xs
xsm
sm
md
lg

คสช.ย้ำคุมแดงตามม.44-แฉบึ้มสมุย โยงกลุ่มอำนาจเก่า ข่าวกรองชี้มุ่งโจมตีเมืองศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “สรรเสริญ” เผยการสืบสวนเชิงลึกบึ้มสุมย ชี้ชัดโยงกลุ่มอำนาจเก่าที่ก่อเหตุ กทม. ใช้รถจาก จชต.หวังเบนประเด็น รัฐไม่หลงกล ฉะเลิกจองเวรประเทศ “วินธัย” แจง คุมตัว “เอ็ม เสื้อแดง” ตาม ม.44 คาดสืบสวนไม่เกิน 7 วัน ยังไม่ตั้งข้อหา บอกไม่ได้คุมไว้ที่ใด ยัน ทำตามขั้นตอนตรวจสอบได้ โต้ บึ้มสมุยไม่เกี่ยวขยายพื้นที่ป่วน จชต. ตำรวจเผยรู้เส้นทางคนใช้ในก่อเหตุคาร์บอมบ์เซ็นทรัลฯ สมุยแล้ว “วรชัย” เรียกร้องเจ้าหน้าที่หาหลักฐานเชื่อมโยง “เอ็ม เสื้อแดง” เกี่ยวข้องระเบิดเซ็นทรัล เกาะสมุย อ้างมีโพสต์ ขอความอาจเพราะความมันส์ หรือ อยากดัง “เหวง” โวย กปปส.ใส่ร้ายเสื้อแดง ข่าวกรองระบุทีมวางระเบิดลีการ์เดนส์ หาดใหญ่ เป็นมือระเบิดเซ็นทรัลเกาะสมุย ล็อกแนวร่วมในเครือข่ายแล้ว 3 คน แม่ทัพภาค 4 สั่งรับมือป่วนฆ่าไทยพุทธใน 3 จังหวัด 4 อำเภอ "ยะใส" ชี้ หน่วยข่าวกรองระบุเหตุบึ้มสมุย โยงป่วนกทม. หวั่น แผนป่วน 100 จุดคงอยู่ คาดแยกกันทำสืบสวนลำบาก ห่วง อำนาจเก่าสมรู้ร่วมคิดโจรใต้ ยิ่งซับซ้อน ยัน เป็นการท้าทายม. 44 ปลุกฝ่ายมั่นคงทำงานเชิงรุก จี้ ให้ข้อมูลจริงปชช.เพื่อเตือน คุมเข้มท่าเรือ-สนามบินสมุย หวั่นก่อเหตุซ้ำ เซ็นทรัลตรวจเข้มรถเข้าออกห้าง

วานนี้ (12 เม.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีระเบิดในห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า รายงานการสืบสวนเชิงลึกจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระบุว่า หลักฐานทั้งหมดที่พบในขณะนี้เชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มเดิมที่เคยสร้างสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้รถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้มาก่อเหตุ เพื่อหวังเบี่ยงเบนประเด็นการสืบสวนของเจ้าหน้าที่

“ขณะนี้หลักฐานทั้งจากที่เกิดเหตุ หลักฐานจากการสืบสวนขยายผล และจากการสอบสวนผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องซึ่งเชิญตัวมาให้ปากคำเมื่อวานนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นกลุ่มผู้ที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มอำนาจเก่าที่เคยก่อเหตุในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่กำลังติดตามประกบตัวผู้อยู่ในขบวนการและหลักฐานสาวไปถึง” พล.ต.สรรเสริญกล่าวและระบุว่า

การพยายามสร้างภาพให้เกิดความวิตกจะเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นวิธีการเบี่ยงเบนประเด็นของผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานค่อนข้างชัด จึงทำให้ประเด็นนี้มีน้ำหนักน้อยมากซึ่งรัฐบาลไม่หลงประเด็น และขอประณามผู้ที่คิดทำเช่นนี้ ขอให้เลิกจองเวรประเทศ เลิกสร้างสถานการณ์ขยายผลความกังวลของประชาชน เพราะเป็นการขัดขวางการเดินหน้าพัฒนาและแก้ไขปัญหาประเทศ ขณะที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังเดินหน้าเข้าสู่สถานการณ์แห่งความร่วมมือที่มีแนวโน้มดีอย่างมาก

