ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั้งบ้านทั้งเมือง เมื่อโหรชื่อดัง “วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ” หรือโหรคมช. ออกมาเปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะอยู่ในอำนาจต่อไปอีก 3 ปี และโรดแมปอาจจะมีการเลื่อนออกไป
จึงเป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อยว่าตัวตนของโหรชื่อดังคนนี้เป็นอย่างไร และจริงหรือไม่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นผู้นำมีบารมีอย่างที่โหรคนนี้ว่า
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ จึงตามไปสัมภาษณ์โหรวารินทร์ ล้วงลึกชีวิตโหรชื่อดัง พร้อมเผยดวงชะตาบ้านเมืองหลังสงกรานต์, ศาสตร์แห่งบุญและกรรม และเรื่องราวอาจารย์ของเขาซึ่งเป็นหลวงปู่เฒ่าเกวาลันแห่งเทือกเขาหิมาลัย ที่มีอายุนานกว่า 3,000 ปี!
-ได้ยินว่าโหรวารินทร์ไม่ใช่ร่างทรง ไม่ใช่หมอดู แล้วความจริงคืออะไร ช่วยอธิบายตัวตนให้ฟังหน่อย
ต้องบอกก่อนว่าผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแต่ได้รับหน้าที่ตรงนี้มา ตอนแรกผมก็งงเหมือนกัน ว่าทำไมไปเห็นตรงนั้นตรงนี้ สัมผัสอะไรได้ ซึ่งผมเห็นมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ตอนหลังถึงได้รู้ว่าเป็นหน้าที่ที่ผมต้องได้รับทราบจากสิ่งต่างๆ ก็เลยคิดว่าควรจะมาบอกผู้คนเท่านั้นเอง มันเหมือนเป็นหน้าที่ แต่ตอนหลังเหมือนว่าถ้าไปไขในเรื่องของปริศนาหรือเรื่องต่างๆ ของผู้คนทั้งหมด มันก็เหมือนว่าเราไปล่วงรู้ชะตาของเขา ผมเลยต้องใช้วิธีให้มีการสอบถาม คือ ให้คนดูถามคำถาม ถ้าไม่ถาม ผมก็พูดไม่ได้ บางครั้งผมเห็นแล้ว แต่ก็พูดไม่ได้ ถ้าเขาไม่ถาม จะเรียกว่าเป็นการเห็นจากจิตสัมผัสก็ได้ครับ การเห็นจากจิตสัมผัสนี้มีอาจารย์ของผม คือ หลวงปู่เกวาลัน เป็นผู้ส่งภาพและเป็นผู้บอกกล่าวผ่านผมมาอีกทีหนึ่ง
-อยากรู้ว่าหลวงปู่เกวาลันซึ่งเป็นอาจารย์ เป็นใคร มาจากไหน คุณรู้จักหลวงปู่ได้อย่างไร
เรื่องเกิดขึ้นตอนผมอายุประมาณ 9 ขวบ ผมจำภาพได้ว่าตัวเองนั่งครึ่งหลับครึ่งตื่นในท่านั่ง อยู่บริเวณหน้าครัวไฟในบ้านเดิมของตนเอง จากนั้นเห็นตัวเองเดินออกไปในขณะที่กำลังนั่งอยู่ แล้วผมก็เห็นคนแก่คนหนึ่งเดินออกมาขวาง คนแก่คนนี้ลักษณะเหมือนคนอินเดียผิวขาว ดูอายุประมาณ 80-90 ปี ท่านบอกว่า “ไอ้หนูออกมาทำไม เข้าไปก่อน ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า ” ผมเลยตกใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร มาได้ยังไง เหลียวมองไปข้างหลัง เห็นตัวของผมเองกำลังครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ ก็ตกใจว่าทำไมตัวเรามีสองคน