“เอ็มเค กรุ๊ป” เปิดเกมรุก งัดแผนควบรวม-ซื้อกิจการ ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ หวังขยายอาณาจักรร้านอาหารสู่อาเซียน พร้อมลงศึกคอมมูนิตีมอลล์ เล็งผุดคอมมูนิตีมอลล์ยึด 4 มุมเมืองกรุงเทพฯ ล่าสุดผุด “ลอนดอนสตรีท” ตั้งเป้าโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10%
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การดำเนินงานของบริษัทหลังจากนี้จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในรูปแบบควบรวมและซื้อกิจการต่างๆ ทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ทีมงานกำลังเข้าไปศึกษาธุรกิจที่น่าสนใจ ภายใต้การบริหารงานอย่างมืออาชีพควบคู่กับการพัฒนาด้านอาหารและบริการอย่างต่อเนื่อง
โดยธุรกิจในต่างประเทศจะเน้นที่ประเทศเวียดนาม จากที่เปิดไปแล้ว 3 สาขา ด้วยการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ รวมถึงประเทศลาวที่กำลังจะเข้าไปเปิดสาขาแรกในปีนี้ ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นร้านเอ็มเค สุกี้ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพของตลาดและจำนวนประชากรที่มีกำลังซื้อกว่า 6 ล้านคน ขณะที่ระบบบริหารจัดการภายในร้านจะใช้ระบบจากประเทศไทย 100%
นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนที่จะเปิดสาขาร้านอาหารในเครือเอ็มเคในประเทศพม่าและกัมพูชาในอนาคตอันใกล้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดและความเป็นไปได้รวมถึงพิจารณา เนื่องจากบริษัทยังไม่มีความชำนาญในการทำตลาดร้านอาหารใน 2 ประเทศนี้
ทั้งนี้ บริษัทยังคงให้ความสนใจกับกลุ่มอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน ร้านเบเกอรี รวมถึงร้านกาแฟ เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหารที่เป็นรูปแบบเครือข่าย ซึ่งในปีนี้อาจจะเห็นเอ็มเคเปิดร้านกาแฟก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ การดีลธุรกิจบางรายอาจต้องใช้ระยะเวลานานถึง 1 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสนใจในธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์ด้วย ล่าสุดเปิดตัวโครงการ “ลอนดอน สตรีท” ภายใต้งบลงทุน 300 ล้านบาท หรือคอมมูนิตีฟูดมอลล์ ภายใต้แนวคิด “ลอนดอนชิก” บนเนื้อที่ 1.8 ไร่ ย่านถนนพัฒนาการ ซึ่งได้รวบรวมร้านอาหารในเครือเอ็มเค กรุ๊ป ทั้ง 5 แบรนด์ ได้แก่ เอ็มเค สุกี้, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ, มายาซากิ เทปปันยากิ, ร้านอาหารไทยเลอ สยาม และเลอ เพอทิทคาเฟ่ ไว้ในสถานที่เดียวกัน ขณะที่ราคาอาหารยังคงเป็นราคาเดียวกันกับสาขาปกติ โดยมีอัตราการใช้จ่ายฉลี่ยอยู่ที่ 205-300 บาทต่อคน
โดยภายใน 3-4 เดือนหลังจากนี้เตรียมเปิดตัวโครงการที่ 2 แบบมิกซ์ยูส บนเนื้อที่ 6 ไร่ ย่านถนนบางนา-ตราด ซึ่งจะมีทั้งโครงการคอมมูนิตีมอลล์ พื้นที่เช่าค้าปลีก และโครงการที่อยู่อาศัย อาทิ คอนโดมิเนียม คาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมากกว่าโครงการลอนดอน สตรีท ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายโครงการในรูปแบบนี้กระจายไปยัง 4 มุมเมืองกรุงเทพฯ ภายในช่วง 2-3 ปีจากนี้ ภายใต้งบลงทุนโครงการละ 300-500 ล้านบาท
นายฤทธิ์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนแผนงานในประเทศนั้น ได้เตรียมงบลงทุน 600 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาร้านอาหารในเครือทั้ง 5 แบรนด์ โดยมุ่งไปที่การขยายสาขาของร้านเอ็มเค สุกี้ 20-30 สาขา, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ 20 สาขา, มายาซากิ เทปปันยากิ 10 สาขา, ร้านอาหารไทยเลอ สยาม 2-3 สาขา และเลอ เพอทิทคาเฟ่ 2-3 สาขา
ขณะที่ผลประกอบการปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสภาะวะเศรษฐกิจ แต่ภาพรวมบริษัทยังมีการเติบโต 4.8% หรือคิดเป็นมูลค่า 14,600 ล้านบาท ขณะที่ผลกำไรถือว่าอยู่ในระดับเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นการเติบโตมาจากการขยายสาขาต่อเนื่อง ส่วนของเป้าหมายปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10% และผลกำไรจะดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน มาจากภาคกำลังซื้อผู้บริโภคที่ดีขึ้น
