าวจากแกนนำบีอาร์เอ็น และพูโล ในประเทศเพื่อบ้าน ตามคำสั่งของหน่วยเหนือเพื่อหาข้อมูลของการว่าจ้างให้บีอาร์เอ็น หรือพูโล ก่อเหตุที่ห้างเซ็นทรัลว่ามีข้อเท็จจริงเพียงใด รวมทั้งมีการตรวจสอบเว็บไซต์ของขบวนการพูโลว่า มีการแสดงความเห็นอย่างไรต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งที่ อ.เกาะสมุย และในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอ ที่มีการฆ่าชาวไทยพุทธเกือบ 10 คน ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. เป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ทำการสืบสวนสอบสวนคดี “คาร์บอมบ์” ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มิให้มีการให้ข่าวในลักษณะว่าเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้เป็นการ ขยายพื้นที่การก่อการร้ายของบีอาร์เอ็น เพราะจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และความเสียหายต่อธุรกิจการลงทุน และการท่องเที่ยวของภาคใต้
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น