xs
xsm
sm
md
lg

เผยทหาร-ตำรวจข้อมูลมั่ว! ชี้ “บังยี” เจ้าของเต็นท์รถมือสอง จ.ยะลา เอี่ยวบึ้มสมุยไม่มีอยู่จริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โวยตำรวจ ทหาร ข้อมูลมั่ว! จับแพะชนแกะ เผยเต็นท์รถ “บังยี” ไม่มีอยู่จริงที่ จ.ยะลา เจ้าของเต็นท์ และอู่รถยนต์ผวาถูกเหวี่ยงแหปิดเต็นท์ทิ้งอู่กลัวถูกจับ ในขณะที่นักการเมือง “วาดะห์” เผยไม่ใช่กินปูนร้อนท้อง แต่ขอให้เจ้าหน้าที่อย่ามั่ว เผยพร้อมสู้ไม่หนีไปไหน ผลสอบ 3 ผู้ถูกควบคุมตัวยังไม่คืบ

วันนี้ (19 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายว่า หลังจากที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัว “บังยี” เจ้าของเต็นท์รถมือสอง ใน ต.สะเตง เขตเทศบาลนครยะลาไปทำการสอบสวน เนื่องจากมีข้อมูลว่า “บังยี” เป็นผู้ซื้อรถยนต์ทั้งหมด จำนวน 4 คัน ที่ใช้ในการก่อเหตุ “คาร์บอมบ์” ที่เกาะสมุย จาก “เสี่ยไก่” เจ้าของเต็นท์รถมือสองที่ จ.นนทบุรี มาขายต่อ

ต่อมา พ.ต.อ.จำลอง สุวรรณลักษณ์ ผกก.สภ.เมือง ยะลา ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนจัดกำลังลงพื้นที่รับผิดชอบเพื่อตรวจสอบเต็นท์รถยนต์ และอู่รถยนต์เพื่อหาเต็นท์รถ “บังยี” ตามข่าว แต่ปรากฏว่า ในพื้นที่ ต.สะเตง และตำบลอื่นๆ ในเขต อ.เมืองยะลา ไม่ปรากฏว่ามีเต็นท์รถ “บังยี” และผู้ประกอบการค้ารถมือสองไม่มีใครรู้จักเต็นท์รถ “บังยี” ว่าอยู่ที่ไหน และมีชื่อจริงว่าอย่างไร และจากการตรวจสอบกับ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผบช. ศชต. ได้รับคำตอบว่า ตำรวจของ ศชต. ไม่ได้ทำการควบคุมตัวของบังยี และไม่มีข้อมูลว่ามีการควบคุมตัวเจ้าของเต็นท์รถดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่แท้จริงเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยพิเศษจากส่วนกลางได้ทำการเข้าควบคุมตัวนายอับดุลรอนิง ดือราแม อายุ 51 ปี จากบ้านพักที่ถนนปากน้ำ ต.สะบารัง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ตามที่สายข่าวระบุว่าชื่อ “บังยี” มีอาชีพเจ้าของเต็นท์รถ และได้นำไปควบคุมตัวไว้ที่กรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ. จ.ปัตตานี เนื่องจากมีข้อมูลว่าเป็นผู้ซื้อรถยนต์ต้องสงสัยที่ใช้ในการทำคาร์บอมบ์มาจากเต็นท็รถมือสองใน จ.นนทบุรี

ซึ่งจากการสอบสวน นายอับดุลรอนิง ดือราแม ปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ “บังยี” ไม่มีเต็นท์รถมือสอง แต่เป็นพนักงานขับรถของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.ปัตตานี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อ และได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายอับดุลรอนิง พร้อมทั้งนำเสื้อผ้า ของใช้ และเอกสารจำนวนหนึ่งเพื่อตรวจสอบดีเอ็นเอ และหาหลักฐานเพิ่มเติม

จากการตรวจสอบประวัติของ นายอับดุลรอนิง พบว่า เมื่อปี 2551 เคยถูกหน่วยงานความมั่นคง ตั้งข้อหาว่ามีส่วนร่วมในการวางระเบิดในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองปัตตานี แต่สามารถสู้คดีจนพ้นความผิดในชั้นศาล และเคยเป็นประธานชุมชนบือติง ต.สะบารัง เทศบาลเมืองปัตตานี ไม่มีการเปิดเต็นท์รถ หรือเกี่ยวข้องกับอู่รถ แต่ใช้เวลาว่างในการหารถมือสองให้แก่ผู้ต้องการบ้างเป็นครั้งคราว

ในขณะที่ภรรยาของ นายอับดุลรอนิง เปิดเผยว่า จู่ๆ เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้ามาควบคุมตัวโดยไม่ได้แจ้งข้อหา และทำการตรวจค้นบ้าน และนำตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร ทั้งที่ตนเชื่อว่า สามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “คาร์บอมบ์” ที่ อ.เกาะสมุย และที่สำคัญสามีไม่มีมีชื่อว่า “บังยี” แต่คนที่รู้จักเรียกชื่อเล่นว่า “แบดิง” จึงใคร่ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข่าวให้ชัดเจนว่า “บังยี” กับสามีตนเป็นคนเดียวกันหรือไม่

และในเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีพิเศษ นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ซึ่งเป็นชุดสืบสวนคดี “คาร์บอมบ์” ที่เกาะสมุย ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบเต็นท์รถมือสอง และอู่รถยนต์ จำนวน 5 แห่ง ใน อ.มายอ จ.ปัตตานี เพื่อหาเบาะแสของรถยนต์อีก 3 คัน ที่อยู่ในกลุ่มของรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ “คาร์บอมบ์” ที่เกาะสมุย แต่ไม่พบเบาะแสของคนที่สงสัย โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการนำตัวเจ้าของอู่รถยนต์ผู้หนึ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อ “แบยา” ไปสอบสวน เนื่องจากสงสัยว่าจะรู้เบาะแสของคนที่อยู่ในกลุ่มการก่อเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจปูพรมส่งกำลังเข้าตรวจค้นตรวจสอบ เต็นท์รถ และอู่ซ่อมรถยนต์ในพื้นที่รอยต่อของ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ได้ทำให้เจ้าของเต็นท์ และอู่รถยนต์จำนวนมากโดยเฉพาะในอำเภอรอบนอก เช่น รามัน กรงปินัง รือเสาะ ยะรัง มายอ และอื่นๆ ต่างรีบปิดอู่ และปิดเต็นท์และหลบออกจากพื้นที่ชั่วคราว เพราะกลัวว่าจะมีการ ตรวจค้นตรวจสอบแบบเหวี่ยงแห และอาจจะถูกจับกุมในข้อหาอื่นๆ เนื่องจากเต็นท์ และอู่รถยนต์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเต็นท์เถื่อนอู่เถื่อนที่ไม่มีอนุญาต และหลายแห่งพัวพันกับการรับจำนำ และการซื้อ-ขายรถเถื่อน รวมทั้งยาเสพติด

ส่วนการสอบสวน นายซามีดี สาและดิง ผู้ต้องสงสัยซึ่งมีอาชีพเป็นครูอัตราจ้าง โรงเรียนบ้านประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้ที่บ้านพัก ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา โดยถูกควบคุมตัวที่กรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากหน่วยข่าวกรองว่า นายซามีดี ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ “คาร์บอมบ์” ที่เกาะสมุย และไม่มีส่วนรู้เห็นกับการ ปล้นรถยนต์ของ อบต.ละแอ อ.ยะหา ซึ่งเป็นรถยนต์ที่นำไปใช้ทำ “คาร์บอมบ์” แต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ารู้จักกับ นายอับดุลราซะ ดูมีแด ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของ อบต.ละแอ ที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และแจ้งความเท็จ

โดยขณะนี้ นายอับดุลราซะ ถูกควบคุมตัวที่ศูนย์ซักถาม ของ ศชต. สำหรับการควบคุมตัวซามีดี มาจากการตรวจสอบซิมโทรศัพท์ของนายอับดุลราซะ ก่อนที่จะมีการถูกปล้นรถยนต์ และก่อนที่จะมีการควบคุมตัวเมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา ซึ่งในบรรดารายชื่อในโทรศัพท์ที่มีการติดต่อกัน เจ้าหน้าที่สงสัยว่า นายซามีดี อาจจะมีส่วนร่วมในการวางแผนนำรถยนต์ไปทำคาร์บอมบ์แล้วแจ้งว่ารถถูกปล้น

สำหรับกระแสข่าวการเข้าควบคุมตัวของ 2 นักการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัด ผู้ที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้บงการการก่อเหตุครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่จากหน่วยไหนเข้าควบคุมตัวนักการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดแต่อย่างใด เมื่อตรวจสอบกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พล.ท. ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยว่า ยังไม่มีการควบคุม หรือเชิญใครมาให้ข้อเท็จจริง เพราะยังไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงอดีตนักการเมืองใน 3 จังหวัด ทั้งหมดเป็นการปล่อยข่าวเพื่อการทำลาย และทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เป็นการใช่ช่องทางโชเชียลมีเดียของฝ่ายที่ไม่หวังดีในการสร้างความสับสน ความแตกแยกให้เกิดขึ้น

ในขณะที่นักการเมืองในกลุ่ม “วาดะห์” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตนักการเมืองของพรรคเพื่อไทย และ มาตุภูมิ ได้มีการติดต่อประสานงานทางโทรศัพท์เพื่อประเมินข่าวที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าจะพยายามที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกาะสมุยให้เป็นเรื่องของการเมือง เพื่อต้องการที่จะไม่ให้เป็นการกระทำของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ดังนั้น เพื่อที่จะปิดคดีจึงต้องหา “แพะ” มารับผิด โดยนักการเมืองกลุ่ม “วาดะห์” ได้ตกลงว่าจะไม่ออกมาตอบโต้กับข่าวที่พาดพิง แต่จะสงบนิ่งเพื่อรอความชัดเจน และทุกคนจะไม่หลบหนี แต่ถ้าเจ้าหน้าที่บอกว่ามีหลักฐานมีพยาน ก็พร้อมที่จะสู้คดี โดยไม่หวั่นต่อการใช้อำนาจ ม.44 ซึ่งต้องขึ้นศาลทหาร

โดยตัวแทนของกลุ่ม “วาดะห์” ผู้หนึ่งได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ขบวนการให้ข่าวของรัฐบาลสับสน ไม่เป็นเอกภาพ ตำรวจไปทาง ทหารไปทาง ข้อมูลมั่วซั่ว สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และทำให้ประชาชนนอกพื้นที่ 3 จังหวัดเกิดความเกลียดชังคนในพื้นที่ 3 จังหวัด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่รีบทำการจับกุมผู้ก่อการทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อที่สถานการณ์ความอึมครึมจะได้คลี่คลาย
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น