เลยวิ่งกลับไปหาร่างตัวเอง จากนั้นก็ผวาตัวขึ้นมา พอลุกขึ้นมาได้ ก็วิ่งไปเล่าให้คุณพ่อฟัง ท่านฟังแล้วก็หัวเราะบอกว่าน่าจะฝันมั้ง ตอนนั้นผมเลยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ในใจลึกๆ ก็ยังกลัวอยู่ เลยสวดมนต์อิติปิโสประจำ เพราะตอนเด็กๆ ในโรงเรียนมีการสอนสวดมนต์ ผมจึงสวดมนต์ของผมมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งปี 2535 จิตออกจากร่างอีกครั้ง ครั้งนี้ผมได้ไปเจอหลวงปู่ท่านนี้อีก ถึงได้รู้ว่าท่านชื่อว่า “หลวงปู่เฒ่าเกวาลันแห่งเทือกเขาหิมาลัย” ท่านบอกว่าจะให้ผมมาทำหน้าที่ตรงนี้นะ น่าแปลกว่าก่อนที่จะมาเจอท่าน ผมได้ไปรับตำราโหราศาสตร์เล่มหนึ่งของคุณพ่อ ซึ่งเป็นการทำนายเกี่ยวกับกราฟชีวิต จากนั้นก็มีตำราเลข 7 ตัว ตำราลายมือ ตำราเกี่ยวกับการผูกดวงต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ผมก็มีความสนใจมาแล้วตั้งแต่เด็กๆ เคยเล่าเรียนมาพอเป็นพื้นฐาน แต่พอมาเจอศาสตร์ใหม่นี้ เรียกว่า “ศาสตร์แห่งบุญและกรรม” อาศัยบุญและกรรมเป็นตัวกำหนด ผมเลยได้ศาสตร์ตรงนี้มาตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาผมก็สามารถติดต่อ พูดคุยหรือสื่อกับหลวงปู่เกวาลันได้
หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า ท่านอยู่ก่อนพุทธกาลเราประมาณเกือบพันปี โดยท่านเป็นฮินดู เป็นพราหมณ์ แล้วท่านบอกว่าปรารถนาที่จะเป็นพุทธภูมิ หรือองค์ศาสดาที่จะมาสั่งสอนคน เพราะอยากจะสร้างบารมีของท่าน ส่วนผมเคยเจอกับท่านในอดีตกาลมาแล้ว ตั้งแต่นั้นมาผมจึงได้สื่อสารกับท่านมาโดยตลอด ทุกวันในช่วงเช้าผมจะสวดมนต์ ทำสมาธิ และปฏิบัติธรรมที่วิหารหลวงปู่แห่งนี้ จะเป็นการบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และครูบาอาจารย์ ถ้ามีเหตุการณ์ใดๆ ท่านก็จะบอกมา ถ้าไม่มี ท่านก็จะนิ่ง แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้คน บ้านเมือง และศาสนา ท่านก็จะบอกมาเป็นช่วงๆ บางครั้งบอกเป็นปริศนาเพื่อให้เรามาตีปัญหาเอง เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องความลับ จึงบอกไม่ได้หมด เพราะมันไปผูกกับเรื่องกรรมด้วย นี่เองจึงเป็นศาสตร์ที่เรียกว่ากรรมเวร หรือศาสตร์แห่งบุญและกรรม
- ช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังหน่อยว่าศาสตร์แห่งบุญและกรรมนี้คืออะไร
