ฝ่ายความมั่นคงทหาร-ตำรวจว่ากันไปคนละทาง “เอ็ม เสื้อแดง” รอดตัวเชื่อถูกมือดีแฮก ตำรวจระดับสูงชี้ระเบิดคาร์บอมบ์เซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย ฝีมือขบวนการก่อการร้าย 3 ชายแดนใต้แน่นอน เผยตั้งเวลา 4 ทุ่มครึ่งยังปรานีไม่อยากให้คนตายเยอะ ด้านข่าวความมั่นคงเตือนรถกระบะถูกโจรกรรมจากภาคใต้ เกรงคนร้ายนำไปก่อเหตุ แจ้งด่านสกัดตรวจอย่างละเอียด เชื่อถูกนำไปดัดแปลง
การสืบสวนเพื่อค้นหาสาเหตุและกลุ่มคนร้ายจากกรณีคาร์บอมบ์ลานจอดรถชั้นใต้ดินห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 10 เมษายน 2558 อันเป็นช่วงคืนสุกดิบก่อนย่างเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ยังคงเดินหน้าอย่างเคร่งเครียดต่อไป โดยข้อมูลฝ่ายตำรวจยืนยันว่าพาหนะที่คนร้ายนำมาประกอบเป็นคาร์บอมบ์นั้นเป็นรถกระบะมาสด้า รุ่นไฟเตอร์ 4 ประตู ยกสูง สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียนเดิม คือ กข 4892 ยะลา แต่นำมาติดทะเบียนปลอมเป็น กย 5618 ชลบุรี ทำด้วยกระดาษแข็งสีขาว มีลักษณะแตกต่างจากป้ายทะเบียนจริงอย่างเห็นได้ชัด และเป็นรถในครอบครองของ อบต.ละแอ ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ถูกคนร้ายขโมยไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา
ต่างจากข้อมูลของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดย พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. แถลงภายหลังเกิดเหตุว่ารถกระบะดังกล่าวถูกคนร้าย 7-8 คนปล้นไปจากพนักงานขับรถ อบต.ละแอ หากเป็นไปตามนั้นจะต้องมีพยานเห็นตำหนิรูปพรรณของคนร้ายอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นข้อมูลฝ่ายตำรวจ คือ รถกระบะคันก่อเหตุคาร์บอมบ์ถูกโจรกรรมไปตามรูปคดี ไม่น่าจะทราบกลุ่มคนร้าย การสืบหาพยานหลักฐานโดยเฉพาะรูปพรรณสัณฐานต่างๆ ของคนร้ายมีความยากง่ายแตกต่างกัน
เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า กระบวนการให้ข่าวจากทางการโดยฝ่ายทหารต่างไปในทิศทางเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ว่า ฝ่ายความมั่นคงพบว่ามีหลักฐานหลายอย่างเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มเดิมกับที่เคยสร้างสถานการณ์ในกรุงเทพมหานคร ส่วนการใช้รถจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้มาก่อเหตุก็เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น ส่วนการเข้าควบคุมตัวนายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือเอ็ม เสื้อแดง ที่โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์วางระเบิดว่า “คืนนี้จัดหนักที่สุราษฎร์” รองโฆษกฯ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 นำตัวมาสอบสวนแล้วเพื่อสอบสวนขยายความเชื่อมโยงไปยังบุคคลอื่น “เบื้องต้นนายนรินทร์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายประเด็น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะเปิดเผยในขณะนี้”
สอดคล้องกับท่าทีของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ที่ยืนยันว่ากำลังตำรวจนครบาลเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ในจุดเสี่ยง 197 จุดทั่ว กทม. ส่วนข่าวฝ่ายความมั่นคงที่สามารถระบุตัวผู้ก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ได้แล้วนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า มีรายงานมาจากสายข่าวถึงบุคคลที่เชื่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าวแต่ยังไม่อาจเปิดเผยได้เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอเอาผิด หรือดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวได้
แต่เมื่อกลับมาดูการเคลื่อนไหวของตำรวจชุดใหญ่ที่มี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.นำทีมบินด่วนลงไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุและกระจายกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ นอกจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ที่มีประสบการณ์สูงด้านการข่าวก่อการร้ายแล้วยังมี พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีคาร์บอมบ์ซึ่งคร่ำหวอดกับงานข่าวและการปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างโชกโชนนั้น ปรากฏว่าแนวทางการสอบสวนทั้งหมดต่างไปจากฝ่ายทหารอย่างสิ้นเชิง
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการควบคุมตัวนายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือ “เอ็ม เสื้อแดง” ว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ยืนยันว่าปิดเฟซบุ๊กไปนานแล้วไม่ทราบว่าใครทำขึ้นมาใหม่ ช่วงเกิดเหตุอยู่ใน กทม. จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายนรินทร์เคยอยู่กลุ่ม นปช.จริง แต่ไม่ใช่กลุ่มฮาร์ดคอร์และไม่เคยมีประวัติก่อเหตุรุนแรงใดๆ อีกทั้งข้อความที่โพสต์ลงไปนั้นเป็นข้อความใหม่จึงเชื่อว่านายนรินทร์ไม่ได้เป็นผู้โพสต์ข้อความเอง
