xs
xsm
sm
md
lg

Wocket กระเป๋าสตางค์อัจฉริยะพร้อมการ์ดแปลงร่าง พกใบเดียวใช้รูดแทนบัตรเครดิตได้นับหมื่นใบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ฐิติรัตน์ ศิริบวรรัตนกุล

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ฐิติรัตน์ ศิริบวรรัตนกุล
อาจารย์ประจำสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
หลักสูตรปริญญาโทวิทยาการคอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
http://as.nida.ac.th/


ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คุณผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารอยู่เป็นประจำคงจะได้เห็นข่าวการจับกุมเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประจำจุดตรวจสัมภาระบริเวณเครื่องเอกซเรย์ด้วยพฤติกรรมการแอบฉกฉวยเงินสดจากกระเป๋าสตางค์ของผู้โดยสารที่วางอยู่ในตะกร้าสำหรับเข้าเครื่องเอกซเรย์ใช่ไหมคะ ภัยจากการถูกล้วงกระเป๋านี้เรียกได้ว่าเป็นภัยชนิดดั้งเดิมที่มีมานานแสนนาน ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากระเป๋าสตางค์หายหรือถูกล้วงไปสักทีนี่ยุ่งยากแค่ไหน ไม่เพียงเงินที่ถูกฉกไป บัตรประจำตัวต่าง ๆ ก็ต้องไปทำใหม่หมด หนำซ้ำยังต้องวุ่นวายกับการโทรยกเลิกบัตรเครดิตทั้งหมดให้ทันก่อนจะถูกมิจฉาชีพนำไปใช้อีก เรียกว่านอกจากจะช้ำเพราะเงินหายแล้วยังต้องมาหวั่นต่อด้วยว่าข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของเราจะถูกนำไปใช้ในทางไม่ดีหรือเปล่า