***คสช.ย้ำคุมแดงตาม ม.44 โต้บึ้มสมุยไม่เกี่ยวโจรใต้ขยายป่วน
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมตัวนายนรินทร์ อ่ำหนองบัว แนวร่วมเสื้อแดงที่แคมป์คนงานเทศบาล ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า “เอ็ม เสื้อแดง” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 3/2558 เข้าควบคุมตัวนายนรินทร์ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผล คาดว่า ใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน แต่ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา ส่วนควบคุมตัวไว้สถานที่ใดนั้นตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องรายละเอียดของผู้ปฏิบัติ ทั้งนี้ หากผู้ต้องสงสัยหรือบุคคลใดมีความข้องใจว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถให้ตรวจสอบได้ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปฏิบัติงานตามความรู้สึกส่วนตัว แต่มีข้อมูลและองค์ประกอบหลักฐานต่างๆชัดเจนสามารถชี้แจงและพร้อมให้การตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการได้

ส่วนความคืบหน้ากรณีที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่ใช่การขยายพื้นที่ก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเหตุระเบิดในพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการสร้างสถานการณ์เพื่อต้องการก่อกวนให้เกิดความวุ่นวาย เพราะยังคงมีผู้พยายามหาช่องว่างใช้ระเบิดและอาวุธสงครามอยู่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังคงบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
 
**ตร.รู้เส้นทางคนก่อเหตุคาร์บอมบ์สมุยแล้ว

พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ (สบ 8) ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตำรวจทราบเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการเข้ามาก่อเหตุคาร์บอมบ์เซนทรัลเฟสติวัล สมุย จ.สุราษฏร์ธานีแล้ว โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรถต้องสงสัย 2 คัน ขับตามกันเข้ามาที่ท่าเรือดอนสัก ก่อนข้ามมาบนเกาะสมุย ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายข้ามมาดูลาดเลาในพื้นที่เกิดเหตุก่อนจะร่วมกันประกอบวัตถุระเบิดในรถยนต์ และนำมาก่อเหตุดังกล่าว

ด้านนายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี ระบุสถานการณ์ในพื้นที่กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ จะมีการตรวจบุคคลเข้า-ออกในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ทุกคน รวมถึงคุมเข้มท่าเทียบเรือ และสนามบินด้วย

***“สมยศ” ย้ำคดีคืบหน้า ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง

ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่สืบสวนทุกชุดที่อยู่ในพื้นที่ ได้ร่วมกันทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อที่จะนำไปสู่การจับกุมคนร้ายให้ได้ เท่าที่ตนได้รับรายงานมามีความคืบหน้าทางพยานหลักฐานไปมากพอสมควร

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยมาได้ 1 คน ตรงนี้ได้รับรายงานหรือยังว่าการสอบสวนเป็นยังไงบ้าง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทหาร ทหารมีอำนาจตามกฎหมาย ส่วนการสอบสวนอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายทหาร เมื่อยังไม่มีการส่งตัวมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ยังไม่ได้ทราบข้อมูลตรงนั้น ต้องรอให้ทางฝ่ายทหารส่งตัวให้ตำรวจก่อน

ต่อข้อถามว่า ประเด็นตอนนี้มีการสืบสวนทิศทางใดบ้าง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ 1. การเมือง 2. ความขัดแย้งทางด้านธุรกิจหรือเป็นเรื่องส่วนตัว และ 3. เรื่องสืบเนื่องหรือเกี่ยวโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ ทั้ง 3 ประเด็นนี้ยังไม่ได้ถูกตัดไปแม้แต่ประเด็นเดียว ยังคงยึดหลักหรือยึด 3 ประเด็นนี้เป็นแนวทางการสืบสวนสอบสวน เมื่อถามว่า มีแนวโน้มไปในทิศทางไหน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะว่าต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและก็คำให้การหรือสิ่งที่ได้จากที่เกิดเหตุ

