สมาคมไทยรับสร้างบ้าน ประเมินตลาดรับสร้างบ้านตลอดปี 2557 ทั่วประเทศพบว่า ปริมาณ และมูลค่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านไม่ขยายตัวตามเป้าที่ตั้งไว้ พบมูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านขยายตัวได้เพียงแค่ร้อยละ 2.5-3 คิดเป็น 4,100-4,200 หน่วย หรือมูลค่าประมาณ 12,500-13,500 ล้านบาทเศษเท่านั้น วิเคราะห์ตลาดรับสร้างบ้านปี 58 ยังเติบโตทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการในสายตาผู้บริโภคดีขึ้น นำระบบสำเร็จรูปมาบริหารจัดการ คาดปริมาณรับสร้างบ้านในปีหน้าขยายประมาณ 4,200-4,300 หน่วยเศษ “มูลค่า” คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 15,000-16,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.7 ล้านบาท ที่ผ่านมา
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน ได้รายงานถึงสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้าน ว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมฯ ได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ 1.กลุ่มสมาชิกสมาคมไทยรับสร้างบ้านและแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน (ตั้งอยู่ในต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่) 2.กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุที่แตกไลน์มาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน 3.กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไป (ไม่สังกัดสมาคมหรือชมรมใดๆ) และ 4.กลุ่มสมาชิกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (ตั้งอยู่ใน กทม.และปริมณฑลเกือบทั้งหมด)
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมฯ ได้ทำการสำรวจจำนวนผู้ประกอบการทั่วประเทศทั้ง 4 กลุ่ม พบว่า ในปี 2557 มีรายใหม่เข้ามาแข่งขันในธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างมีรูปแบบเพิ่มมากขึ้นกว่า 40 ราย หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 18 เมื่อเปรียบเทียบปีก่อนที่มีผู้ประกอบการอยู่เกือบ 140 ราย ทั้งนี้ จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน พบว่า มีรายใหม่เลือกเข้ามาแข่งขันมากที่สุด โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี เลย ฯลฯ รองลงมาตั้งอยู่ในจังหวัดพื้นที่ภาคกลาง เช่น สระบุรี ราชบุรี ชลบุรี ระยอง ประจวบฯ (หัวหิน)
นอกนั้นเป็นจังหวัดในภาคเหนือ และภาคใต้ เช่น ลำปาง พะเยา กำแพงเพชร นครสวรรค์ สุราษฎร์ฯ สงขลา ตรัง ฯลฯ เป็นต้น หรือนับรวมได้ทั้งสิ้นกว่า 180 รายเศษทั่วประเทศ (ไม่นับรวมรายย่อยที่ยังมีรูปแบบไม่ชัดเจน)
ปี 2557 นับเป็นอีกปีหนึ่งที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านต้องเผชิญต่อปัจจัยลบรอบด้าน และรุนแรง ทั้งความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะงักลง แรงงานขาดแคลนรุนแรง สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ และค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ในขณะที่ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านกลับมีการแข่งขันราคากันต่อเนื่อง ฯลฯ ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการรายเล็กที่ไม่มีการรวมตัว หรือสร้างเครือข่ายไว้ก็ยิ่งแข่งขันกับรายผู้นำตลาด หรือรายใหญ่ยากมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนแรงงานทีมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสมาคมฯ วิเคราะห์ว่าการจ้าง หรือใช้แรงงานต่างด้าวมาทดแทนแรงงานคนไทยนั้นไม่อาจแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวร เหตุเพราะในอนาคตแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้จะเริ่มทยอยกลับคืนถิ่น ฉะนั้น แนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่ดีที่สุดคือ ควรเลือกหาเทคโนโลยีก่อสร้างที่ลดการพึ่งพาแรงงานลง
ประเมินตลาดต่างจังหวัด “ดาวรุ่ง”
สำหรับปี 2558 สมาคมฯ ประเมินแนวโน้มตลาด “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวตามทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ โดยคาดว่าจะมีความต้องการสร้างบ้านเองทั่วประเทศใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ในส่วนปริมาณ และมูลค่าตลาดรวม “รับสร้างบ้าน” นั้นมีโอกาสเติบโตได้ตามกัน โดยสมาคมฯ แยกประเมินตลาดรับสร้างบ้านออกเป็น 2 ตลาดหลักๆ ได้แก่ 1.ตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 2.ตลาดรับสร้างบ้านในเขตต่างจังหวัด ทั้งนี้ สมาคมฯ คาดว่าตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดน่าจะเป็น “ดาวรุ่ง” โดยเฉพาะเมื่อผู้ประกอบการทั้งรายเดิม และรายใหม่ต่างขยายการให้บริการสร้างบ้านครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัดของประเทศมากขึ้น ซึ่งภูมิภาคที่น่าจับตาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้นมองว่าความต้องการสร้างบ้าน และกำลังซื้อจะยังทรงตัว หรือเติบโตเพียงเล็กน้อย โดยปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลกระทบเกิดจากที่ดินเปล่าลดน้อยลง และมีราคาแพง ฯลฯ ทำให้การสร้างบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ย้ายออกสู่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ชลบุรี อยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี สุพรรณบุรี เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ตลาดรับสร้างบ้านอีกหนึ่งภูมิภาคที่น่าจับตาคือ ภาคใต้ ซึ่งในปี 2557 พบว่า ความต้องการสร้างบ้าน หรือกำลังซื้อชะลอตัวลงจากปัจจัยที่มีผลกระทบ ได้แก่ ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้บริโภคส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้นิยมใช้เงินออมสำหรับการสร้างบ้านหลังใหม่มากกว่าการกู้ยืม แต่ด้วยเพราะความไม่เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และรายได้ในอนาคต จึงทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน หรือที่อยู่อาศัยไว้ก่อน
