ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถ้าไม่เรียกว่า “ถูกที่ถูกเวลา” ก็คงไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแล้วสำหรับการทำทำพิธีห่มผ้าพระเจ้าพิชิตมาร และทำล่องสะเปา เสริมดวงชะตา สะเดาะเคราะห์ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้พ้นจากวิบากกรรมที่กำลังเผชิญอยู่เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา และตามต่อด้วยทำนายของ “นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ” เจ้าสำนักสุขิโตแห่งจังหวัดเชียงใหม่ ที่ระบุว่า จะอยู่ในตำแหน่งต่ออีก 3 ปี
เพราะถ้าหากพินิจพิเคราะห์จากอากัปกิริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงระยะหลังๆ นี้ ก็จะเห็นได้ว่า เครียดมากถึงมากที่สุดกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าหนักข้อมากขึ้นทุกที ทั้งเรื่องการส่งออกที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ซึ่งประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยประกาศชัดเจนว่า ได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์การส่งออกเหลือโตไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ ทั้งเรื่องดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถดถอย ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ทั้งเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการ ส่งออกข้าวของไทย เป็นต้น
ดังนั้น จงอย่าแปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจใช้บริการของโหรวารินทร์ผู้เป็นพระอาจารย์เพื่อสร้างเสริมกำลังใจและ ทำให้หัวใจของตัวเองชุ่มชื่นอันเป็นผลจากความเครียดในหน้าที่การงานขึ้นมาบ้าง แถมยังเป็นเสมือนการตัดไม้ข่มนามไปทำพิธีถึงถิ่นนายใหญ่ของคนเสื้อแดงอีกต่างหาก
กล่าวสำหรับตัว พล.อ.ประยุทธ์เองก็ใช่ว่าจะปฏิเสธในเรื่องทำนองนี้เสียเมื่อไหร่ ไม่งั้นคงไม่แวะไปทำพิธีกับโหรวารินทร์ แถมก่อนหน้านี้ยังสร้างความฮือฮาเรื่องการใส่แหวนนพเก้าและกำไลหินสีจนทำให้เครื่องรางทั้ง 2 อย่างขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่ในเวลานี้
เฉกเช่นเดียวกับคำพยากรณ์ของโหรวารินทร์ที่ต้องใช้คำว่าออกมาถูกที่ถูกเวลาเช่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนหรือใช้ตรรกะใดในการอธิบาย ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการโยนหินถามทาง
โหรวารินทร์ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงของ “หลวงปู่เฒ่าเกวาลันแห่งเทือกเขาหิมาลัย” บอกว่า “จากการเปิดนิมิตดูแล้ว คสช.ต้องเข้าบริหารประเทศอย่างน้อยอีก 2-3 ปีขึ้นไป โดยคนที่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่เป็นนายกฯ อยู่แล้ว จะต้องเป็นนายกฯ นาน จนกว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย ราว 2-3 ปี”(อ่านบทสัมภาษณ์พิเศษโหรวารินทร์หน้า 10-11)
แน่นอน คงไม่ใช่เรื่องที่อยู่ดีๆ โหรวารินทร์จะออกมาพยากรณ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะต้องไม่ลืมว่า คำทำนายของโหรวารินทร์ออกมาในช่วงจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางแอ่วเหนือไปร่วมงาน “ฮีตฮอย ป๋าเวณี 100 ปี๋เมืองเจียงใหม่” พร้อมกับทำพิธีห่มผ้าพระเจ้าพิชิตมาร และทำล่องสะเปา เสริมดวงชะตา สะเดาะเคราะห์
นั่นหมายความว่า จะต้องมีการเตรียมการและ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรับรู้ว่ามีพิธีนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องคำพยากรณ์คงไม่สามารถคาดคั้นให้ตายไปกันข้างหนึ่งว่า จงใจ แต่ก็ไม่อาจมองไปในทางอื่นได้เช่นกัน
ที่สำคัญคือ โหรวารินทร์ก็มิได้เป็นโหรธรรมดา หากแต่เป็นโหรที่มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง โดยเฉพาะลูกศิษย์ในกองทัพที่ล้วนแล้วแต่เป็น ระดับแม่ทัพนายกองที่มีบทบาททางการเมือง อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผบ.ทอ. พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล อดีตเลขาธิการคมช. ตลอดจนพี่น้อง 3 ป.คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด
ดังนั้น โหรวารินทรจึงย่อมรู้จักกาลเทศะ ไม่ได้ทำอะไรโดยปราศจากการไตร่ตรอง และทำอะไรโดยสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ดูตาม้าตาเรือ
ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เรื่องประจวบเหมาะที่หลังเสร็จพิธีกรรมทางไสยศาสตร์แล้วจะตามต่อมาด้วยคำพยากรณ์ ซึ่งแม้ปาก พล.อ.ประยุทธ์จะบอกว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปก็ตาม เพราะถ้าพินิจพิเคราะห์เนื้อหาคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์แล้วจะเห็นได้ว่า ไม่ได้ปฏิเสธแบบตัดบัวไม่ให้เหลือเยื่อใยเสียทีเดียว
ยิ่งเมื่อสอดประสานกับคำให้สัมภาษณ์ของ “พล.ต.ไก่อู” พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้มีการตีความทางการเมืองกันไปต่างๆ นานา เพราะมันช่างประจวบเหมาะเสียเหลือเกิน
เสมือนหนึ่งการโยนหินถามทางอย่างไรอย่างนั้น