ส่วน พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ในเบื้องต้นไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ชี้ว่ามีเสื้อแดง หรือกลุ่มการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้ายหรือไม่คงต้องใช้เวลาสืบสวนสอบสวนสักระยะ อย่างไรก็ตาม จากภาพวงจรปิดที่ตำรวจไล่กล้องทุกตัวก็พบใบหน้าคนขับอย่างชัดเจน ขั้นตอนต่อไปจะได้นำไปเทียบกับทะเบียนประวัติอาชญากรทั้งหมด รวมทั้งบรรดาหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย “ตอนนี้เราได้ล็อก รปภ.ของห้างฯ บางคนที่เข้าข่ายต้องสงสัย พวกนี้มีภูมิลำเนามาจากชายแดนใต้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนแม้อยู่ภาคอื่น แต่ถ้ามีพฤติการณ์น่าสงสัยก็ต้องเชิญตัวมาสอบ”
ในประเด็นดังกล่าวซึ่งยังเกิดคำถามต่างๆ อย่างมากมายนั้น นายตำรวจระดับสูงที่ร่วมสอบสวนคดีคาร์บอมบ์เกาะสมุย เปิดเผยกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการ” ว่า กลุ่มคนร้ายตอนนี้ตำรวจสรุปแล้วว่ามาจากขบวนการก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน เป็นกลุ่มหัวรุนแรงจากจังหวัดปัตตานี และยะลา มีด้วยกันประมาณ 20 คน ส่วนที่มีข่าวว่าสามารถจับกุมคนขับรถได้แล้วไม่เป็นความจริง ตำรวจเพียงได้ภาพจากวงจรปิดแต่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร นอกจากนั้นยังมีประเด็นอื่นๆ ที่กำลังวิเคราะห์เช่นเหตุใดคนร้ายไม่วางระเบิดที่เซ็นทรัล สุราษฎร์ฯ แต่กลับเลือกเซ็นทรัลสมุยซึ่งอาจหวังผลให้กระทบการท่องเที่ยวหรือมีนัยอื่นๆ
ต่อคำถามว่าคนร้ายตั้งใจระเบิดในเวลา 22.30 น.ด้วยเหตุผลใด นายตำรวจคนเดียวกันกล่าวว่า จากการดูกล้องวงจรปิดคนร้ายนำรถมาจอดได้ระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเข้ามาเมื่อไหร่เพราะอาจกระทบต่อคดี แต่ยืนยันว่าถ้าต้องการให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากๆ น่าจะตั้งเวลาไว้ตอน 1 ทุ่มหรือ 2 ทุ่ม แต่อาจไม่ต้องการให้มีคนตายก็เลยตั้งเวลาไว้ก่อนห้างปิดครึ่งชั่วโมง สำหรับอานุภาพระเบิดลูกนี้มีน้ำหนักประมาณ 50 กก. มีอำนาจทำลายล้างสูง
“คนร้ายเขาพัฒนารูปแบบขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการหลอกล่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงมือทำงาน ส่วนเรื่องระเบิดจากที่เคยมีน้ำหนัก 5-10 กก.ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 50 หรืออาจจะ 80 กก.ก็สามารถเป็นไปได้ แต่ส่วนใหญ่ที่พบและใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็คือระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบในถังแก๊สน้ำหนักไม่เกิน 50 กก. ส่วนตัวคิดว่าคนร้ายต้องการถล่มห้างเซ็นทรัลฯ ด้วยเพราะไปจอดรถติดกับเสาตอม่อ แต่โครงสร้างอาคารในปัจจุบันแข็งแรงจึงไม่เกิดผลกระทบใดๆ นอกจากความเสียหายบริเวณรอบๆ แต่ก็กินเนื้อที่กว้าง 40-50 เมตร”
ส่วนเหตุไฟปริศนาเผาสหกรณ์สุราษฎร์ธานี จำกัด (โค-ออป) ริมถนนเพชรเกษม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นายตำรวจคนเดียวกันระบุว่าเป็นคนละเรื่องกัน น่าจะเป็นอุบัติเหตุไฟลัดวงจรแต่เมื่อทีมข่าวฯ ย้ำว่ามีเรื่องบังเอิญแบบนี้ด้วยหรือก็ได้รับคำตอบว่าตำรวจเขาเชื่ออย่างนั้น คงต้องรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน “หากเราเชื่อว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์บนเกาะสมุย แล้วจะมีสมมติฐาน มีความสมเหตุสมผลอย่างไรถ้ามันไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ หรือความบังเอิญ”
มีรายงานข่าวฝ่ายความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้เช้าวันนี้ (13 เม.ย.) มีการแจ้งเตือนไปยังหน่วยความมั่นคงทหาร-ตำรวจให้ระวังรถเป้าหมายที่ถูกคนร้ายโจรกรรมไปจากพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย (1. รถยนต์กระบะนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีน้ำตาล ทะเบียน ขฉ 1817 สงขลา (2. รถยนต์อีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บร 7934 สงขลา (3. รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กร 7723 สงขลา (4. รถยนต์มาสด้า บีที 50 สีดำ ทะเบียน บต 1517 ปัตตานี (5. รถยนต์กระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีขาว มีโครงหลังคาด้านหลัง ทะเบียน กห 62702 (6. รถยนต์ปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น L 200 สีดำ ทะเบียน บฉ 7925 ปัตตานี
(7. รถยนต์กระบะไทรทัน 4 ประตู (ไม่ทราบทะเบียน) (8. รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา 4 ประตู ทะเบียน กค 9139 กทม. (9. รถยนต์กระบะมาสด้า แค็บ สีเทา ทะเบียน บง 2612 ปัตตานี (10. รถยนต์กระบะไทรทัน สีดำ ทะเบียน บต 3597 ยะลา (11. รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ทะเบียน DDN 2321 มาเลเซีย รถทั้ง 12 คันตามที่แจ้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะนำไปดัดแปลงสภาพเปลี่ยนสีและทะเบียน อาจถูกนำไปก่อเหตุได้จึงขอให้ด่านตรวจและหน่วยความมั่นคงตรวจเข้มรถที่เข้าข่ายทั้งหมดอย่างละเอียด