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การดำเนินงานของบริษัทหลังจากนี้จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในรูปแบบควบรวมและซื้อกิจการต่างๆ ทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ทีมงานกำลังเข้าไปศึกษาธุรกิจที่น่าสนใจ ภายใต้การบริหารงานอย่างมืออาชีพควบคู่กับการพัฒนาด้านอาหารและบริการอย่างต่อเนื่อง
โดยธุรกิจในต่างประเทศจะเน้นที่ประเทศเวียดนาม จากที่เปิดไปแล้ว 3 สาขา ด้วยการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ รวมถึงประเทศลาวที่กำลังจะเข้าไปเปิดสาขาแรกในปีนี้ ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นร้านเอ็มเค สุกี้ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพของตลาดและจำนวนประชากรที่มีกำลังซื้อกว่า 6 ล้านคน ขณะที่ระบบบริหารจัดการภายในร้านจะใช้ระบบจากประเทศไทย 100%
นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนที่จะเปิดสาขาร้านอาหารในเครือเอ็มเคในประเทศพม่าและกัมพูชาในอนาคตอันใกล้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดและความเป็นไปได้รวมถึงพิจารณา เนื่องจากบริษัทยังไม่มีความชำนาญในการทำตลาดร้านอาหารใน 2 ประเทศนี้
ทั้งนี้ บริษัทยังคงให้ความสนใจกับกลุ่มอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน ร้านเบเกอรี รวมถึงร้านกาแฟ เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหารที่เป็นรูปแบบเครือข่าย ซึ่งในปีนี้อาจจะเห็นเอ็มเคเปิดร้านกาแฟก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ การดีลธุรกิจบางรายอาจต้องใช้ระยะเวลานานถึง 1 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสนใจในธุรกิจคอมมูนิตีมอลล์ด้วย ล่าสุดเปิดตัวโครงการ “ลอนดอน สตรีท” ภายใต้งบลงทุน 300 ล้านบาท หรือคอมมูนิตีฟูดมอลล์ ภายใต้แนวคิด “ลอนดอนชิก” บนเนื้อที่ 1.8 ไร่ ย่านถนนพัฒนาการ ซึ่งได้รวบรวมร้านอาหารในเครือเอ็มเค กรุ๊ป ทั้ง 5 แบรนด์ ได้แก่ เอ็มเค สุกี้, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ, มายาซากิ เทปปันยากิ, ร้านอาหารไทยเลอ สยาม และเลอ เพอทิทคาเฟ่ ไว้ในสถานที่เดียวกัน ขณะที่ราคาอาหารยังคงเป็นราคาเดียวกันกับสาขาปกติ โดยมีอัตราการใช้จ่ายฉลี่ยอยู่ที่ 205-300 บาทต่อคน
โดยภายใน 3-4 เดือนหลังจากนี้เตรียมเปิดตัวโครงการที่ 2 แบบมิกซ์ยูส บนเนื้อที่ 6 ไร่ ย่านถนนบางนา-ตราด ซึ่งจะมีทั้งโครงการคอมมูนิตีมอลล์ พื้นที่เช่าค้าปลีก และโครงการที่อยู่อาศัย อาทิ คอนโดมิเนียม คาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมากกว่าโครงการลอนดอน สตรีท ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายโครงการในรูปแบบนี้กระจายไปยัง 4 มุมเมืองกรุงเทพฯ ภายในช่วง 2-3 ปีจากนี้ ภายใต้งบลงทุนโครงการละ 300-500 ล้านบาท
นายฤทธิ์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนแผนงานในประเทศนั้น ได้เตรียมงบลงทุน 600 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาร้านอาหารในเครือทั้ง 5 แบรนด์ โดยมุ่งไปที่การขยายสาขาของร้านเอ็มเค สุกี้ 20-30 สาขา, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ 20 สาขา, มายาซากิ เทปปันยากิ 10 สาขา, ร้านอาหารไทยเลอ สยาม 2-3 สาขา และเลอ เพอทิทคาเฟ่ 2-3 สาขา
ขณะที่ผลประกอบการปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสภาะวะเศรษฐกิจ แต่ภาพรวมบริษัทยังมีการเติบโต 4.8% หรือคิดเป็นมูลค่า 14,600 ล้านบาท ขณะที่ผลกำไรถือว่าอยู่ในระดับเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นการเติบโตมาจากการขยายสาขาต่อเนื่อง ส่วนของเป้าหมายปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10% และผลกำไรจะดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน มาจากภาคกำลังซื้อผู้บริโภคที่ดีขึ้น