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการควบคุมตัวนายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือ เอ็ม เสื้อแดง โดยเจ้าหน้าที่มีการสืบสวนสอบสวน ผู้ต้องสงสัยยังให้การปฏิเสธ และได้มีการปิดเฟซบุ๊กไปนานแล้ว และไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำเฟซบุ๊กอันนี้ขึ้นมาใหม่ เพราะในช่วงวันที่เกิดเหตุไม่ได้เดินทางไป จ.สุราษฎร์ธานี แต่ในวันนั้นขับแท็กซี่อยู่ใน กทม. จากการตรวจสอบประวัตินายนรินทร์ เคยเป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. แต่ไม่ใช่กลุ่มฮาร์ดคอร์ และไม่เคยมีประวัติก่อเหตุการณ์รุนแรงใดๆ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบไปยังเฟซบุ๊ก ข้อความนี้เป็นการทำเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึกผู้ที่โพสต์ แต่จากการสอบปากคำเชื่อได้ว่า นายนรินทร์ ไม่ได้เป็นผู้โพสต์ข้อความเอง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารยังควบคุมตัว นายนรินทร์ เพื่อสืบสวนสอบสวนคดีนี้ต่อไป

***โจกแดง ป้อง “เอ็ม เสื้อแดง” อ้างโพสต์เอามันส์

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงการจับกุม นายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือ ที่รู้จักกันในโลกโซเชียล มีเดีย ว่า “เอ็ม เสื้อแดง” ซึ่งโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยระบุว่า "คืนนี้จัดหนักที่สุราษฎร์" ก่อนเกิดเหตุระเบิดว่า การจับกุมนายนรินทร์ เป็นการจับเนื่องจากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แต่การจับกุมผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์นั้นต้องหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงที่เป็นวิทยาศาสตร์ว่าไปถึงใครบ้าง และเรื่องนี้คนคนเดียวไม่สามารถที่จะทำได้
“หากนายนรินทร์ มีความเกี่ยวโยงจริงก็ต้องหาหลักฐานเชื่อมโยงให้ได้ ขอถามว่า ผู้ที่ก่อเหตุจะมีการพูดออกมาก่อนลงมือหรือ การโพสต์ดังกล่าวอาจจะเป็นเพราะความมันส์หรืออยากดังก็เป็นได้อย่าเพิ่งรีบสรุป”

ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง โฟสต์เฟซบุ๊คถึงเหตุระเบิดในห้างเซ็นทรัล เกาะสมุย ว่า หลักฐาน จากรถคันที่ระเบิด บอกชัดว่าเป็นรถที่ขโมย มาจาก อ.ยะหา จ.ยะลา มีภาพวงจรปิด ขนรถลงเรือเฟอรี่ในตอนเช้า มีบางหน่วยราชการชี้ไปทางความไม่สงบภาคใต้ แต่มี กปปส.คนหนึ่ง “ขว้างอุจจาระมาที่ นปช.และคนเสื้อแดงทันที” ผลก็คือ “มือของตนเองเปื้อนอุจจาระ และอาจเผลอเอาไปละเลงปากของตนเองด้วย”

“ผมขอประนามกลุ่มคนที่กระทำการทั้งหมด (คาร์บอมเซ็นทรัล สมุย ไฟไหม้โคออป สุราษฎร์ ไฟไหม้ที่พังงา) เพราะทำให้กระทบต่องานสงกรานต์ อันเป็นงานขึ้นปีใหม่ของคนในภาคอุษาคเนย์ และการท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรง เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจประเทศไทยที่เลวร้าย ให้เสื่อมทรามมากยิ่งขึ้น”

***ข่าวกรองชี้มุ่งโจมตีเมืองศก.

วานนี้ (12 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างเซ็นทรัลฯ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของกลุ่มคนร้าย และยานพาหนะที่ไปจาก จ.ยะลา ส่วนกลุ่มคนร้ายส่วนหนึ่งไปจาก 3 จังหวัด ส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่เกาะสมุย ซึ่งมีหลักฐานที่ชัดว่า เป็นการเชื่อมโยงระหว่างขบวนการก่อการร้ายใน 3 จังหวัด ส่วนสาเหตุการใช้ห้างเซ็นทรัลฯ เป็นเป้าหมายนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการหาหลักฐานว่า เป็นเรื่องของการขยายพื้นที่ก่อการร้ายของกลุ่มก่อการร้ายใน 3 จังหวัด หรือเป็นการจ้างวานจากผู้อื่นๆ ซึ่งขัดแย้ง หรือมีความโกรธแค้นส่วนตัวหรือไม่

