xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวกรองพบกลุ่มวินาศกรรมเกาะสมุยมุ่งโจมตีเมืองเศรษฐกิจ มทภ.4 สั่งรับมือป่วนฆ่าไทยพุทธ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หน่วยข่าวกรองระบุทีมวางระเบิดลีการ์เดนส์ หาดใหญ่ เป็นมือระเบิดเซ็นทรัลเกาะสมุย ล็อกแนวร่วมในเครือข่ายแล้ว 3 คน แม่ทัพภาค 4 สั่งรับมือป่วนฆ่าไทยพุทธใน 3 จังหวัด 4 อำเภอ

วันนี้ (12 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างเซ็นทรัลฯ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของกลุ่มคนร้าย และยานพาหนะที่ไปจาก จ.ยะลา ส่วนกลุ่มคนร้ายส่วนหนึ่งไปจาก 3 จังหวัด ส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่เกาะสมุย ซึ่งมีหลักฐานที่ชัดว่า เป็นการเชื่อมโยงระหว่างขบวนการก่อการร้ายใน 3 จังหวัด ส่วนสาเหตุการใช้ห้างเซ็นทรัลฯ เป็นเป้าหมายนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการหาหลักฐานว่า เป็นเรื่องของการขยายพื้นที่ก่อการร้ายของกลุ่มก่อการร้ายใน 3 จังหวัด หรือเป็นการจ้างวานจากผู้อื่นๆ ซึ่งขัดแย้ง หรือมีความโกรธแค้นส่วนตัวหรือไม่

ในขณะที่หน่วยข่าวความมั่นคง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ จ.ยะลา ที่เริ่มต้นจากการปล้นชิงรถยนต์ของ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา พบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่า หลังการปล้นคนร้ายได้ทำการดัดแปลงรถคันดังกล่าว และขับออกจากพื้นที่ จ.ยะลา โดยใช้เส้นทางหลัก แต่เมื่อถึงจุดตรวจจะใช้เส้นทางรอง คือ เส้นทางในหมู่บ้านเพื่อเลี่ยงจุดตรวจ โดยรถคันดังกล่าวผ่านทาง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เลี่ยงด่านตรวจของ ฉก.เทพา และด่านตรวจ ฉก.สงขลา ที่ ควนมีด อ.จะนะ ไปทาง อ.เมือง สงขลา ก่อนที่จะใช้ถนนเลียบสายฝั่งทะเลสงขลา-นครศรีธรรมราช เพื่อเข้าไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อไปยัง อ.เกาะสมุย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ภาพวงจรปิดของท่าเรือเฟอร์รี่เป็นหลักฐานที่ระบุถึงวันเวลาที่รถยนต์คันดังกล่าวไปถึงท่าเรือ ซึ่งห่างจากวันที่มีการนำรถไปก่อวินาศกรรมถึง 2 วัน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนว่า ก่อนที่จะมีการนำรถที่ประกอบเป็นคาร์บอมบ์ไปจอดระเบิดที่ลานจอดรถของห้างเซ็นทรัล รถคันดังกล่าวถูกนำไปไว้ที่ไหน และหากมีการประกอบระเบิดที่เกาะสมุย จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการประกอบระเบิดไม่ต่ำกว่า 1 วัน

สำหรับกลุ่มของผู้ก่อการครั้งนี้ หน่วยข่าวความมั่นคงได้มีการตรวจสอบจนพบหลักฐานการเชื่อมโยงว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างแนวร่วมในพื้นที่ อ.ยะหา คือ กลุ่มนายอูไบดีละ รอมลี กลุ่มนายอาบัส เจ๊ะอาลี กลุ่มนายปอเซ็ง เจ๊ะมะ ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และกลุ่มของนายเสรี แวมามะและนายรุสลัน ใบมะ ที่ อ.สะบ้ายย้อย จ.สงขลา

ซึ่งจากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า ทั้ง 3 กลุ่มเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกันในการวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ การวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์ และการวางระเบิดโรงแรมที่ อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อปี 2557 และเป็นกลุ่มเดียวกันที่ปล้นรถบรรทุกตู้จาก จ.ยะลา ไปประกอบคาร์บอมบ์ เพื่อวางระเบิดที่ อ.เบตง จ.ยะลา รวมทั้งพบว่า นายเสรี แวมามะ และนายรุสลัน ใบมะ เป็นมือรับจ้างที่วางระเบิดคาร์บอมบ์ที่หน้าโรงแรมสาธิต ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา และวางระเบิดที่ หน้า สภ.สะเดา หน้า สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา เมื่อปี 2556 ซึ่งนายทุนค้าน้ำมันเถื่อนเป็นผู้ว่าจ้าง ดังนั้น ในแนวทางการสอบสวนจึงยังไม่ตัดประเด็นการว่าจ้างทิ้ง เพราะกลุ่มนี้เคยรับจ้างก่อวินาศกรรมมาแล้ว