ดังนั้น ในปี 2558 หากรัฐบาลปัจจุบัน หรือรัฐบาลใหม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ก็เชื่อว่า ปริมาณ และมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านในภาคใต้ก็จะฟื้นตัวได้เช่นกัน ด้วยเพราะหลายจังหวัดเป็นเมืองท่องเที่ยว และเมืองการค้าที่สำคัญ เช่น สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต กระบี่ เป็นต้น
ศก.ฟื้น-ผู้บริโคเชื่อมั่นดันรับสร้างบ้านเติบโต
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2557 แม้ว่าจะไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้างทั่วไป โดยเฉพาะการที่ความร้อนแรงของภาคธุรกิจอสังหาฯ ลดลง ส่วนหนึ่งก็เป็นผลดีกับธุรกิจรับสร้างบ้าน เพราะทำให้การแย่งชิงแรงงาน และวัสดุก่อสร้างไม่รุนแรงเหมือนปีก่อนๆ ในส่วนของการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการรับสร้างบ้านด้วยกันเองตลอดปี 2557 ไม่ถือว่ารุนแรงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556 ที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะผู้ประกอบการชั้นนำหลายๆ ราย วางตำแหน่งทางการตลาดของตัวเองชัดเจนมากขึ้นในสายตาของผู้บริโภค เช่น รับสร้างบ้านประหยัดพลังงาน รับสร้างบ้านโครงสร้างสำเร็จรูป รับสร้างบ้านหรูร้อยล้าน รับสร้างบ้านขนาดเล็ก รับสร้างบ้านต่างจังหวัด ฯลฯ เป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคที่พอใจ หรือชื่นชอบกลุ่มใดก็เลือก และตัดสินใจที่จะใช้บริการกับรายนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น
“ภาพดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการท้องถิ่นในต่างจังหวัดที่มีการพัฒนา และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของตลาดรวมรับสร้างบ้านในอนาคต โดยเฉพาะในแง่การสร้างภาพลักษณ์ธุรกิจของตนเองให้เป็นที่น่าเชื่อถือในสายตาของผู้บริโภค นอกจากนี้ มีข้อสังเกตอีกประการหนึ่งที่แตกต่างจากเดิมๆ คือ ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ต่างหันมานิยมเรียกขานสถานะธุรกิจรับสร้างบ้านของตัวเองว่า “ศูนย์รับสร้างบ้าน” แทนคำว่า “บริษัทรับสร้างบ้าน” ที่เคยใช้กันมานานอย่างมีนัยสำคัญ จึงมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านอาจมีการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่แทนคำเดิม เพื่อความชัดเจนของลักษณะธุรกิจในสายตาของผู้บริโภค”
สำหรับปริมาณ และมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านปี 2558 เชื่อว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปี 2557 โดยปัจจัยสำคัญมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ และเป็นเพราะ 1.ภาพลักษณ์ของธุรกิจรับสร้างบ้านดีขึ้นมากในสายตาของผู้บริโภค 2.มีการขยายสาขา และพื้นที่ให้บริการของรายเดิมและรายใหม่ออกไปทั่วประเทศ และ 3.การปรับตัวของผู้ประกอบการที่หันมาใช้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมากขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยอมรับมาตรฐานสินค้า และบริการของบริษัทหรือศูนย์รับสร้างบ้านมากขึ้น ทั้งในแง่การจัดตั้งสถานประกอบการ หรือสำนักงานที่มีรูปลักษณ์สะดุดตา และเป็นหลักแหล่งชัดเจน การมีสาขาให้บริการตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ทำให้สามารถติดต่อได้สะดวก และผู้ประกอบการเองดูแลการสร้างบ้านได้อย่างใกล้ชิด ตลอดจนการนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้สร้างบ้านก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน เนื่องเพราะก่อสร้างได้รวดเร็ว และควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าแบบเดิม ที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นผลมาจากการปรับตัวของผู้ประกอบการทั้ง 3 ประการอย่างเห็นได้ชัดเจน
ทั้งนี้ สมาคมฯ ประเมินว่า “ปริมาณ” ตลาดรับสร้างบ้านปี 2558 น่าจะขยายตัวไม่มาก หรือประมาณ 4,200-4,300 หน่วยเศษ แต่ในแง่ของ “มูลค่า” คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 15,000-16,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.7 ล้านบาท ที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐาน และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกมาโดยตลอด สำหรับในปี 2558 สมาคมฯ จะเน้นอีกหนึ่งบทบาทคือ สร้างการรับรู้และขยายตลาดรับสร้างบ้านให้แก่สมาชิก คู่ค้า และพันธมิตรธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ผ่านกิจกรรมอีเวนต์ มาร์เกตติ้งที่จะจัดขึ้นภายใต้ชื่องาน “ไทยแลนด์ โฮมบิลเดอร์ แอนด์ แมททีเรียล แฟร์ 2558” ในระหว่างวันที่ 28 ม.ค.-1 ก.พ.2558 ที่จะถึงนี้ (รวม 5 วัน) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งงานนี้จะเป็นเวทีกลางที่ผู้บริโภคจะได้พบกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมืออาชีพจากทั่วประเทศ นายสิทธิพร กล่าวสรุป