**ยิ่งนานวันกระแสของ “คนเสื้อแดง” ยิ่งเลือนหาย แม้จะไม่ตายจากใจคนไทยที่หลงรักไปกับวาทะกรรมของบรรดา “แกนนำคนเสื้อแดง”เสียทีเดียว แต่การเลือนหายก็ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของ “มวลชน”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รู้ดีกว่าการขีดเส้นจำกัดไม่ให้ “คนเสื้อแดง”ได้ออกมาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นผลดีต่อ“หัวขบวนขุนทหาร”แน่นอน เหมือนช่วง รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความพยายามจำกัดไม่ให้ คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวมากนัก แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเงื่อนไขทางกฎหมายไม่เอื้ออำนวยให้ "ทฤษฎีขนมถ้วยฟู”ที่ต้องการใช้ทุกมาตรการเพื่อครอบไม่ให้ คนเสื้อแดง ฟูฟ่องหรือแตกแขนงออกไป จึงทำไม่ได้ดั่งหวัง
ผิดกับ“รัฐบาลบิ๊กตู่”ที่มีกฎหมายประเภทยาแรงอยู่ในมือ สามารถควบคุมทุกความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไว้ได้อยู่หมัด “ทฤษฏีขนมถ้วยฟู”ที่ต้องการครอบคนเสื้อแดง ไม่ให้ฟูฟ่อง จึงมีโอกาสทำสำเร็จมากขึ้น
โดยล่าสุด“รัฐบาล-คสช.”ออกมายืนยันชัดเจนเสียงแข็ง ห้ามคนเสื้อแดงจัดกิจกรรมรำลึกญาติวีรชนคนเสื้อแดง ที่แยกคอกวัว ในวันที่ 10 เมษายน เพื่อรำลึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
หากอ่านใจของ“จตุพร พรหมพันธุ์ ”ประธาน นปช. “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”แกนนำ นปช. ย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า อย่างไรเสียคสช.ก็ไม่มีทางให้จัดกิจกรรมแน่ แต่ยังพยายามออกมานัดหมายให้มวลชน-แนวร่วม ออกมารวมตัวกัน เพื่อหวังให้เห็นว่าคนเสื้อแดงยังมีตัวตนอยู่
**เกมนี้ “ตู่-เต้น”หวังตีกินให้ คสช.เข้ามาอยู่ในเกมที่ตัวเองวางไว้ เพื่อสะท้อนให้คนเสื้อแดงเห็นว่า คสช.ไม่ยี่หระกับการจัดงานรำลึกญาติวีรชนคนเสื้อแดง พยายามสะท้อนให้เห็นความจิตใจคับแคบของคสช. ทั้งที่จริงแล้วมันคนละเรื่องกันเลย
แถม“ตู่-เต้น”ยังหวังให้หมากเกมนี้กระทบชิ่งไปยังต่างประเทศด้วย เพราะบรรดา “ล็อบบี้ยิสต์”ทาสเงิน “นช.แม้ว”สามารถนำประเด็นเหล่านี้ไปเขียน โหมประโคมกับต่างประเทศได้ว่า ประเทศไทย ยังไม่มีสิทธิเสรีภาพอย่างแท้จริง แม้จะยกเลิกกฏอัยการศึกไปแล้วก็ตาม
จะเห็นได้ว่าเครือข่าย“นช.แม้ว”ไม่ละเลยที่จะหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ เสรีภาพ ของคนเสื้อแดงไปฟ้องโลกเลยแม้แต่น้อย มีโอกาสสบช่องเมื่อไร จะต้องเคลื่อนไหวให้เห็นท่าทีกันเมื่อนั้น
ไม่น่าแปลกใจกับนิสัยของ"ตู่-เต้น" ที่นิยมหากินกับ“ศพคนเสื้อแดง”ยังคงดำรงต่อไป และไม่มีวันที่คนคู่นี้จะเลิกหากินกับ“ซากศพ” เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่จะสามารถปลุกหัวใจของคนเสื้อแดงให้กลับมามีชีวิตชีวาได้