นอกจากนั้น หน่วยข่าวกรองยังระบุว่า การวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย โดยการปล้นชิงรถยนต์ของ อบต.ละแอ เพื่อใช้ในการประกอบคาร์บอมบ์ครั้งนี้ มีการวางแผนล่วงหน้าที่จะก่อการร้ายที่เกาะสมุย ไม่ใช่ต้องการก่อการร้ายที่ อ.หาดใหญ่ เพียงแต่กลุ่มคนร้ายปล่อยข่าวว่าจะใช้รถคันดังกล่าวระเบิดหาดใหญ่ ทำให้เจ้าหน้าที่หลงทางสั่งป้องกัน อ.หาดใหญ่ อย่างเข้มข้น ทำให้คนร้ายสามารถนำรถยนต์คันดังกล่าวเดินทางไปยังเกาะสมุยอย่างสะดวก เพราะหน่วยข่าวทุกหน่วยไม่เคยคิดว่าโจรใต้จะขยายพื้นที่ไปก่อการร้ายนอกเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้

และจากการตรวจสอบของหน่วยข่าวกรองพบว่า มี “แนวร่วม” จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา ทั้งที่ไม่มีคดี และมีการหลบหนีคดีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย กว่า 20 คน มีส่วนหนึ่งไปเป็น รปภ.อยู่ในพื้นที่ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้มีการติดตามนำกลุ่มผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนเพื่อหาความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ในขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำคดีดังกล่าว ได้เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า มีหลักฐานที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีภาพผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้นำรถดังกล่าวเข้าไปก่อเหตุ และได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 คน ไปสอบสวนแล้ว

สำหรับแนวทางสืบสวนสอบสวนนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้มีการเรียกให้นายตำรวจที่เป็นผู้รับผิดชอบในคดีการวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ ระเบิดที่ลีการ์เดนส์ ระเบิดที่ อ.เบตง ระเบิดที่ อ.สะเดา เพื่อร่วมประชุม และตรวจสอบรายละเอียดของทุกคดีที่เคยเกิดขึ้นเพื่อหาจุดเชื่อมโยงของคนร้าย

สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลานั้น ล่าสุด กลุ่มก่อการร้ายได้ยิงชาวไทยพุทธที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย โดยก่อหน้านี้ มีการยิงชาวไทยพุทธที่ ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย 2 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ราย โดยหน่วยข่าวความมั่นคงได้รายงานให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้มีการป้องกันกลุ่มเป้าหมายที่เป็นไทยพุทธในชุมชนต่างๆ ซึ่งล่าสุด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่คุ้มครองความปลอดภัยให้คนไทยพุทธ ในช่วงของเทศกาลสงกรานต์อย่างเร่งด่วน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายฉวยโอกาสก่อเหตุร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการวางระเบิดคาร์บอมบ์นอกเขต 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อเดือน พ.ค.2556 โดยครั้งนั้นคนร้ายใช้รถยนต์กระบะที่ปล้นไปจาก จ.ปัตตานี ประกอบระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 50 กิโลกรัม เพื่อระเบิดย่านการค้ากลางเมืองภูเก็ต โดยคนร้ายได้จุดชนวนระเบิดแล้ว แต่ระเบิดขัดข้องจึงไม่ระเบิด ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ารถคันดังกล่าวไม่มีเจ้าของจึงลากไปทิ้งไว้ที่หลัง สภ.เมือง ภูเก็ต และต่อมาอีก 1 เดือน เมื่อมีการจัดระเบียบที่จอดรถจึงตรวจพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นคาร์บอมบ์ แต่ในทางสืบสวนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบว่าคนร้ายเป็นใคร

สำหรับการก่อการร้ายนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น หน่วยข่าวความมั่นคงพบว่า ขบวนการโจรก่อการร้ายมีแผนที่จะวางระเบิดเมืองท่องเที่ยว เช่น จ.ตรัง จ.กระบี่ จ.ภูเกาะ และ จ.สราษฎร์ธานี มาโดยตลอด ตั้งแต่ ปี 2547 เป็นต้นมา โดยพบการวางเครือข่ายส่งแนวร่วมไปอยู่ในพื้นที่เมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวมาโดยตลอด เพียงแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการก่อการร้าย ถ้าการทำคาร์บอมบ์ที่ จ.ภูเก็ต ที่ล้มเหลวเป็นครั้งแรก การทำคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย เป็นครั้งที่ 2 และประสบความสำเร็จ เหตุผลที่ขบวนการก่อการร้ายต้องการก่อวินาศกรรมในเมืองเหล่านี้ เนื่องจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น โคออดิเนต ได้ประกาศอย่างชัดเจนที่จะทำลายฐานเศรษฐกิจของภาคใต้ เพื่อที่จะต่อรองรัฐบาลที่ผ่านมาในเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น