ในโลกนี้มีหลายศาสตร์ หลายคนอาจไม่เข้าใจศาสตร์นี้ ที่ผ่านมาหลายท่านมีการทำบุญเสริมบารมี บุญตรงนี้จะเป็นตัวกำหนดดวงชะตาของคนเรา เมื่อเจ้ากรรมนายเวรมีการขออโหสิกรรม ท่านก็จะคลายกรรม สามารถเปิดหนทางในการสร้างบุญของเรา เพื่อให้บรรลุให้ถึงสิ่งที่เราปรารถนาได้ คือ ต้องเข้าใจว่าคนที่เกิดมามีบุญและกรรมไม่เหมือนกัน การดูชะตาจะต้องดูในเฉพาะของบุคคลไป แต่ในเรื่องของเหตุการณ์บ้านเมือง มันเกี่ยวข้องกับหลายๆ หนทาง เกี่ยวเนื่องทั้งเรื่องผู้คน ผู้นำชาติบ้านเมือง ตลอดจนผู้คนต่างๆ ที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ วาระกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร ผมก็จะดูตรงนี้และหาทางช่วยกันผ่อนคลายกรรม
การดูชะตาของผม เริ่มต้นผมจะถามหลวงปู่ว่า ท่านผู้นี้เป็นอย่างไร หลวงปู่ก็จะเปิดภาพในอดีตของเขาว่าเป็นใคร มาจากไหน มีหน้าที่อะไร มีบุญมีกรรมอะไร จากนั้นก็จะให้ซักถามและตอบเป็นข้อๆ ไป โดยมากผมจะบอกให้คนทำบุญ เพราะการทำบุญจะช่วยในเรื่องของการคลายกรรม เนื่องจากกรรมคือตัวกำหนดชะตา แต่กรรมจะหมดหรือคลายไปได้ด้วยอานิสงส์ของบุญของท่านๆ เหล่านั้น แล้วการทำบุญนั้นก็ต้องแล้วแต่ล่ะบุคคลครับ เพราะบุญกรรมของคนที่มาเกิดในภพชาตินี้ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นการสร้างบุญของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน ขนาดฝาแฝดที่เกิดเวลาเดียวกัน ออกมาจากท้องแม่เดียวกัน ดวงชะตากรรมยังไม่เหมือนกันเลย
-เห็นคุณออกมาบอกว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นผู้นำบ้านเมืองสงบ เพราะเป็นหน้าที่ของเขา และเวลาอาจจะไม่เป็นไปตามโรดแมป อธิบายที่มาที่ไปหน่อย
เรื่องนี้เป็นเรื่องตั้งแต่ปี 2553 แล้วครับ ช่วงนั้นมีเหตุการณ์ปะทะ มีการเผาบ้านเผาเมือง ทำให้เกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง คนในชาติบ้านเมืองก็มีความวิตกในเหตุการณ์ตรงนี้ ไม่ทราบว่าจะยุติเมื่อไหร่ แล้วจะมีใครมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ให้หมดสิ้นไป ผมเลยอยากรู้เรื่องของบ้านเมือง จึงถามหลวงปู่ว่าบ้านเมืองจะไปรอดไหม แล้วจะมีผู้ใดมาช่วย ท่านก็เปิดภาพให้เห็น ซึ่งก็คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งในเวลานั้นพลเอกประยุทธ์ยังไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.
หลวงปู่บอกว่าคนนี้แหละจะมาในปี 2557 จากนั้นจะมาทำหน้าที่สังคายนา ทำหน้าที่เป็นผู้นำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขตั้งแต่ปี 2557 นับไป 2-3 ปี หลวงปู่ยังบอกว่าท่านผู้นี้เป็นใคร ทำไมถึงมาทำหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งในจิตของท่านแล้ว ท่านผู้นี้ไม่ได้ปรารถนาที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้เลย เพราะท่านเป็นทหาร ท่านทำหน้าที่แทนทหาร พอหลังจากท่านทำหน้าที่เสร็จ คือ เกษียณแล้ว ท่านก็จะใช้ชีวิตในตอนหลังกับครอบครัวอย่างมีความสุข
