คสช.ออกคำสั่งเด้ง"สุทธศรี"พ้นปลัด ศธ. กลับสภาการศึกษา สลับ “พินิติ” นั่ง สกอ. โยก “กำจร” นั่งแท่นปลัด ศธ. พร้อมออกคำสั่งโละบอร์ด สกสค.และองค์การค้า สกสค. สั่งให้ รมว.ศึกษาธิการ นั่งหัวโต๊ะคุม พร้อมให้เลขาธิการ 5 องค์กรหลักทำหน้าที่กรรมการ
วันนี้ (17 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 6/2558 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) มีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น 6 ตำแหน่ง ดังนี้ นางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากตำแหน่ง ปลัด ศธ. ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการ สกศ. ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการ กกอ. ให้ดำรงตำแหน่งปลัด ศธ. นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการศธ. นายอดินันท์ ปากบารา พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ กช. นางรัตนา ศรีเหรัญ พ้นจากตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 16 เมษายน
ผู้สื่อข่ารายงานต่อว่า ขณะเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่คำสั่ง คสช. ที่ 7/2558 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในศธ.มีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ดังนี้ ให้บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งต่อไปนี้พ้นจากตำแหน่ง กรรมการคุรุสภาตามมาตรา 12 (1) (3) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546, กรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา 64 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ,กรรมการในองค์การค้า ของ สกสค. ทั้งนี้ มิให้มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาแทนที่ผู้ดำรงตำแหน่งข้างต้นจนกว่าหัวหน้า คสช.จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หรือ คสช.สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
นอกจากนั้นยังมี คำสั่งให้คณะกรรมการคุรุสภาตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วยรมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ รมช.ศึกษาธิการ ปลัด ศธ. เลขาธิการ สกศ. เลขาธิการ กพฐ. เลขาธิการกกอ. เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เลขาธิการ ก.ค.ศ. ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการคุรุสภา เป็น เลขานุการ ให้คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาประกอบด้วย รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน กรรมการ ปลัดศธ. เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการกพฐ. เลขาธิการกกอ. เลขาธิการกอศ. เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการก.ค.ศ. เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการสกสค. เป็นกรรมการและเลขานุการ
ให้คณะกรรมการสกสค. ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสกสค.ด้วย ในกรณีที่เห็นสมควร หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอาจมีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ได้ตามความเหมาะสม
ขณะเดียวกัน มีคำสั่งให้บุคคลต่อไปนี้หยุดการปฏิบัติ หน้าที่ไปก่อนจนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เลขาธิการคุรุสภา เลขาธิการ สกสค. ผู้อำนวยการองค์การค้า ในระหว่างที่บุคคลทั้งหมด หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้รัฐมนตรีว่าการศธ.พิจารณามอบหมายให้รองปลัดศธ. หรือข้าราชการศธ.ในระดับเดียวกันขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ ไปพลางก่อน และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตรวจสอบความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ การบริหารการเงิน ทรัพย์สิน และผลประโยชน์อื่นใด ของคุรุสภา สกสค. และองค์การค้าฯ ของสกสค. และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินโครงการที่สำคัญ แล้วรายงานผลการตรวจสอบให้หัวหน้าคสช.ทราบโดยเร็ว
นางสุทธศรี กล่าวว่า ตนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในทุกตำแหน่ง ซึ่งในส่วนของสภาการศึกษา นั้นก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเคยทำงานที่ สกศ.มาก่อน มีความรู้และความเข้าใจเนื้องาน เป็นอย่างดี จากนี้ตนเหลืออายุราชอีกประมาณ 5 เดือน ก็ตั้งจะไปสานงานต่อในเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ตามที่ นายพินิติ ได้ดำเนินการไว้และวางแนวทางอื่น ๆเพื่อรองรับการปฏิรูปการศึกษารอบด้าน อย่างไรก็ตาม การโยกย้ายครั้งนี้ไม่รู้สึกตกใจ หรือหนักใจอะไร เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียน เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัวมากขึ้น ส่วนการที่ นพ.กำจร จะมาดำรงตำแหน่ง ปลัด ศธ.นั้นมองว่าเหมาะสม เพราะ นพ.กำจร เป็นคนที่มีความสามารถและยังอายุราชการอีกประมาณ 1 ปีกว่าจึงเชื่อว่าจะสานงานต่อในตำแหน่งปลัด ศธ.ได้เป็นอย่างดี
ด้าน รศ.ดร.พินิติ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบมาก่อน แต่ก็พร้อมปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้งยังเหมือนได้กลับบ้านเพราะตนก็อยู่ที่สกอ.มาโดยตลอดและเข้าในเนื้องานเป็นอย่างดี
รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจเพราะการสลับสับเปลี่ยนหน้าที่ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการที่รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดศธ. ก็ไม่ถือว่าแลปกเพราะตนก็อยู่ในแวดวงการศึกษา เข้าออกที่ศธ.อยู่เป็นประจำ ที่สำคัญก็มีความเข้าใจในเนื้องานพร้อมจะทำงานในทุกตำแหน่ง ทั้งนี้ เมื่อไปรับหน้าที่ปลัดศธ. คิดว่าจากสานต่องานต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ไม่ใช่แค่ในอาเซียนเท่านั้น ส่วนแนวทางการดำเนินงานจะเป็นอย่างไรคงไม่สามารถตอบได้ ต้องขอเข้าไปทำงานก่อน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่