แต่อีกทางหนึ่งหากมองในโลกของความเป็นจริง“ท่อน้ำเลี้ยงแดง”ที่หดหาย เงินจาก“นายใหญ่”ที่เริ่มส่งมาไม่ถึง ติดขัดอยู่ที่ถูกปิดกั้นการทำธุรกรรมทางการเงินทุกช่องทางบ้าง แกนนำคนเสื้อแดงงุบงิบเก็บเอาไว้ใช้สอยเองบ้าง หากปล่อยให้จัดกิจกรรมคนเสื้อแดงจริง แต่อาจจะไม่มีเงินมาจัดให้ยิ่งใหญ่ได้
เพราะหากไล่เช็คดูบรรดาท่อน้ำเลี้ยงของ คนเสื้อแดงที่เป็นหัวจ่าย ชั่วโมงนี้ไม่มีใครยอมจ่าย เพราะไม่อยากเสี่ยงที่จะโดนคสช. ไล่เช็คบิลทีหลัง ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วอย่างกรณี“โบนันซ่า”ที่ถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของคนเสื้อแดง
จากนี้จึงต้องจับตาว่าท่อน้ำเลี้ยง รายใดจะโดนคสช.เช็คบิลอีก ในจำนวนนี้ที่ต้องระวังคือ "พวกเจ้าของห้าง - มหาเศรษฐีที่ดิน" ที่น่าจับตามากกว่าใครเพื่อนคือ "สงคราม กิจเลิศไพโรจน์" เจ้าของห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ที่ยังให้ที่พักพิงคนเสื้อแดงทำกิจกรรมอยู่
และต้องไม่ลืมว่า ช่วงการชุมนุมปี 2553 ชื่อของ“สงคราม”ติดแบล็กลิสต์ลำดับต้นๆ ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง ส่งปัจจัยหนุนให้คนเสื้อแดง ทำให้ตอนนี้มีข่าวว่า “สงคราม”พยายามต่อสายปันใจไปอยู่กับ“ขุนทหาร” โดยชูมือพร้อมสนับสนุนหากมีการตั้ง“พรรคการเมืองสีเขียว”ในอนาคต
ชะตากรรม“โบนันซ่า”รุกพื้นที่ป่าสงวนเขาใหญ่ จึงถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะหน่วยงานราชการรู้ตั้งนานแล้วว่า“โบนันซ่า” รุกพื้นที่ป่าสงวน แต่ที่ไม่ทำอะไร เพราะตระกูล “เตชะณรงค์”แอบอิงกับ“พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง”
**ดังนั้นบรรดา ขุมข่ายธุรกิจที่แอบอิง พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง ที่ทำผิดกฏหมาย งานนี้มีหนาวๆ ร้อนๆ กันทั้งยวง
การจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดงแต่ละครั้ง ใช้เงินจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่าหลัก 10 ล้าน ถ้าจะให้“ตู่-เต้น”ยอมควักเนื้อ ออกเงินเอง ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะคู่หูคู่นี้ไม่มี "จ่าย" มีแต่"เจี๊ยะ" เงินเหลือเมื่อไร เก็บเข้ากระเป๋าตัวเองทันที
และหากคนเสื้อแดงขยับมากเท่าไร“ขุมธุรกิจ”ที่อยู่เบื้องหลังคนเสื้อแดง ยิ่งเดือดร้อนมากเท่านั้น เพราะ คสช. จ้องเล่นงานชนิดไม่กระพริบตา
แถมชั่วโมงนี้ไม่มี“สื่อ”ให้เป็นช่องทางเผยแพร่ความเคลื่อนไหว-เผยแพร่แนวคิด หลังโดน กสทช. สั่งปิดทีวีแดง ทำให้“ตู่-เต้น”ต้องดิ้นหนักมากขึ้น เมื่อทุกช่องทางถูกปิด มีทางเดียวที่จะทำได้คือ ออกอีเว้นต์เพื่อเรียกร้องพื้นที่ ในสื่อกระแสหลัก
โดยเฉพาะ“สื่อย่านประชาชื่น”ที่ทั้งหน้าเว็บไซต์-หน้าหนังสือพิมพ์-โทรทัศน์ มีข่าวความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง และ นักวิชาการแดง อยู่หลายข่าว เพื่อหวังเลี้ยงกระแสเกาะกันไป หวังกิน“แป๊ะเจี๊ยะ”อีกครั้ง หาก ระบอบทักษิณ กลับมาสยายปีกได้