ในขณะที่หน่วยข่าวความมั่นคง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ จ.ยะลา ที่เริ่มต้นจากการปล้นชิงรถยนต์ของ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา พบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่า หลังการปล้นคนร้ายได้ทำการดัดแปลงรถคันดังกล่าว และขับออกจากพื้นที่ จ.ยะลา โดยใช้เส้นทางหลัก แต่เมื่อถึงจุดตรวจจะใช้เส้นทางรอง คือ เส้นทางในหมู่บ้านเพื่อเลี่ยงจุดตรวจ โดยรถคันดังกล่าวผ่านทาง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เลี่ยงด่านตรวจของ ฉก.เทพา และด่านตรวจ ฉก.สงขลา ที่ ควนมีด อ.จะนะ ไปทาง อ.เมือง สงขลา ก่อนที่จะใช้ถนนเลียบสายฝั่งทะเลสงขลา-นครศรีธรรมราช เพื่อเข้าไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อไปยัง อ.เกาะสมุย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ภาพวงจรปิดของท่าเรือเฟอร์รี่เป็นหลักฐานที่ระบุถึงวันเวลาที่รถยนต์คันดังกล่าวไปถึงท่าเรือ ซึ่งห่างจากวันที่มีการนำรถไปก่อวินาศกรรมถึง 2 วัน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนว่า ก่อนที่จะมีการนำรถที่ประกอบเป็นคาร์บอมบ์ไปจอดระเบิดที่ลานจอดรถของห้างเซ็นทรัล รถคันดังกล่าวถูกนำไปไว้ที่ไหน และหากมีการประกอบระเบิดที่เกาะสมุย จะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการประกอบระเบิดไม่ต่ำกว่า 1 วัน

สำหรับกลุ่มของผู้ก่อการครั้งนี้ หน่วยข่าวความมั่นคงได้มีการตรวจสอบจนพบหลักฐานการเชื่อมโยงว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างแนวร่วมในพื้นที่ อ.ยะหา คือ กลุ่มนายอูไบดีละ รอมลี กลุ่มนายอาบัส เจ๊ะอาลี กลุ่มนายปอเซ็ง เจ๊ะมะ ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และกลุ่มของนายเสรี แวมามะและนายรุสลัน ใบมะ ที่ อ.สะบ้ายย้อย จ.สงขลา

ซึ่งจากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า ทั้ง 3 กลุ่มเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกันในการวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ การวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์ และการวางระเบิดโรงแรมที่ อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อปี 2557 และเป็นกลุ่มเดียวกันที่ปล้นรถบรรทุกตู้จาก จ.ยะลา ไปประกอบคาร์บอมบ์ เพื่อวางระเบิดที่ อ.เบตง จ.ยะลา รวมทั้งพบว่า นายเสรี แวมามะ และนายรุสลัน ใบมะ เป็นมือรับจ้างที่วางระเบิดคาร์บอมบ์ที่หน้าโรงแรมสาธิต ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา และวางระเบิดที่ หน้า สภ.สะเดา หน้า สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา เมื่อปี 2556 ซึ่งนายทุนค้าน้ำมันเถื่อนเป็นผู้ว่าจ้าง ดังนั้น ในแนวทางการสอบสวนจึงยังไม่ตัดประเด็นการว่าจ้างทิ้ง เพราะกลุ่มนี้เคยรับจ้างก่อวินาศกรรมมาแล้ว

นอกจากนั้น หน่วยข่าวกรองยังระบุว่า การวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย โดยการปล้นชิงรถยนต์ของ อบต.ละแอ เพื่อใช้ในการประกอบคาร์บอมบ์ครั้งนี้ มีการวางแผนล่วงหน้าที่จะก่อการร้ายที่เกาะสมุย ไม่ใช่ต้องการก่อการร้ายที่ อ.หาดใหญ่ เพียงแต่กลุ่มคนร้ายปล่อยข่าวว่าจะใช้รถคันดังกล่าวระเบิดหาดใหญ่ ทำให้เจ้าหน้าที่หลงทางสั่งป้องกัน อ.หาดใหญ่ อย่างเข้มข้น ทำให้คนร้ายสามารถนำรถยนต์คันดังกล่าวเดินทางไปยังเกาะสมุยอย่างสะดวก เพราะหน่วยข่าวทุกหน่วยไม่เคยคิดว่าโจรใต้จะขยายพื้นที่ไปก่อการร้ายนอกเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้

และจากการตรวจสอบของหน่วยข่าวกรองพบว่า มี “แนวร่วม” จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา ทั้งที่ไม่มีคดี และมีการหลบหนีคดีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย กว่า 20 คน มีส่วนหนึ่งไปเป็น รปภ.อยู่ในพื้นที่ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้มีการติดตามนำกลุ่มผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนเพื่อหาความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ในขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำคดีดังกล่าว ได้เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า มีหลักฐานที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีภาพผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้นำรถดังกล่าวเข้าไปก่อเหตุ และได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 คน ไปสอบสวนแล้ว

