“น้อมจิตต์” ผู้ผลิตชุดนักเรียนรายใหญ่หวังผู้บริโภคมั่นใจสถานการณ์รอบด้าน พร้อมมีกำลังซื้อเพิ่ม ช่วยหนุนตลาดชุดนักเรียนกว่า 5 พันล้านบาท โตคืน 10% หลังอั้นการซื้อในปี 57 จากภาวะเศรษฐกิจซบ เล็งแผนผุดเอาต์เลตจำหน่ายสินค้าราคาโรงงานที่บางใหญ่ พร้อมขยายตลาดต่างประเทศ
นายอานนท์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมจิตต์ แมนนูแฟกเจอริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดชุดนักเรียนมีมูลค่ารวมประมาณ 5 พันล้านบาท แต่ละปีมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5-10% แต่ในปี 2557 มีการชะลอตัวตามสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ซบเซาลงเนื่องจากได้รับผลกระทบทางด้านการเมือง ส่งผลให้มีพฤติกรรมการซื้อในลักษณะค่อยๆ ทยอยซื้อมากขึ้น ขณะที่การซื้อต่อครั้งยังลดลงเหลือเพียง 2-4 ชุดจากปกติที่มีการซื้อครั้งละประมาณ 3-5 ชุด โดยส่วนใหญ่นิยมซื้อในช่วงเปิดเทอมใหม่ (เดือน มี.ค.-พ.ค.ของแต่ละปี) ประมาณ 80% ส่วนที่เหลือ 20% เป็นการซื้อระหว่างเปิดเทอม
ในปี 2558 คาดว่าตลาดจะเริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติและมีการเติบโตขึ้นประมาณ 5-7% เนื่องจากปัจจัยบวกด้านต่างๆ ทั้งด้านสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายลง ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจและตัดสินใจซื้อมากขึ้นหลังจากได้รับแรงอั้นจากการประหยัดในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับเด็กนักเรียนส่วนใหญ่มีร่างกายที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มีเกณฑ์ต้องเปลี่ยนชุดนักเรียนใหม่ทุกๆ 1-2 ปี
นายอานนท์กล่าวอีกว่า “น้อมจิตต์” ถือเป็น 1 ใน 3 ผู้นำตลาดชุดนักเรียนระดับพรีเมียม มีกลุ่มสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ประกอบด้วย ชุดอนุบาล, ชุดประถมศึกษา, ชุดมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย, ชุดอาชีวศึกษา, ชุดนักเรียนนานาชาติ, ชุดพลศึกษา, ชุดกิจกรรม, เครื่องแบบลูกเสือ-เนตรนารี และอื่นๆ โดยมีระดับราคาสูงกว่าตลาดระดับกลาง 20% และสูงกว่าตลาดทั่วไป 30%
“ตลาดชุดนักเรียนรวมมีผู้ประกอบการทุกระดับประมาณ 100 ราย แต่สำหรับตลาดระดับพรีเมียมผู้ประกอบการประมาณ 4-5 ราย โดยในส่วนของบริษัทฯ มียอดขายในปี 2557 ประมาณ 8 แสนชุด แบ่งเป็นชุดนักเรียนอนุบาลและประถมฯ ราคา 200 บาท ในสัดส่วน 60-70% นักเรียนมัธยมฯ ชุดละประมาณ 400-600 บาท ในสัดส่วน 10-15% ส่วนที่เหลือเป็นนักเรียนอาชีวะและอื่นๆ ในระดับราคา 500 บาทขึ้นไป โดยคาดว่าจะมีการเติบโตขึ้น 5-7% ในปี 2558”
นายอานนท์ยังกล่าวถึงช่องทางจัดจำหน่ายด้วยว่า บริษัทฯ เน้นการจำหน่ายผ่านหน้าร้าน 4 สาขาที่มียอดจำหน่ายสูงสุดตามลำดับ คือ บางกะปิ, แฟชั่นไอส์แลนด์, บางกระบือ และบางลำภู นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดทางห้างสรรพสินค้าและตัวแทนจำหน่าย 70 สาขาทั่วประเทศ ในสัดส่วนกรุงเทพฯ 70% ต่างจังหวัด 30%
“บริษัทฯ ยังมีการจำหน่ายโดยตรงกับโรงเรียนรัฐและเอกชนในลักษณะสั่งตัด 120 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นการตัดชุดนักเรียนทั่วไป 70-80% และชุดนักเรียนที่มีแบบฟอร์มเฉพาะ 20-30% คิดเป็นสัดส่วนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% ต่างจังหวัด 30% โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีจำนวนโรงเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 150 แห่ง”
ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงงานบนพื้นที่ 8 ไร่ใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แต่ละปีมีกำลังการผลิตสูงสุดในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม เดือนละ 6 หมื่นชุด โดยมีแผนที่จะเปิดเป็นเอาต์เลตจำหน่ายสินค้าราคาโรงงานในอนาคตอันใกล้ พร้อมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่เริ่มมีการจำหน่ายโดยตรงกับโรงเรียนนานาชาติในประเทศลาวและพม่าแล้วประมาณ 4-5 ปี
“เนื่องจากชุดนักเรียนถือเป็นสินค้าควบคุมราคา บริษัทฯ จึงยังคงยืนราคาสินค้าโดยไม่มีการปรับราคามาประมาณ 2-3 ปีแล้ว ขณะที่ราคาวัตถุดิบยังคงมีการขึ้นราคาปีละประมาณ 3-5% โดยแต่ละปีบริษัทฯ จะไม่เน้นการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดซื้อมากนัก โดยจะใช้งบประมาณเพียง 3% จากยอดขายเพื่อทำการตลาดในลักษณะการสร้างความจดจำในแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณาในช่วงใกล้เปิดเทอมใหม่ รวมถึงร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าทำการตลาดในรูปแบบการลด แลก แจก แถม ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น”
นายอานนท์กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ยังมีสินค้าชุดนักเรียนอีก 1 แบรนด์คือ “แพนด้า” เพื่อทำตลาดระดับกลางและล่างในราคาต่ำกว่า “น้อมจิตต์” ประมาณ 20-30% เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ของรายได้รวมบริษัทฯ