เกาะกระแส
00 ดูภายนอกเหมือนไม่มี"คลื่นใต้น้ำ"ก่อกวนให้กระเพื่อมมากนัก แต่เท่าที่สังเกตจากอาการเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐ ทั้งรัฐบาล และคสช. ฝ่ายความมั่นคง ต่างต้องออกมาตอบคำถามกันเป็นรายวัน และถี่ขึ้นถึงระยะเวลาในการคงไว้ "กฎหมายพิเศษ" ดังกล่าวว่าจะมีต่อไปอีกนานแค่ไหน ล่าสุดจับอาการของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ "เบอร์สอง" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างออกมาประสานเสียงในทำนองว่า กำลังจะหาทางปรับเปลี่ยนไปใช้บังคับกม. อื่นแทน
00 พูดแบบนี้ความหมายก็คือ น่าจะอีกไม่นาน เพียงแต่ว่ารอจังหวะอีกระยะหนึ่ง แต่ถึงเลิกก็คงยังต้องใช้ "กม.พิเศษ" ชนิดอื่นแทน ซึ่งอาจจะเป็น "พ.ร.บ.ความมั่นคง" ที่ดูแล้วเบากว่า และถ้าให้เดาความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเป็นช่วงที่รธน.ผ่านความเห็นชอบจากสปช.ไปแล้ว หลังเดือน ก.ค.การออกมาพูดในตอนนี้ เหมือนกับการส่งสัญญาณล่วงหน้าก่อน หลังจากเริ่มมีแรงกดดันเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะ "จากภายนอก" ที่ประสานเสียงบีบเข้ามา
00 และที่คาดว่าต้องต่อเนื่องกันก็คือการ "ลงประชามติ" รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเชื่อว่าต้องเกิดขึ้นแน่ เพราะเมื่อพิจารณาเรื่องความชอบธรรม และความมั่นคงยืนยาว รวมทั้งลดเงื่อนไขของพวกสร้างกระแสป่วน ยกข้ออ้าง "รธน.เผด็จการ" มันก็ยุ่งเหมือนกัน แม้ว่าในเนื้อหามันจะ "ดีหรือก้าวหน้า" แค่ไหนก็ตาม ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากคำพูดและเสียงเรียกร้องแทบทุกฝ่ายก็เทหนุนให้ลงประชามติ แม้ว่าจะต้องล่าช้าไปอีกไม่น้อยกว่า 3 เดือน กว่าจะมีการเลือกตั้ง แต่ถ้ารู้ว่าเมื่อเลือกมาแล้วก็จะได้นักการเมือง "อุบาทว์" เข้ามาให้อารมณ์เสียกันอีก บางทีมันก็สมควรยื้อกันบ้างเหมือนกันนะ !!
00 สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นาทีนี้ถือว่าเสี่ยงคุก กันเต็มขั้นแล้ว หลังจากศาลฎีกาฯ รับฟ้องในคดีใช้อำนาจมิชอบในโครงการรับจำนำข้าว และนัดพิจารณาคดีนัดแรก วันที่ 19 พ.ค. ตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าเต็มตัวแล้ว และนี่แหละคือโอกาสพิสูจน์ตัวเองว่า ผิดหรือไม่ผิด ไม่ต้องไป "ดรามา" ฟูมฟายอยู่ข้างนอกว่าตัวเองไม่ผิด ถูกกลั่นแกล้ง อย่างนั้นอย่างนี้ เอาเป็นว่าไปพิสูจน์กันเลยดีกว่า แต่หากพิจารณากันตามความเป็นจริงงานนี้ "หนาวแน่" เพราะตราบใดก็ตาม เมื่อเดินขึ้นศาล ถือว่าอยู่นอกเหนือการควบคุมแล้ว !!
00 สิ่งที่ต้องจับตามองให้ดีก็คือ ความเคลื่อนไหวของบรรดาเครือข่าย ว่าจะออกฤทธิ์เดชกันมากแค่ไหน แต่ถ้าสังเกต ก็คือการเคลื่อนไหวเที่ยวนี้ ถ้ามีก็ล้วนเป็นพวกระดับล่างที่หน้ามืดไม่ดูตาม้าตาเรือ "หลง" ตะพึดตะพือ แต่ระดับหัวโจกที่เหนือขึ้นมาหน่อย จะไม่ขยับให้เปลืองตัว เพราะรู้ว่า "ท่อน้ำเลี้ยงยังไม่ไหล" สิ่งที่เห็นก็เพียงแค่ "แกล้งออกแอ็กชั่น" แบบ "เสียงดังหน้าแดงแต่แรงไม่ออก" ไม่เชื่อก็ลองชำเลืองดูอาการของจตุพร พรหมพันธุ์ หรือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พวกนี้จะออกมาวิจารณ์เป็นครั้งเป็นคราว แล้วก็เงียบเสียงไป ซึ่งแน่นอนว่า ตอนนี้ได้กำไรเกินเป้า ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงแบบเดิมแล้ว
00 การเสนอแนวทางปรองดองด้วยการเสนอออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ กับผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่ม ที่ทำผิดไม่ใช่คดีร้ายแรง เช่น ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ความมั่นคง คนพวกนี้เชื่อว่าไม่มีใครคัดค้านอยากให้ลบล้างความผิดทั้งสิ้น แต่ปัญหาก็คือ "พวกเวรหัวโจก" ที่พยายามขัดคอพยายามใช้ชาวบ้านเป็นตัวประกัน พูดให้ชัดก็พวกหัวโจกคนเสื้อแดงนั่นแหละ ที่ดิ้นทุรนทุกที ดังนั้นทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ดูแลด้านความมั่นคง หรือแม้แต่ ไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมการศึกษาการสร้างแนวทางการปรองดองฯ สปช. ที่กำลังศึกษากันอยู่ขอให้เดินหน้าออกมาโดยเร็ว ขออย่าเพียงแต่อย่ายัดใส้เข้ามาแบบ พ.ร.บ.ล้างผิดสุดซอยของ ทักษิณ ชินวัตร แบบคราวที่แล้วอีกก็แล้วกัน !!