ฉะนั้นตอนนี้เป็นหน้าที่ของพลเอกประยุทธ์ ผมเองก็เคยนำเรื่องนี้ไปเรียนท่าน ท่านบอกว่าไม่คิดอะไร บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะท่านไม่มีจิตคิดตรงนี้เลย ท่านเป็นทหาร ไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้นจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างไร จะมาให้ท่านมาเล่นการเมือง ท่านไม่เล่น มันไม่ใช่หน้าที่ ท่านไม่ทำ ท่านบอกผมอย่างนี้
ตั้งแต่ปี 2553 ผมเคยบอกผู้สื่อข่าวท่านหนึ่งไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผมสามารถให้เขาเป็นพยานได้ ผมบอกเขาว่าจะมีผู้ใหญ่ชื่อท่านนี้มาทำหน้าที่ตรงนี้ แต่ตอนนั้นก็ไม่เห็นมีกระแสอะไร จนกระทั่งถึงเวลาที่พลเอกประยุทธ์ได้มาทำหน้าที่ตามที่หลวงปู่บอก นี่คือหน้าที่ของท่าน ท่านไม่ได้ปรารถนาจะอยู่หรือทำอะไร ท่านปรารถนาจะทำตามโรดแมป พยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ผมว่ามันยังมีปัจจัยอยู่ ผมก็ได้บอกท่านไปตั้งแต่ปี 2553 แต่ตอนหลังก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับท่านเลย แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น ตอนหลังจึงมีผู้ที่อยากรู้มาถาม ผมก็ยืนยันคำเดิม จึงกลายเป็นกระแส แต่ถ้าเรามองย้อนไป จะเห็นว่าเป็นคำทำนายเดิมมาแล้ว
-สรุปว่าโรดแมปอาจจะมีการเลื่อนไปใช่ไหม
คือ โรดแมปอาจจะมีการขยาย ถ้าหากบ้านเมืองไม่ปกติ หรืองานยังไม่เสร็จ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของท่านในการรวบรวมคนในชาติให้เป็นสีเดียวกัน ประเทศไทยจะไม่มีสีแล้ว แต่เราจะมีสีของธงชาติไทย และในเรื่องความสงบสุขของชาติบ้านเมืองก็จะกลับคืนมาเฉกเช่นในอดีต คือหลวงปู่พูดมาในลักษณะนี้ครับ
สาเหตุที่ผมบอกอย่างนี้ ก็เพื่อต้องการให้คนไทยรับรู้ แล้วรู้ว่ามันเป็นเวลา มันเป็นหน้าที่นะ ใครที่คิดจะทำอะไร ขอให้อย่าคิดเลย เห็นแก่ชาติบ้านเมืองเราเถอะ เพราะชาติบ้านเมืองของเราบอบช้ำมาเยอะแล้ว ก็ช่วยกันเป็นกำลังใจให้กันดีกว่า เพราะตัวท่านเองก็เหน็ดเหนื่อย เพราะปัญหาทุกอย่างสะสมมาหลายปี การที่จะมาแก้ไขทีเดียว ถือเป็นเรื่องลำบาก ดังนั้นระยะเวลาที่ท่านตั้งไว้ คือ เวลาที่ท่านตั้งปณิธานอยากจะให้สำเร็จภายในปีนี้ ท่านไม่อยากจะครองหน้าที่ตรงนี้ เพราะไม่อยากทำงานตรงนี้นานนัก ท่านอยากให้ประชาธิปไตยกลับมาเร็วไว อยากจะให้ชาติบ้านเมืองกลับมาสามัคคี เท่าที่ผมได้รับรู้ก็เห็นตรงนี้ เลยอยากให้พวกเราสามัคคี เสร็จเมื่อไหร่ ก็ขอให้เป็นไปตามนั้นดีกว่า
-หลวงปู่เกวาลันเคยบอกไหมว่าทำไมพลเอกประยุทธ์ถึงได้รับทำหน้าที่ตรงนี้
