ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
“คำว่าเพื่อนสำคัญที่สุด เมื่อเพื่อนมีปัญหาก็ต้องการแรงใจ แรงหนุนจากเพื่อน วันนี้รัสเซียให้ความเป็นเพื่อน ผมจะรักษามิตรภาพนี้ไว้ ขอขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เข้าใจ”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวในวันที่ต้อนรับการมาเยือนของนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย
เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ผู้นำรัสเซียเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และการเดินทางมาครั้งนี้ ก็มีนัยสำคัญทางการเมืองระหว่างประเทศ
ก่อนหน้าที่จะมีการกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ถูกแทรกแซงอย่างหนักจากสหรัฐอเมริกา ทั้งด้านความเป็นประชาธิปไตย การลิดรอนสิทธิเสรีภาพ การเร่งรัดการเลือกตั้ง การละเมิดสิทธิมนุษยชน และจุ้นเรื่องโน่น นี่นั่นอีกมากมาย
นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ท่าทีของสหรัฐต่อประเทศไทยเปลี่ยนไป เจ้ากี้เจ้าการในแทบทุกเรื่อง แม้จะเป็นกิจการภายในประเทศก็ตาม จนไม่รู้ว่า ประเทศไทยตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่
ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปัญหาความรุนแรงทางการเมือง ปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตย หรือแม้แต่ปัญหาการทุจริตที่สหรัฐต่อต้านเกิดขึ้นมาตั้งแต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ และช่วงเวลาที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้ตำรวจ ปลุกระดมจ้างอันธพาลเสื้อแดงบุกทำร้ายประชาชนผู้ชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย ไม่รู้ว่าสหรัฐอเมริกาไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
ตอนนี้ทำมาเป็นดัดจริตเรียกหาความเป็นประชาธิปไตยในยามที่บ้านเมืองสงบลง ทำมาเคร่งครัดปัญหาการละเมิดสิทธิเสรีภาพช่วงที่มีการจัดระเบียบทางสังคมใหม่
สหรัฐอเมริกาพยายามล้อมกรอบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บีบโน่น ตั้งเงื่อนไขนี่ หาเรื่องโจมตีตลอดเวลา แสดงความไม่เป็นมิตรกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ชัดเจน
ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เดินเกมการเมืองระหว่างประเทศ ไม่สร้างอำนาจต่อรองระหว่างประเทศ จะตกอยู่ในฐานะตั้งรับ การรุกรานด้วยท่าทีจากสหรัฐอเมริกาและมีฐานะเป็นประเทศลูกไล่
การฟื้นฟูกระชับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับรัสเซีย การเชิญผู้นำรัสเซียมาเป็นแขกอย่างเป็นทางการ และมีการเซ็นสัญญาความร่วมมือทางการค้ามากมาย โดยจะยกระดับยอดการค้าระหว่างกันจาก 5 พันล้านดอลลาร์เป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นการตบหน้าสั่งสอนสหรัฐอเมริกา
ถ้าสหรัฐอเมริกาจุ้นนัก วุ่นวายเกินไป สร้างความรำคาญใจไม่เลิก จะคบไปทำไม จะคุยหาสวรรค์วิมานทำไม หาเพื่อนใหม่ คบเพื่อนที่รู้ใจ เห็นอกเห็นใจ และเข้าใจกันดีกว่า โดยเฉพาะมิตรประเทศอย่างรัสเซีย ซึ่งถูกสหรัฐอเมริกาเข้าไปจุ้น ถูกสหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการต่อต้าน จนค่าเงินรูเบิลปั่นป่วน
การหันไปกระชับความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับรัสเซีย สหรัฐอเมริกาคงไม่พอใจนัก แต่ช่างหัวปะไร เพราะคนไทยส่วนใหญ่สะใจ และทำให้สหรัฐอเมริการู้เสียบ้างว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะคบกับใครก็ได้ มีมิตรประเทศมากมายที่พร้อมจะเป็นเพื่อนกับประเทศไทย แม้จะปกครองด้วยรัฐบาลทหารก็ตาม
ประเทศในกลุ่มอาเซียนก็ไม่เคยแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์แต่อย่างใด ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนก็ไม่เคยพุดให้คนไทยต้องเจ็บช้ำ และยืนยันความสัมพันธ์แนบแน่นเหมือนเดิม
มีแต่สหรัฐอเมริกานั้นที่สะเออะ ทำเป็นห่วงประชาธิปไตย ทำเหมือนประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น เรียกร้องแทรกแซงกิจการภายในวุ่นวายไปหมด ทั้งที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ไม่ได้เดือดร้อนหรือรับผลกระทบจากการรัฐประหารสักเท่าไหร่
และรู้สึกดีด้วยซ้ำที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกโค่นล้ม รู้สึกดีที่การเลือกโดยซื้อขายเสียงกันสะบั่นหั่นแหลกถูกยกเลิก รู้สึกดีที่นักการเมืองเลวๆ ที่อาศัยคราบความเป็นประชาธิปไตยถูกไล่ตะเพิดออกไป
การหันไปสถาปนาความสัมพันธ์กับรัสเซีย ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นมวยขึ้นมาก รู้จักถ่วงดุลอำนาจการเมืองระหว่างประเทศ ไม่ต้องเกรงใจพี่เบิ้มอย่างสหรัฐอเมริกา
พล.อ.ประยุทธ์ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องทบทวนท่าทีตัวเอง ทบทวนว่า การเลือกข้างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การแสดงความเห็นเห็นอกเห็นใจพรรคไทยรักไทยและคนเสื้อแดง และคอยทิ่มแทงรัฐบาลทหาร เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องหรือไม่
เกมการเมืองระหว่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์เดินมาถูกทางแล้ว เหลือแต่เกมการเมืองภายในประเทศเท่านั้นที่ยังเดินไม่ถูก เพราะไม่เลือกว่า คนกลุ่มไหนดี คนกลุ่มไหนชั่ว คนกลุ่มไหนต้องจำกัดบทบาท คนกลุ่มไหนต้องสนับสนุนให้กำลังใจ
และคนกลุ่มไหนต้องใช้กฎหมายจัดการอย่างเด็ดขาด คนกลุ่มไหนควรจะคบไว้เป็นพันธมิตรร่วมฟื้นฟูประเทศที่บอบช้ำหนักจากระบอบทักษิณ
ถ้าเดินเกมการเมืองในประเทศถูก เลิกเกรงใจคนชั่ว ดึงคนดีเข้ามาเป็นแนวร่วม พล.อ.ประยุทธ์จะกลายเป็นอัศวินติดปีก แก้ปัญหาอะไรง่ายไปหมด จะเป็นนายกฯ กี่ปี่ก็ไม่มีใครออกไปไล่