ในยุคดิจิทัลนี้นอกจากวิธีการล้วงกระเป๋าแบบดั้งเดิมแล้ว เรายังต้องคอยระมัดระวังบรรดาโจรล้วงกระเป๋าไฮเทค (Electronic/Digital Pickpocket) ที่ขโมยกันได้เนียน ๆ แบบ “WiFi ไร้สาย” ซึ่งเตือนภัยกันมาระยะหนึ่งแล้วในต่างประเทศอีกด้วยค่ะ อาศัยเทคโนโลยีจำพวก RFID (Radio Frequency Identification) หรือ NFC (Near Field Communication) ซึ่งถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันทั้งในพาสปอร์ตอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ บัตรโดยสารยานพาหนะที่แค่แตะก็จ่ายเงินได้ หรือ แม้แต่ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ โจรไฮเทคเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องลงมือกรีดหรือล้วงหรือบุ่มบ่ามทำอะไรที่จะสุ่มเสี่ยงต่อการที่เหยื่อจะรู้ตัวเลย แค่ทำทีเป็นเดินเข้ามาใกล้เป้าหมายแล้วถืออุปกรณ์สแกนมาอยู่แถวบริเวณที่น่าจะมีกระเป๋าสตางค์ของเหยื่อใส่อยู่ เพียงแค่นี้ก็สามารถขโมยเลขบัตรเครดิตรวมถึงวันหมดอายุของบัตรเอาไปใช้ซื้อของออนไลน์ได้สบายโดยที่เจ้าของบัตรไม่ทันจะได้รู้ตัวเลย
การแอบสแกนข้อมูลบัตรเครดิตในกระเป๋าสตางค์ โดยใช้เครื่องสแกนแอบเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ (ที่มาของภาพ: www.telegraph.co.uk)
โชคดีว่าการป้องกันตัวจากการถูกสแกนบัตรอย่างไม่พึงประสงค์นี้มีให้เลือกช้อปปิ้งกันมากมายทั้งในรูปแบบของการ์ดใบเล็ก ๆ สำหรับใส่ในกระเป๋าสตางค์, กางเกงยีนส์, เสื้อสูทเบลเซอร์ หรือแม้แต่ตัวกระเป๋าสตางค์เองที่ถูกออกแบบมาให้สามารถป้องกันการถูกสแกนข้อมูลในลักษณะนี้จากภายนอกได้โดยเฉพาะ แต่ถ้าวิธีแก้ปัญหานี้ยังไม่ตอบโจทย์ของคุณผู้อ่าน หรือ ถ้าคุณผู้อ่านเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเบื่อกับภาระที่ต้องคอยพกกระเป๋าสตางค์ใบใหญ่ ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยสารพัดบัตรเผื่อใช้ บางที Wocket Smart Wallet กระเป๋าสตางค์อัจฉริยะโดยบริษัท Nxt-ID อาจเป็นคำตอบของคุณค่ะ โดยเทคโนโลยีนี้เป็นทางเลือกใหม่ล่าสุดที่ได้รับการยกย่องจากหลายสำนักให้เป็นหนึ่งในสุดยอดเทคโนโลยีที่จัดแสดงในงานแสดงเทคโนโลยี CES2015 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ณ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา
Wocket Smart Wallet โดย Nxt-ID Inc. (ที่มาของภาพ: http://wocketwallet.com/)
ไอเดียของเครื่อง Wocket นี้ก็คือกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์นั่นเองค่ะ เห็นเครื่องเล็กกะทัดรัดเหมือนกระเป๋าสตางค์ใบเล็กอย่างนี้ แต่สามารถเก็บข้อมูลทั้งบัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม บัตรของขวัญ หรือ บัตรสมาชิกต่าง ๆ รวมไว้ในเครื่องได้นับหมื่นใบเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่ Wocket จะสามารถแสดงข้อมูลบัตรต่าง ๆ บนหน้าจอแสดงผลของเครื่องได้ ความสามารถที่ฮือฮากันมากที่สุดก็คือ WocketCard ค่ะ โดยการ์ดนี้รูปร่างหน้าตาก็ละม้ายคล้ายบัตรเครดิตว่างเปล่าใบหนึ่งที่ไม่มีข้อมูลอะไร แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าของเครื่อง Wocket ต้องการจะเรียกใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาสักใบ เจ้าตัวการ์ดว่าง ๆ ของ WocketCard นี่เองที่จะถูกพิมพ์ให้กลายเป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มนั้น ๆ ได้ทันที เรียกว่าแทนที่จะต้องพกบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มเผื่อใช้ไว้นับสิบใบให้หนักกระเป๋าเหมือนในปัจจุบัน ต่อไปก็พกเจ้าเครื่อง Wocket พร้อม WocketCard แค่ใบเดียว อยากใช้บัตรเครดิตใบไหนหรือบัตรเอทีเอ็มธนาคารอะไรก็แค่สั่งพิมพ์แปลงร่างให้ WocketCard ว่าง ๆ กลายเป็นบัตรที่ต้องการ ซึ่งสามารถนำไปใช้กับเครื่องรูดบัตรเครดิตและเครื่องเอทีเอ็มปกติที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้ทันที
WocketCard การ์ดสำหรับเครื่อง Wocket ที่สามารถถูกพิมพ์ให้เป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มใดก็ได้ (ที่มาของภาพ: http://investorshub.advfn.com/)
ในประเด็นเรื่องความปลอดภัย ผู้ผลิต Wocket นี้เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการยืนยันตัวบุคคลด้วยลักษณะทางกายภาพ (Biometric Authentication) แถมยังว่าจ้างสุภาพบุรุษนักล้วงกระเป๋ามือฉมังและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยมาเป็นที่ปรึกษาสำหรับงานนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ ตัวเครื่อง Wocket จะใช้ระบบการยืนยันตัวตนด้วยเสียงหรือรหัสผ่าน ดังนั้นต่อให้ขโมยเครื่อง Wocket ไปถ้าไม่มีรหัสที่ถูกต้องก็เข้าไปดูหรือใช้ข้อมูลภายในที่ถูกเข้ารหัสป้องกันไว้ไม่ได้ ข้อมูลที่ถูกพิมพ์บนการ์ด WocketCard เองเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งก็จะหายไปโดยอัตโนมัติกลับเป็นการ์ดพลาสติกว่าง ๆ ที่เอาไปสแกนข้อมูลหรือใช้ซื้อของอะไรไม่ได้ และ ประการสุดท้ายที่ทำให้ Wocket แตกต่างจากระบบกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล (Digital Wallet) บนสมาร์ทโฟนอย่าง Apple Pay หรือ Google Wallet ก็คือ ข้อมูลทุกอย่างใน Wocket นี้จะไม่ถูกอัพโหลดขึ้นไปเก็บบนอินเทอร์เน็ตหรือบนคลาวด์ใด ๆ ค่ะ ไม่มีการเก็บสำรองข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลของผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งให้เราต้องมาคอยนั่งหวาดวิตกเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องมีมือถือหรือสมาร์ทโฟนหรืออยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต มีแค่เครื่อง Wocket เดี่ยว ๆ ก็สามารถใช้งานได้แล้วค่ะ

ณ ตอนนี้ Wocket มีการจัดส่งล็อตแรกไปเรียบร้อยแล้วสำหรับทดลองใช้ในห้างร้านชั้นนำต่าง ๆ ในต่างประเทศค่ะ โดยจากผลตอบรับที่ดีของผู้ใช้ ทางบริษัทจึงมีแผนที่จะเริ่มส่งสินค้าล็อตที่สองออกไปในเร็ว ๆ นี้สำหรับผู้ซื้อที่ได้สั่งซื้อไว้ล่วงหน้าแล้ว (ราคาพรีออเดอร์อยู่ที่ 149.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือ ประมาณเกือบห้าพันบาทไทย) โดยในกล่องสินค้านอกจากเครื่อง Wocket และการ์ดแปลงร่าง WocketCard แล้วก็จะมีเครื่องสำหรับสแกนบัตรแบบแถบแม่เหล็ก สาย USB สำหรับต่อเชื่อมกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเพื่อจัดการกับแอคเคาท์และอัพเกรดซอฟต์แวร์ระบบ รวมถึงกระเป๋าที่มาพร้อมช่องใส่เงินสดให้เราสามารถพก Wocket, WocketCard และเงินสดได้พร้อม ๆ กันเหมือนกระเป๋าสตางค์จริง ๆ ค่ะ
อุปกรณ์สำหรับป้องกันการถูกสแกนข้อมูล RFID หรือ NFC โดยไม่พึงประสงค์ (ที่มาของภาพ: www.cnet.com , www.bbc.com , www.betabrand.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น