สำหรับแนวทางสืบสวนสอบสวนนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้มีการเรียกให้นายตำรวจที่เป็นผู้รับผิดชอบในคดีการวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ ระเบิดที่ลีการ์เดนส์ ระเบิดที่ อ.เบตง ระเบิดที่ อ.สะเดา เพื่อร่วมประชุม และตรวจสอบรายละเอียดของทุกคดีที่เคยเกิดขึ้นเพื่อหาจุดเชื่อมโยงของคนร้าย

สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลานั้น ล่าสุด กลุ่มก่อการร้ายได้ยิงชาวไทยพุทธที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย โดยก่อหน้านี้ มีการยิงชาวไทยพุทธที่ ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย 2 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ราย โดยหน่วยข่าวความมั่นคงได้รายงานให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้มีการป้องกันกลุ่มเป้าหมายที่เป็นไทยพุทธในชุมชนต่างๆ ซึ่งล่าสุด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่คุ้มครองความปลอดภัยให้คนไทยพุทธ ในช่วงของเทศกาลสงกรานต์อย่างเร่งด่วน เพื่อมิให้กลุ่มก่อการร้ายฉวยโอกาสก่อเหตุร้าย

***'ยะใส'หวั่นแผนป่วน 100 จุดคงอยู่

นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) แสดงความเห็นถึงกรณีที่หน่วยงานข่าวกรองระบุว่าเหตุคาร์บอมบ์เกาะสมุยและวางเพลิงสหกรณ์โคออปสุราษฎร์ธานี เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่กรุงเทพฯก่อนหน้านี้จริง แสดงว่าแผนการก่อเหตุรุนแรง 100 จุดทั่วประเทศที่ผู้ต้องหาสารภาพนั้น ยังเป็นแผนการที่ยังคงอยู่ เป้าหมายยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และกลุ่มก่อเหตุที่เจ้าหน้าที่จับกุมไปอาจจะเป็นแค่ผู้ปฏิบัติการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ก่อเหตุไม่ได้มีผู้ขึ้นตรงหรือผู้สั่งการคนเดียวกัน น่าจะเป็นลักษณะแยกทีมกันทำ ทำให้การสืบสวนขยายผลจากคำสารภาพของคนร้ายสาวไปไม่ถึงกลุ่มอื่นที่เตรียมก่อเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ตกเป็นฝ่ายวิ่งตามตลอดเวลา

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าเหตุรุนแรงเหล่านี้จะมีนัยยะระดับใดก็ตาม ก็ถือเป็นการท้าทายมาตรา 44 โดยตรง และถ้าฝ่ายความมั่นคงยังทำงานเชิงรุกได้ไม่มาก อาจะมีเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นได้อีก โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

"ถึงเวลาที่ฝ่ายความมั่นคงจะต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนมากขึ้น เพื่อเป็นการเตือนภัยและให้ประชาชนเป็นเครือข่ายช่วยเฝ้าระวังเหตุร้ายในพื้นที่สำคัญๆ ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่" นายสุริยะใส ระบุ

***'บิ๊กโด่ง'ชี้ปมการเมือง-ส่วนตัวโยงบึ้ม'สมุย'

ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด คงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนส่วนจะเป็นการขยายพื้นที่การก่อเหตุขึ้นมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้นตนคิดว่า จากการตรวจสอบรถยนต์ และอุปกรณ์ที่ก่อเหตุมีการขโมยมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ในพื้นที่อ.ยะหา จ.ยะลา และมีการนำข้ามเรือมา โดยได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิดและวัตถุพยานอื่น ๆ มั่นใจว่า วัตถุประสงค์ไม่ใช่การก่อเหตุเพื่อต้องขยายพื้นที่ความรุนแรงมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องอื่นก็ได้ เพราะมีข้อมูลที่พนักงานของห้างสรรพสินค้าที่ถูกจ้างให้ออกงานจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่พอใจโดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทิ้งประเด็นอะไรไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคงดำเนินการอยู่ในฝ่ายทหารก็ได้รับประสานและตรวจสอบร่วมกัน เช่นกรณีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อหาประเด็นความเชื่อมโยงต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น