ก็เป็นหน้าที่ของท่านครับ คนที่เกิดมามีหน้าที่ทุกคน อย่างครูก็ต้องทำหน้าที่ครู หมอก็ต้องทำหน้าที่หมอ ส่วนผู้ที่ได้ทำหน้าที่นี้ คือ ผู้ที่มีบุญบารมีต่อชาติบ้านเมือง มีคุณประโยชน์จากชาติบ้านเมืองในอดีต ถึงได้ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ ซึ่งก็ต้องคือพลเอกประยุทธ์เพียงท่านเดียวครับ
-นอกจากพลเอกประยุทธ์แล้ว จะมีคนอื่นเข้ามาทำหน้าที่ช่วยตรงนี้อีกหรือเปล่า
คือ เรามีพลเอกประยุทธ์ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี นอกนั้นก็มีประชาชนทำหน้าที่เป็นกำลังใจให้แก่ท่าน สังเกตตอนบ้านเมืองเราหลังจากมีความวุ่นวาย พอพลเอกประยุทธ์ก็ขึ้นมาทำหน้าที่ตรงนี้ ทุกคนก็แฮปปี้ ความสุขที่ทุกคนในชาติปรารถนาก็กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง แม้กระทั่งปัจจุบันท่านไปที่ไหน คนในพื้นที่ก็จะออกมาให้การต้อนรับและสนับสนุนท่าน เห็นได้ว่าประชาชนมีการสนับสนุนให้ท่านอยู่นานๆ เพื่อให้บ้านเมืองสงบ ก่อนที่จะให้มีการเลือกตั้งต่อไป ผมก็เห็นจริงตรงนี้ ซึ่งก็ตรงตามที่ผมเห็นมาก่อน ต้องบอกว่าที่พูดอย่างนี้ ผมไม่ได้เข้าข้างใคร เพราะผมก็ไม่ได้พูดปรึกษาท่านในลักษณะนี้นานแล้วครับ
-แต่ประชาชนที่ฟังคุณพูด คงจะรู้สึกได้ว่าคุณชื่นชมพลเอกประยุทธ์เป็นพิเศษ
ที่ผมชื่นชมนี้ เป็นลักษณะว่าถึงเวลาแล้วที่ท่านมาทำหน้าที่ตรงนี้ ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทยจะมีความสุข ไม่ต้องผวา ไม่ต้องเกรงกลัวว่าใครจะมาปิดถนนเส้นนั้นเส้นนี้ ใครจะมีสร้างความยากลำบากให้แก่คนในแผ่นดิน เห็นได้ว่าสมัยก่อนคนที่ประกอบอาชีพจะไปไหนมาไหนก็ลำบาก แต่มาตอนนี้มีแต่ความสุขความสบาย ถึงแม้ว่าช่วงระยะหนึ่งจะมีกฎอัยการศึก แต่คนไทยก็ยังเห็นเป็นปกติ เพราะการที่ประกาศกฎอัยการศึก เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้มาดูแลความเรียบร้อย ไม่ได้ทำร้ายใคร จนมาถึงปัจจุบัน ม.44 ก็ไม่เห็นมีอะไร ท่านไม่ได้ทำอะไรใคร เพียงแต่เป็นกฎหมายที่ขึ้นมา เพื่อป้องกันและปราบปรามเท่านั้น ซึ่งทุกคนก็แฮปปี้ยินดีด้วย
การที่ต่างชาติเข้ามา มันเป็นข้ออ้าง ส่วนมากต่างชาติเหล่านั้นเคยมีผลประโยชน์ พอหลังจากไม่ได้ผลประโยชน์ เขาก็เลยมีปฏิกิริยา แต่ตอนบ้านเมืองเราวุ่นวาย ทำไมเขาไม่เข้ามาช่วยล่ะ แต่พอคนไทยมาช่วยคนไทยด้วยกัน ทำไมเขาถึงต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ล่ะ นี่คือเหตุและผลครับ
-กลัวไหมว่าการที่คุณมาพูดเรื่องพลเอกประยุทธ์ว่าเป็นผู้นำมีบารมี จะทำให้คนมองว่าเชียร์เข้าข้างท่านมากเกินไป
