เสนาฯ เดินหน้าปรับพอร์ตลงทุนที่อยู่อาศัย เพิ่มแชร์สินค้าตลาดกลาง-บนจาก 10%-ขึ้นเป็น 30% พร้อมปรับลดพอร์ตสินค้ากลาง-ล่างเหลือ 70% จากเดิม 80-90% หลังกำลังซื้อลูกค้าหด หนี้ครัวเรือนพุ่ง ยอดปฏิเสธสินเชื่อลูกค้าตลาดล่างขยับเพิ่ม เล็งลงทุนออฟฟิศเช่า เพิ่มพอร์ตรายได้ระยะยาว แก้ปัญหารายได้ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ หลังอสังหาฯ ผันผวนตาม ศก.ไทย-โลก เผยเลื่อนแผนเปิดคอนโดย่านระราม 2 อีก 1 ไตรมาส หลังไตรมาสแรกดีมานด์หดตัว พร้อมเดินหน้าเปิดคอนโด ในซอยสุขุมวิท 50 แทน
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว และการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงปัญหาการผันผวนของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นในทุกขณะ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในระดับกลาง-ล่าง ทำให้บริษัทมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ และในอนาคตบางส่วน เพื่อรับมือต่อสถานการณ์ตลาด และปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยบริษัทมีแผนปรับลดสัดส่วนสินค้าในกลุ่มตลาดกลาง-ล่างลง หรือตลาดที่อยู่อาศัยเกรด B ลบ C และ C บวก จากเดิมที่มีสัดส่วนการพัฒนาสินค้าที่ 80-90% ลงมาอยู่ที่ 70% เพื่อไปเพิ่มสัดส่วนที่อยู่อาศัยในตลาดกลาง-บน หรือตลาด B และ B บวกเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนการพัฒนาอยู่ที่ 10% เพิ่มเป็น 30% ในปีนี้ ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าในตลาดกลาง-บนของบริษัทนั้นส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มอัตรากำไรของบริษัท แต่ปัจจัยสำคัญ คือ เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาลูกค้าตลาดล่างที่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่หดตัวในปีนี้
นอกจากนี้ ยังเป็นการรองรับกลุ่มลูกค้าตลาดกลาง-บน ที่มีการขยายตัวที่มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อ หรือได้รับผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้าในตลาดล่าง และลูกค้าตลาดระดับบนยังเป็นการที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ปัจจัยเกี่ยวกับการขึ้นลงของเศรษฐกิจส่งผลต่อกำลัง และการตัดสินใจซื้อของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวน้อย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความผันผวนของตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยที่มีความผันผวนขึ้นลงตามเศรษฐกิจในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทกลับมาทบทวนแผนการพัฒนา และลงทุนในธุรกิจเพื่อเช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว เพื่อช่วยทำให้บริษัทลดปัญหาด้านรายได้ระยะยาวได้ แต่เนื่องจากการลงทุนพัฒนาโครงการปล่อยเช่านั้นค่อนข้างใช้เงินทุนในการพัฒนาที่สูง และต้องใช้ระยะเวลาในการคืนทุนทำให้ เสนาฯ ต้องพิจารณาเลือกลงทุนในธุรกิจเช่าอย่างรอบคอบ
“พอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวของเสนาฯ ที่มีในมือขณะแชร์รายได้รวมอยู่ 10% ประกอบด้วย คอมมูนิตีมอลล์ เลียบถนนเจริญนคร สนามกอล์ฟ และอพาร์ตเมนต์ ดังนั้น โครงการเพื่อสร้างรายได้ระยะยาวที่จะมีการลงทุนใหม่ จึงให้ความสนใจในกลุ่มธุรกิจออฟฟิศเช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทพยายามมองหาที่ดินในทำเลที่เหมาะต่อการพัฒนาออฟฟิศเช่าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีที่ดินที่เหมาะสมเข้ามา ทำให้แผนการพัฒนาออฟฟิศเช่าของเสนาฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป”
ดร.เกษรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 11 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งตามแผนเดิมในไตรมาส 2 เสนาฯ จะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมในย่านพระราม 2 จำนวน 1 โครงการ แต่จากแนวโน้มการหดตัวของดีมานด์ตลาดในย่านพระราม 2 ในช่วงไตรมาสแรก ทำให้บริษัทต้องเลื่อนแผนการเปิดโครงการไปในไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่ 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในแผน ภายหลังจากที่บริษัทได้ซื้อที่ดินแปลงใหม่ จำนวน 5 ไร่ ในซอยสุขุวิท 50 เข้ามา 1 แปลง
“คอนโดใหม่ในซอยสุขุมวิท 50 นี้จะเป็นโครงการโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ขนาดเริ่มต้น 28 ตารางเมตร (ตร.ม.) ขึ้นไป โดยราคาขายเริ่มต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 50,000-70,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือมีราคาเริ่มต้น 2-4 ล้านบาท”