xs
xsm
sm
md
lg

หนุน"บิ๊กตู่" ใช้มาตรา44 รื้อบอร์ดศธ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้ตัดสินใจใช้อำนาจตาม มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ย้าย 6 บิ๊ก ในกระทรวงศึกษาธิการ
ผศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวว่า กรณีคสช. มีคำสั่งย้าย 6 บิ๊ก กระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากมีเป้าหมายปฏิรูปการศึกษา โดยเชื่อว่า ไม่มีนัยยะอื่นแฝง ที่ผ่านมามีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงไม่ตรงตามสาย จึงไม่ตอบสนองต่อนโยบายของคสช. โดยเฉพาะ 2 ระดับสำคัญ ได้แก่ ระดับเลขาธิการ และปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีฐานะระดับเดียวกัน ดังนั้น จึงได้สั่งย้าย นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน ไปเป็นเลขาธิการสภาการศึกษา หรือ สกศ. ซึ่งเติบโตมาในสายนี้โดยตรง และให้ นายแพทย์ กำจร ตติยกวี เลขาธิการ สกศ. มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแทน
"ที่น่าจับตาคือ การสั่งให้ยุติบทบาทการทำงานของ สกสค. และคณะกรรมการครุสภาชุดปัจจุบัน เพราะปัจจุบัน สกสค. มีผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะ 2 เรื่องหลัก คือการมีโรงพิมพ์ของ สกสค. ที่ผลิตหนังสือเรียนให้กับกระทรวงศึกษาธิการทุกรายวิชา ทุกชั้นเรียน และการดูแลเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งมีการร้องเรียนการทุจริตมาโดยตลอด และมีกลุ่มเดิมๆที่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ส่วนคณะกรรมการคุรุสภา เป็นเพียงหาเลขเท่านั้น ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับการใช้ มาตรา 44 โยกย้ายบุคลากรระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการโยกย้าย ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ทั้งหมด เป็นเพียงการระงับ ยับยั้งได้ชั่วขณะเท่านั้น เพราะในกระทรวงศึกษาธิการ มีวัฒนธรรมองค์กรหลายอย่างที่ฝังรากลึกมานานแล้ว สังเกตได้จากที่ผ่านมา มีการตรวจพบการทุจริตในทุกระดับชั้น จึงต้องใช้เวลาปฏิรูปองค์กรอีกนานพอสมควร" ผศ.ดร.อดิศร กล่าว

ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ที่อ้างเหตุการทุจริต และต้องการนำไปสู่การปฏิรูประบบการศึกษาของไทย ว่า การศึกษาไทยที่เหลื่อมล้ำ และแย่มากในวันนี้ เพราะการรวมศูนย์ของทรัพยากร โดยเฉพาะงบประมาณ และอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย ที่ถูกรวมศูนย์ไว้ทั้งส่วนกลาง และเขตพื้นที่ จึงไม่แปลกที่อำนาจที่ถูกรวมศูนย์ และงบประมาณที่ถูกดึงไว้ถูกนำไปสู่การทุจริต แม้แต่การแก้ไข พ.ร.บ.ทางการศึกษาในอดีต ที่แยกแท่งออกมา ก็ไม่ได้ทำให้การศึกษาไทยดีขึ้น เพราะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของผู้บริหารระดับสูง แต่กลับลงไม่ถึงคุณครู และนักเรียนเลย
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องทำในการปฏิรูปการศึกษา ที่มองอย่างง่ายๆ คือ ทำอย่างไรให้คุณครูอยากสอน และได้ ผอ.ที่เก่ง ที่เข้าใจปรัชญาของการศึกษา ดังนั้นทรัพยากรหลักทั้งเงิน และการรับครู ควรจะต้องถูกโอนไปที่โรงเรียนโดยตรง เพื่อให้ถึงครู และนักเรียน โดยต้องจัดลำดับความพร้อมของโรงเรียนที่จะรับโอน ขณะที่ส่วนกลางไม่ต้องมีคนมากเกิน มีเท่าที่จำเป็นในการทำหน้าที่ควบคุม กำกับ และติดตาม เพราะทราบว่า ที่กระทรวงฯ มีบุคคลากรกว่าห้าพันคน
"ขอย้ำว่า ทุกอย่างต้องเน้นลงที่โรงเรียน เพื่อที่จะให้โรงเรียนได้มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ที่สำคัญคือ แรงจูงใจที่จะหา ผอ.เก่งๆง่ายขึ้น ผอ.ก็ไม่ต้องไปวิ่งเต้น เพราะการเป็นผู้บริหารโรงเรียน ก็ถือว่าที่สุดแล้ว ถ้าผลงานของโรงเรียนไม่ดี ก็เปลี่ยน ผอ. ในรายละเอียดปลีกย่อยค่อยมาว่ากัน ปัญหาการทุจริตใหญ่ ก็จะเกิดน้อย เพราะถูกกระจายไปแล้ว ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ คสช. ควรจะต้องทำ ถ้าไม่ทำ มัวแต่เปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงอย่างเดียว ผมถือว่าหลงทาง " นพ.วรงค์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น