แล้วในปัจจุบันที่เราเห็นนั้น เป็นท่านหรือเปล่าล่ะครับ ผมไม่ได้เชียร์นะ แต่เห็นว่าเป็นหน้าที่ของท่านแล้ว เป็นเวลาของท่านแล้ว ผมก็อยากจะบอก อยากจะเตือนหลายๆ ท่านที่มองต่างมุมกันว่า ถ้าไม่ใช่ท่านแล้วบ้านเมืองจะสงบสุขแบบนี้ไหม แล้วที่ผ่านมา พอท่านขึ้นมา บ้านเมืองสงบสุขไหมล่ะ ผมชี้ให้เห็นอย่างนี้
เราย้อนดูในอดีตของเราสิว่าบ้านเมืองของเราเป็นอย่างไร ใครขึ้นมาแล้วเป็นอย่างไร เดี๋ยวกลุ่มนั้นขึ้น กลุ่มนี้ขึ้น มันไม่สงบสักที แต่ท่านไม่ใช่กลุ่มของใคร พอพลเอกประยุทธ์ขึ้นมา ทุกอย่างก็สงบ ดังนั้นมันก็ต้องมีบ้างที่ต้องใช้พระเดชบ้าง มันเป็นลักษณะแบบนี้แหละ ทุกอย่างถึงจะสงบสุข ที่ผ่านมา บ้านเมืองเราไม่ใช่ประชาธิปไตย ที่ผ่านมาเป็นกฎหมู่มากกว่า
-หลวงปู่เกวาลันเคยบอกคุณไหมว่าระบอบทักษิณจะเป็นอย่างไรต่อไป
เวลานี้เป็นเวลาของท่านผู้นำท่านนี้ ก็จะยังเป็นของท่านอยู่ แต่การที่จะกลับมาของกลุ่มต่างๆ นั้น ท่านบอกว่ามันหมดเวลาของผู้คนเหล่านั้นแล้ว ท่านบอกแค่นี้ครับ ตอนนี้เป็นกลุ่มที่จะทำหน้าที่ให้แก่ชาติบ้านเมือง เราได้รับบทเรียนมาแล้ว พอถึงเวลาทุกคนก็จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ความสุขความสงบของบ้านเมืองก็จะกลับคืนมา
-เห็นได้ชัดว่าคุณสนิทและมีสายสัมพันธ์กับทหารไม่น้อย อยากรู้ว่าเพราะอะไร
ความจริงผมก็รู้จักกับทุกกลุ่ม สนิทกับทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลเรือน กลุ่มทหาร กลุ่มประชาชนทั่วไป เพียงแต่ว่าบางกลุ่มผมเคยได้ชี้แนะเคยแนะนำไป บางกลุ่มไม่ฟัง แต่กลุ่มที่ฟัง กลุ่มที่มีหน้าที่ และเห็นทุกอย่างประจักษ์ตามนั้นแล้ว ส่วนใหญ่ที่มาก็เป็นทหาร ผมก็ได้เปิดบารมี ท่านผู้นั้นก็เห็นว่าได้รับสิ่งที่ท่านขอ หรือได้รับสิ่งที่ปรารถนา ท่านเหล่านั้นก็เลยจะแวะเวียนมา หรือทหารหลายคนที่ผมได้ชี้นำไป พอเขานำไปปรับแล้ว ก็จะมีความสุขมากขึ้น ได้รับผลที่ตัวเองต้องการ เป็นการคลายกรรมของตนเอง พอเขามีความสุข ก็เลยจะนับถือหลวงปู่ จึงมาบูชาหลวงปู่ที่วิหารครับ (วิหารหลวงปู่เกวาลัน หมู่บ้านสุขิโต จ.เชียงใหม่)
-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเคยมาให้คุณแนะนำวิธีคลายกรรมของท่านไหม
เมื่อก่อนก็เคยเจอท่าน แต่ระยะหลัง ผมไม่ได้เจอท่านหลายปีนานมาแล้วครับ ตอนเจอท่านก็เคยเรียนท่านไป แล้วทุกอย่างก็มาตามเวลา
-เท่าที่คุณเห็นชะตาบ้านเมือง หลังจากนี้ประเทศไทยจะต้องระวังปัญหาอะไรเป็นพิเศษไหม
ไม่มีครับ ทุกอย่างจะเป็นปกติสุข ไม่มีอะไรที่จะต้องระมัดระวัง เพราะการขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะนำบ้านเมืองเราไปสู่วิถีความสุข ก็ขอเป็นกำลังใจ ใครที่คิดจะมาขัดขวาง ก็ขอให้เห็นตรงนี้แก่ชาติบ้านเมืองเราด้วยครับ
