ผ่าประเด็นร้อน
“อยากเรียนว่านายกฯ เอาเป้าหมายของการงานเป็นที่ตั้ง หากทุกอย่างเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่รัฐบาลต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะนายกฯ กล่าวเสมอว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ต้องการอำนาจ แต่ต้องการทำงานเพื่อประเทศ แต่หากยังมีความพยายามปลุกปั่น ยั่วยุ ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล จะส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นไปตามแผน และระยะเวลาที่วางไว้ หากยังเคลื่อนไหวนำไปสู่ความไม่สงบ สร้างความเดือดร้อนอันตรายให้เจ้าหน้าที่และประชาชน รัฐบาลคงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกเหนือจากยืนเคียงข้างและไม่สามารถละทิ้งประชาชนและหน้าที่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่ทหารทุกนายถูกปลูกฝังมา”
คำพูดของรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวนั่นคือหากบ้านเมืองยังไม่มีความสงบ ยังมีผู้ปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย
สอดคล้องกับคำพูดที่ออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เองที่กล่าวในทำนองเดียวกันแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อถูกถามในเรื่องการเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังมีการยกร่างกันอยู่ว่า หากอยากให้มีการเลือกตั้งเร็ว มีรัฐธรรมนูญออกมาเร็ว ทุกฝ่ายต้องหยุดป่วน หยุดคัดค้านจนวุ่นวาย
หากย้อนกลับไปก็ต้องนำไปพิจารณากับคำพูดของ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ที่รู้จักกันในนางโหรของ คมช.ในอดีต ออกมากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกินหนึ่งปีตามที่ประกาศเอาไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากยังมีภารกิจสำคัญที่ไม่อาจทำให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาดังกล่าวได้ จำเป็นต้องยืดเวลาออกไป และยังทำนายว่าอีกไม่เกิน 3 เดือน จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าสำหรับคำทำนายก็คือคำทำนาย และคำทำนายดังกล่าวบางทีก็มาจากการประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริง อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องโหราศาสตร์อะไรมาก เพราะพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่รอบตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มันก็เป็นไปได้สูงทั้งอยู่ยาวและอยู่ตามกำหนดตามโรดแมปที่วางไว้ประมาณหนึ่งปี หรือปีครึ่ง
อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้อีกนานแค่ไหน นอกเหนือจากเจ้าตัวจะเป็นคนกำหนดเองแล้ว สังคม และประชาชนที่เป็นฝ่ายสนับสนุนจะเป็นฝ่ายกำหนดอันสำคัญด้วย ซึ่งอย่างหลังนี่แหละที่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดก็ได้
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ออกมาย้ำด้วยตัวเองว่า จะอยู่ในตำแหน่งตามโรดแมป หากทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น
แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่ต้องพิจารณากันอย่างเข้มข้นก็คือ ท่าทีดังกล่าวที่ออกมาทั้งจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เอง หรือส่งผ่านมาทางอ้อมทางรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ก็ตามว่าจะอยู่ยาวหากไม่เลิกป่วน หากเดิมความหมายก็อาจต้องการเตือนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองที่กำลังเคลื่อนไหวหนักขึ้น ซึ่งพูดกันตรงๆก็คือกลุ่มของ ทักษิณ ชินวัตร ที่มาในแบบพรรคเพื่อไทย นักวิชาการแนวร่วม รวมไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดงให้หยุดป่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้การเลือกตั้งต้องลากยาวออกไป เพราะเป้าหมายที่คนพวกนี้ออกมาเคลื่อนไหวทางหนึ่งก็ต้องการดิสเครดิตกลุ่มอำนาจในปัจจุบันในทุกเรื่องตั้งแต่การบิดเบือนต่อการที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกดำเนินคดีในกรณีความผิดโครงการรับจำนำข้าว ที่อ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง การโจมตีเหน็บแนมเรื่องเผด็จการ เรื่องเศรษฐกิจ เป็นต้น คนพวกนี้มั่นใจว่าเมื่อมีการเลือกตั้งพวกเขาก็จะกลับมามีอำนาจได้อีก ดังนั้น เมื่อขู่ว่าอาจไม่มีการเลือกตั้งในเร็ววัน หรือจะอยู่ยาวไปเรื่อยๆ บางทีอาจทำให้การเคลื่อนไหวที่จ้องป่วนหยุดลงไปก็ได้
ส่วนกรณีที่ 2 ก็คือ เป็นเจตนาที่ต้องการจริง นั่นคือต้องการอยู่ในอำนาจอีกระยะหนึ่ง เพราะตามความเป็นจริงภารกิจการปฏิรูปบ้านเมืองไม่มีทางสำเร็จหรือเป็นรูปเป็นร่างภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่ หนึ่งถึงปีครึ่งอย่างแน่นอน จึงต้องมีการ “หยั่งกระแส” หรือโยนหินถามทางเพื่อดูปฏิกิริยาจากสังคมว่าจะตอบกลับมาแบบไหน ซึ่งก็ต้องรอไปอีกสักพักหนึ่งกว่าจะได้เห็นภาพชัดเจน อย่างน้อยก็ต้องรอไปถึงช่วงใกล้เสร็จสิ้นโรดแมปว่ากระแสจะออกมาแบบไหน
แต่ถ้าเดาก็เดายาก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าจะเป็นคนพูดมาก พูดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน ในที่สุดแล้วเขาก็เป็นคนที่มักทำอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา!!