เสธ.ไก่อูบอกและออกตัวเอาไว้เสร็จสรรพแทนผู้เป็นนายว่า “อยากเรียนว่า นายกฯ เอาเป้าหมายของงานเป็นที่ตั้ง หากทุกอย่างเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่รัฐบาลจะต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพราะนายกฯ กล่าวเสมอว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ต้องการอำนาจ แต่ต้องการทำงานเพื่อประเทศ แต่หากยังมีความพยายามปลุกปั่น ยั่วยุ ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล ก็จะส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นไปตามแผนและระยะเวลาที่วางไว้ และหากยังมีความเคลื่อนไหวอันนำไปสู่ความไม่สงบ สร้างความเดือดร้อนอันตรายให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชน รัฐบาลก็คงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากยืนเคียงข้าง และไม่สามารถละทิ้งประชาชนและหน้าที่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่ทหารทุกนายถูกปลูกฝังมา”
อย่างไรก็ตาม ใครจะพูดก็ไม่สำคัญเท่าเจ้าตัวคือ พล.อ.ประยุทธ์เอง และ พล.อ.ประยุทธ์ก็มิได้ปฏิเสธในเรื่องนี้อย่างแข็งขัน เพียงแต่ไม่ปรารถนาให้โหรวารินทร์เจ้าของฉายา โหร คมช.พยากรณ์ออกมาให้ตกเป็นข่าวเท่านั้น
“ไม่ทราบ คงต้องไปถามที่โหรเอง ส่วนผมก็มีโรดแมปของผมเอง และผมก็ได้ส่งสัญญาณไปถึงโหรวารินทร์แล้วว่าอย่าพูดเลย ท่านก็คงไม่พูดแล้ว เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรผม แล้วผมเองก็ไม่ต้องไปตามท่านทุกเรื่อง ผมก็เป็นตัวผม สามารถใช้สติปัญญาที่ผมมีกับความร่วมมือของทุกคน ดวงดาวก็คือดวงดาว ถ้าเราทำตัวไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ศีลธรรม ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ต่อให้ดวงดาวดีขนาดไหน จะกี่ดวงมาซ้อนกันเป็นกี่จักรก็ไปไม่ได้เพราะคนไม่ดี”
และเมื่อถามว่า แต่ถ้าดวงชะตากำหนดเช่นนั้นจะรับได้หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบทันทีว่า “ไม่ต้องมาถ้ากับผม อย่ามาถ้า ผมไม่ได้อยากจะอยู่ ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปของผมก็แล้วกัน โรดแมปว่ายังไงก็ว่าตามนั้น”
อย่างไรก็ตาม ถามว่า โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ยาวตามคำนายของโหรวารินทร์ผู้เป็นอาจารย์มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
ก็ตอบมีความเป็นไปได้ และมีโอกาสเกิดขึ้นสูง
ทั้งนี้ แม้พล.อ.ประยุทธ์เคยประกาศเอาไว้ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2559 แต่เอาเข้าจริง สถานการณ์ก็มิได้ส่อไปในทางที่จะทำให้เชื่อได้ว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปนั้นจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปั่นป่วนวุ่นวายของบ้านเมืองที่ไม่ต้องอาศัยโหราพยากรณ์ชุดไหนทำนายก็สามารถล่วงรู้ได้ว่า ยุ่งแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีความของ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีในโครงการรับจำนำข้าว
ไม่มีหลักประกันใดๆ ที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า คนเสื้อแดงจะไม่สร้างความวุ่นวายชนิดเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้งเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุด
คำทำนายของโหรวารินทร์จึงส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในอีกทางหนึ่ง เป็นคำขู่ที่มุ่งหวังสะกดการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเป็นการเฉพาะ
ที่สำคัญคือโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้คือ “การปฏิรูปประเทศ” ก็ยังมิได้มีวี่แววว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้นในด้านไหนให้เห็นสักด้าน ขณะที่รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างกันอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยในแบบไหน จะมีการทำประชามติหรือไม่ แล้วประชาชนจะลงมติเห็นด้วยหรือไม่ถ้าเปิดให้มีการลงประชามติกันจริง
แต่ที่แน่ๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศชัดว่า ถ้าหากทำประชามติแล้วไม่ผ่าน จะไม่มีการนำรัฐธรรมนูญฉบับไหนๆ มาใช้อย่างแน่นอน แต่จะเริ่มทำใหม่หรือเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
ดังนั้น คำทำนายของโหรวารินทร์จึงอาจมองได้ว่าเป็นการหยั่งกระแสการอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์อีกระยะหนึ่ง ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็มิได้มีกระแสต่อต้านจากสังคมเท่าใดนัก ยกเว้นพวกนักการเมืองของทุกพรรคการเมืองที่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ไปอีกระยะ ด้วยเหตุดังกล่าว จงอย่าแปลกใจที่ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาโจมตีคำทำนายของโหรวารินทร์กันอย่างอึกทึกครึกโครม
โปรดอย่าลืมว่า ครั้งหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์นั่งยัน นอนยันและยืนยันว่าจะไม่ทำรัฐประหารต่อหน้าสาธารณชนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องทำรัฐประหารจนได้
งานนี้...การที่สังคมวิเคราะห์และฟันธงลงไปว่า นายกฯ ลุงตู่ส่งสัญญาณ “ขออยู่นานๆ เพื่อพิชิตมาร” จึงไม่ใช่ข้อสันนิษฐานที่เกินเลยจากความเป็นจริงเท่าใดนัก ....เพียงแต่จะอยู่ในอำนาจยาวนานแค่ไหนเท่านั้นเอง