-ดวงเมืองหลังสงกรานต์นี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
เรื่องเศรษฐกิจก็จะค่อยๆ ดีขึ้น กระเตื้องขึ้น เพราะมันเป็นภาวะของโลกด้วย ไม่ใช่เรื่องของบ้านเมืองเราที่เดียว มันเลยเหมือนโดมิโนดึงกันไป แต่ตรงนี้ผมมองว่ายังไงก็ต้องผ่านพ้นไปได้อยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของการส่งออกก็จะกระเตื้องขึ้น แต่ในเรื่องแง่ของธุรกิจก็จะโดนเหมือนกันหมด แต่หลังสงกรานต์ธุรกิจต่างๆจะสามารถประคองตัว จนตอนหลังจะดีขึ้นครับ เรื่องการส่งออกข้าวก็ไม่น่าห่วง เพราะพอถึงเวลา ทุกอย่างก็จะเปิดเองครับ ดังนั้นด้านเศรษฐกิจก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งผมไม่ห่วงตรงนี้เลย
ด้านสังคมไทยก็เช่นเดียวกัน เพราะเราได้รับบทเรียนมาแล้วทุกอย่าง ดังนั้นความเป็นอยู่ต่างๆ จะไม่มีปัญหา คือ ถ้าผมดูภาพโดยรวมตั้งแต่ต้นปี ประเทศไทยจะเหมือนคนป่วยที่พักฟื้น แล้วในด้านต่างๆ จะค่อยๆดีขึ้น มีการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ คนจะเริ่มรู้ในเรื่องบ้านเมือง เกิดความเข้าใจ กลายเป็นความร่วมมือมากขึ้นกว่าเดิม เพราะมาจากความขับเคลื่อนของรัฐบาลที่มีความจริงใจในการดูแลตรงนี้
บ้านเมืองเราจะไม่มีการประท้วงอะไรรุนแรง เพราะหมดภาวะตรงนั้นไปแล้ว แล้วมาตรา 44 ก็จะเป็นหลักสำคัญในการดูแลบ้านเมือง ส่วนเรื่องอุบัติเหตุอุบัติภัยหรือภัยธรรมชาตินั้น ประเทศไทยก็จะเหมือนทุกครั้งเป็นปกติ แต่จะไม่มีภัยอะไรร้ายแรง บอกก่อนว่าผมไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ผมพูดจากภาพที่ผมเห็น
เรื่องการเมืองหลังสงกรานต์ ภาพรวมจะยังสงบนิ่งอยู่ไม่มีเหตุใดที่จะมาขับเคลื่อนหรือทำอะไร ส่วนเรื่องการปฏิวัติซ้อนผมก็ดูแล้วไม่มี น่าจะเป็นเรื่องข่าวลือมากกว่าครับ เรียกว่าคนที่ทำดีก็ไม่ต้องกลัว แต่กรณีที่มีข้อพิพาทต่างๆ ก็ต้องทำใจยอมรับและยอมรับกรรมนั้น ผมเคยบอกแล้วว่าผู้ใดทำกรรมก็ต้องรับกรรมไป แต่ส่วนจะได้รับกรรมในเวลานี้หรือไม่ก็ต้องคอยดูกันไปครับ แต่ผมไม่เคยเห็นอดีตผู้นำต้องมาถูกดำเนินคดีในบ้านเมืองเรา ส่วนใหญ่จะต้องได้ไปอยู่ต่างประเทศมากกว่า
ส่วนในทีมของรัฐบาล ใครที่ทำงานไม่ถึงเป้า ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนหรือมีการเสริมเพื่อให้การทำงานครั้งนี้ดีขึ้นและคล่องตัวมากขึ้น ส่วนพลเอกประยุทธ์ ก็คงจะต้องเหนื่อยในการทำงานต่อไป แต่ผมดูโดยรวมแล้วว่ารอดนะ การทำงานตามโรดแมปอาจจะทำได้ แต่ภาพที่ผมเห็น อาจจะมีการขยายเวลานิดหนึ่ง การเลือกตั้งอาจจะมีการเลื่อนไป เพราะจะมีปัจจัยต่างๆที่จะเข้ามา แต่ยังไงก็ตามการเลือกในบ้านเมืองเรามีแน่นอน แต่ขอเวลาหน่อยครับ