** ทุกกระบวนการเครือข่ายคนเสื้อแดงที่เซ็ตกันมา หวังที่จะต่อยอดเลี้ยงกระแสไม่ให้ตก หวังให้“บิ๊กตู่”คืนอำนาจให้เร็วที่สุด เพื่อลงสนามเลือกตั้ง เป็นหนทางเดียวที่เครือข่าย“นช.แม้ว”จะกลับมามีอำนาจ เพื่อเลี้ยงลมหายใจของคนเสื้อแดงไปด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รู้ดีกว่าการขีดเส้นจำกัดไม่ให้ “คนเสื้อแดง”ได้ออกมาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นผลดีต่อ“หัวขบวนขุนทหาร”แน่นอน เหมือนช่วง รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความพยายามจำกัดไม่ให้ คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวมากนัก แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเงื่อนไขทางกฎหมายไม่เอื้ออำนวยให้ "ทฤษฎีขนมถ้วยฟู”ที่ต้องการใช้ทุกมาตรการเพื่อครอบไม่ให้ คนเสื้อแดง ฟูฟ่องหรือแตกแขนงออกไป จึงทำไม่ได้ดั่งหวัง
ผิดกับ“รัฐบาลบิ๊กตู่”ที่มีกฎหมายประเภทยาแรงอยู่ในมือ สามารถควบคุมทุกความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไว้ได้อยู่หมัด “ทฤษฏีขนมถ้วยฟู”ที่ต้องการครอบคนเสื้อแดง ไม่ให้ฟูฟ่อง จึงมีโอกาสทำสำเร็จมากขึ้น
โดยล่าสุด“รัฐบาล-คสช.”ออกมายืนยันชัดเจนเสียงแข็ง ห้ามคนเสื้อแดงจัดกิจกรรมรำลึกญาติวีรชนคนเสื้อแดง ที่แยกคอกวัว ในวันที่ 10 เมษายน เพื่อรำลึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
หากอ่านใจของ“จตุพร พรหมพันธุ์ ”ประธาน นปช. “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”แกนนำ นปช. ย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า อย่างไรเสียคสช.ก็ไม่มีทางให้จัดกิจกรรมแน่ แต่ยังพยายามออกมานัดหมายให้มวลชน-แนวร่วม ออกมารวมตัวกัน เพื่อหวังให้เห็นว่าคนเสื้อแดงยังมีตัวตนอยู่
**เกมนี้ “ตู่-เต้น”หวังตีกินให้ คสช.เข้ามาอยู่ในเกมที่ตัวเองวางไว้ เพื่อสะท้อนให้คนเสื้อแดงเห็นว่า คสช.ไม่ยี่หระกับการจัดงานรำลึกญาติวีรชนคนเสื้อแดง พยายามสะท้อนให้เห็นความจิตใจคับแคบของคสช. ทั้งที่จริงแล้วมันคนละเรื่องกันเลย
แถม“ตู่-เต้น”ยังหวังให้หมากเกมนี้กระทบชิ่งไปยังต่างประเทศด้วย เพราะบรรดา “ล็อบบี้ยิสต์”ทาสเงิน “นช.แม้ว”สามารถนำประเด็นเหล่านี้ไปเขียน โหมประโคมกับต่างประเทศได้ว่า ประเทศไทย ยังไม่มีสิทธิเสรีภาพอย่างแท้จริง แม้จะยกเลิกกฏอัยการศึกไปแล้วก็ตาม
จะเห็นได้ว่าเครือข่าย“นช.แม้ว”ไม่ละเลยที่จะหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ เสรีภาพ ของคนเสื้อแดงไปฟ้องโลกเลยแม้แต่น้อย มีโอกาสสบช่องเมื่อไร จะต้องเคลื่อนไหวให้เห็นท่าทีกันเมื่อนั้น
ไม่น่าแปลกใจกับนิสัยของ"ตู่-เต้น" ที่นิยมหากินกับ“ศพคนเสื้อแดง”ยังคงดำรงต่อไป และไม่มีวันที่คนคู่นี้จะเลิกหากินกับ“ซากศพ” เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่จะสามารถปลุกหัวใจของคนเสื้อแดงให้กลับมามีชีวิตชีวาได้
แต่อีกทางหนึ่งหากมองในโลกของความเป็นจริง“ท่อน้ำเลี้ยงแดง”ที่หดหาย เงินจาก“นายใหญ่”ที่เริ่มส่งมาไม่ถึง ติดขัดอยู่ที่ถูกปิดกั้นการทำธุรกรรมทางการเงินทุกช่องทางบ้าง แกนนำคนเสื้อแดงงุบงิบเก็บเอาไว้ใช้สอยเองบ้าง หากปล่อยให้จัดกิจกรรมคนเสื้อแดงจริง แต่อาจจะไม่มีเงินมาจัดให้ยิ่งใหญ่ได้
