xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๋ย” จ๋า...เศรษฐกิจเจ๊งแล้วจ้า

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

วิกฤตเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในปัญหาลำดับต้นๆ ของประเทศ แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากลับพูดถึงน้อยมาก และไม่มีมาตรการแก้ไขเป็นชิ้นเป็นอันออกมา

ทั้งๆ ที่รู้ว่า เศรษฐกิจกำลังหัวทิ่มดิน ทั้งที่รู้ว่า ภาคธุรกิจกำลังล้มครืนครั้งใหญ่ ไม่ยิ่งหย่อนกว่าวิกฤตปี 2540 แต่ไม่น่าเชื่อว่า ไม่มีรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนใดออกมาแสดงอาการร้อนรน เร่งรีบหามาตรการแก้ไข

ไม่มีผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจคนใดออกมาแถลงชี้แจงแนวทางการกระตุ้น เพื่อเรียกความมั่นใจนักลงทุน มีแต่ความเงียบ จนมีเสียงถามหาม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ

ระบบเศรษฐกิจกำลังเดินเข้าสู่ตาอับ จนนักธุรกิจประเมินแล้วว่า ประเทศไม่มีทางรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดภาวะล่มสลาย และมองไม่เห็นหนทางแก้ไข

ตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้เลวร้ายไปทุกด้าน โดยการส่งออกที่ประมาณการว่าจะโตประมาณ 4% แต่ไตรมาสแรกคาดว่าการส่งออกจะติดลบประมาณ 5% ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อสองเดือนแรกติดลบ 0.47% และเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืด

ส่วนกำลังซื้อผู้บริโภคภายในประเทศหดตัวอย่างรุนแรง การลงทุนภาคเอกชนหยุดชะงัก และนักลงทุนต่างชาติเริ่มย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น โดยเฉพาะบริษัทผลิตรถยนต์ สำหรับการลงทุนภาครัฐก็ยังไม่ขยับเท่าไหร่

อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณการตัวเลขไว้ที่ 3.8% ซึ่งถูกมองว่าตัวเลขที่สูงและไม่น่าเป็นไปได้ แต่สิ่งที่เป็นไปแล้วคือ การล่มสลายของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี สิ่งที่ตามมาคือ ภาวการณ์ตกงานซึ่งเกิดขึ้นแล้วในหลายภาคส่วนธุรกิจ

รัฐบาลเผชิญกับฐานะทางการเงิน โดยเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า และไม่มีเงินที่จะอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ จะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มก็ไม่ได้ จะเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็ถูกกระแสต่อต้านจนต้องถอยมาตั้งหลักใหม่ จะกู้เงินก็ทำไม่ได้ถนัด เพราะตัวเลขหนี้สาธารณะอยู่ในเกณท์สูง และการเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ทำให้มีข้อจำกัดในการกู้ต่างประเทศ

ประชาชนระดับรากหญ้าต้องดิ้นรนอย่างหนักกับปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งปรู๊ด ส่วนคนที่พอจะมีเงินออมก็ไม่กล้าใช้จ่าย เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ขณะที่เศรษฐกิจก็เก็บเงินสดไว้ เพื่อรอซื้อทรัพย์สินราคาถูก เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับปี 2540

ทั้งประเทศควันกำลังคุ รอแต่ประกายไฟที่จะลุกพรึบพรับขึ้นมาเท่านั้น วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คืบคลานเข้ามาทุกที ทุกคนรู้ ทุกคนเห็น ทุกคนคาดการณ์สิ่งเลวร้ายที่ใกล้จะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่มีใครเห็นทางออก

ไม่รู้ว่าประเทศไทยจะรอดพ้นจากการล่มสลายได้อย่างไร ไม่รู้ว่า เมื่อล้มแล้ว จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูกันยาวนานเท่าไหร่

ไม่รู้ว่า ทีมงานฝ่ายเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมเงียบหายไปไหน

และไม่รู้ว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจทำอะไรกันบ้าง ทำไมไม่มีใครออกมาพูดถึงปัญหาเศรษฐกิจเลย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรหรือหม่อมอุ๋ยมุดอยู่ตรงไหน โยนผ้ายอมแพ้แล้วหรือเปล่า จึงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีมาตรการออกมาเรียกความมั่นใจ หรือว่ากิน “เกาเหลา” กับทีมงานฝ่ายเศรษฐกิจ จนไม่มีอันเป็นทำอะไร

ภาคเอกชนตกอยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก เพราะหายนะของประเทศเห็นสัญญาณชัดแจ๋ว แต่มองไม่เห็นผู้รับผิดชอบคนใดออกมาแก้ไข ไม่รู้จะเสนอแนะกับใคร พูดความจริงเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจไป บางครั้งต้องเจ็บช้ำน้ำใจกลับมา

เพราะผู้รับผิดชอบบางคนวางตัวเป็นเทวดา จิตใจคับแคบ ไม่ยอมรับสถานการณ์ที่เป็นจริง ตวาดกลับผู้ที่แสดงเจตนาดี กล่าวหาว่า “รู้ไม่จริง อย่าพูด” เสียอีก จนไม่มีใครอยากร่วมหารือแก้ปัญหาเศรษฐกิจกับรัฐบาลแล้ว

ปัญหาเศรษฐกิจที่หมักหมมมาหลายสิบปี นโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาดมาหลายรัฐบาล งบประมาณแผ่นดินที่ถูกใช้อย่างล้างผลาญตามโครงการประชานิยมของทุกพรรคการเมือง กำลังแสดงผลร้ายแรงออกมา และคาดกันว่า ภายในปีนี้ จะถึงจุดระเบิด

ระบบเศรษฐกิจได้เวลาเผากันจริงๆ

ประชาชนทั้งประเทศจะเดือดร้อน เพราะเคราะห์กรรมทางเศรษฐกิจ และดูเหมือนว่า สายเกินไปแล้วที่จะแก้ไข

ต่อให้สิบหม่อยอุ๋ยก็เอาไม่อยู่ เตรียมตัวรับผลกระทบจากเศรษฐกิจล่มสลายกันได้
กำลังโหลดความคิดเห็น