เพราะหากไล่เช็คดูบรรดาท่อน้ำเลี้ยงของ คนเสื้อแดงที่เป็นหัวจ่าย ชั่วโมงนี้ไม่มีใครยอมจ่าย เพราะไม่อยากเสี่ยงที่จะโดนคสช. ไล่เช็คบิลทีหลัง ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วอย่างกรณี“โบนันซ่า”ที่ถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของคนเสื้อแดง
จากนี้จึงต้องจับตาว่าท่อน้ำเลี้ยง รายใดจะโดนคสช.เช็คบิลอีก ในจำนวนนี้ที่ต้องระวังคือ "พวกเจ้าของห้าง - มหาเศรษฐีที่ดิน" ที่น่าจับตามากกว่าใครเพื่อนคือ "สงคราม กิจเลิศไพโรจน์" เจ้าของห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ที่ยังให้ที่พักพิงคนเสื้อแดงทำกิจกรรมอยู่
และต้องไม่ลืมว่า ช่วงการชุมนุมปี 2553 ชื่อของ“สงคราม”ติดแบล็กลิสต์ลำดับต้นๆ ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง ส่งปัจจัยหนุนให้คนเสื้อแดง ทำให้ตอนนี้มีข่าวว่า “สงคราม”พยายามต่อสายปันใจไปอยู่กับ“ขุนทหาร” โดยชูมือพร้อมสนับสนุนหากมีการตั้ง“พรรคการเมืองสีเขียว”ในอนาคต
ชะตากรรม“โบนันซ่า”รุกพื้นที่ป่าสงวนเขาใหญ่ จึงถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะหน่วยงานราชการรู้ตั้งนานแล้วว่า“โบนันซ่า” รุกพื้นที่ป่าสงวน แต่ที่ไม่ทำอะไร เพราะตระกูล “เตชะณรงค์”แอบอิงกับ“พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง”
**ดังนั้นบรรดา ขุมข่ายธุรกิจที่แอบอิง พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง ที่ทำผิดกฏหมาย งานนี้มีหนาวๆ ร้อนๆ กันทั้งยวง
การจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดงแต่ละครั้ง ใช้เงินจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่าหลัก 10 ล้าน ถ้าจะให้“ตู่-เต้น”ยอมควักเนื้อ ออกเงินเอง ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะคู่หูคู่นี้ไม่มี "จ่าย" มีแต่"เจี๊ยะ" เงินเหลือเมื่อไร เก็บเข้ากระเป๋าตัวเองทันที
และหากคนเสื้อแดงขยับมากเท่าไร“ขุมธุรกิจ”ที่อยู่เบื้องหลังคนเสื้อแดง ยิ่งเดือดร้อนมากเท่านั้น เพราะ คสช. จ้องเล่นงานชนิดไม่กระพริบตา
แถมชั่วโมงนี้ไม่มี“สื่อ”ให้เป็นช่องทางเผยแพร่ความเคลื่อนไหว-เผยแพร่แนวคิด หลังโดน กสทช. สั่งปิดทีวีแดง ทำให้“ตู่-เต้น”ต้องดิ้นหนักมากขึ้น เมื่อทุกช่องทางถูกปิด มีทางเดียวที่จะทำได้คือ ออกอีเว้นต์เพื่อเรียกร้องพื้นที่ ในสื่อกระแสหลัก
โดยเฉพาะ“สื่อย่านประชาชื่น”ที่ทั้งหน้าเว็บไซต์-หน้าหนังสือพิมพ์-โทรทัศน์ มีข่าวความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง และ นักวิชาการแดง อยู่หลายข่าว เพื่อหวังเลี้ยงกระแสเกาะกันไป หวังกิน“แป๊ะเจี๊ยะ”อีกครั้ง หาก ระบอบทักษิณ กลับมาสยายปีกได้
** ทุกกระบวนการเครือข่ายคนเสื้อแดงที่เซ็ตกันมา หวังที่จะต่อยอดเลี้ยงกระแสไม่ให้ตก หวังให้“บิ๊กตู่”คืนอำนาจให้เร็วที่สุด เพื่อลงสนามเลือกตั้ง เป็นหนทางเดียวที่เครือข่าย“นช.แม้ว”จะกลับมามีอำนาจ เพื่อเลี้ยงลมหายใจของคนเสื้อแดงไปด้วย
