ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นเรื่องที่ทุกคนเป็นห่วง วันนี้ทุกฝ่ายออกมายอมรับกันแล้วว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเงินฝืดและเงินเฟ้อไปพร้อมๆ กัน ก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. พูดถึงสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กำลังซื้อขาดหายไปนั่นคือ วงจรของธุรกิจสีเทาที่ถูกทางการเข้มงวด
ธุรกิจสีเทา หรือที่เข้าใจกันว่าเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย หรือผิดในบางส่วน เช่น หวยใต้ดิน บ่อนการพนัน ซ่องโสเภณีในทุกรูปแบบ การปล่อยเงินกู้นอกระบบ กับขบวนการค้ายาเสพติด แทบไม่น่าเชื่อว่ามีเม็ดเงินสูงถึง 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี.) ซึ่งน่าจะตกราว 1 แสนล้านบาท ต่อปี
ว่าไปแล้วธุรกิจสีเทายังมีขอบเขตไปยังกิจการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆด้วย ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ฟลูมูนปาร์ตี้ บนเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี อันเป็นที่ทราบกันดีว่า มีการร้องรำทำเต้น และมั่วสุมยาเสพติดเพื่อสร้างความครื้นเครง สนุกสนาน จนเกิดนิยามของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะฝรั่งหัวแดงว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้มีโอกาสมาร่วมปาร์ตี้ที่เกาะพงัน เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ท่องโลกของตัวเอง
หลังนายกฯ ยอมรับว่าเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจไม่กี่วัน นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะย่ำแย่ หลายธุรกิจเริ่มปลด และลดจำนวนพนักงาน บางแห่งเพิ่มวันหยุดให้มากขึ้น เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย
และที่น่าตกใจมากไปกว่าก็คือ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของคนไทยปรากฏว่า ติดอันดับสูงสุดในโลกอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดในรอบ 7 ปี
สัญญาณของความเลวร้ายทางเศรษฐกิจนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า เมื่อไหร่จะโงหัวขึ้น แม้แต่ รมว.คลัง ยังตอกย้ำอีกว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทย จะต้องเลิกการกระตุ้นการบริโภค แต่ต้องกระตุ้นด้วยการลงทุน นั่นหมายความว่าคนไทยกำลังหมดกำลังซื้อ
นอกจากการลงทุนและการส่งออก เพียงเท่านั้น แต่คงต้องใช้เวลาอีกระยะซึ่งไม่ใช่ภายใน 3-6 เดือน นับจากนี้
ทั้งหมดจึงสอดคล้องกับการยกเลิกกฎอัยการศึก
ทางรอดของประเทศก็คือ การลงทุนกับการส่งออก ซึ่งทราบกันดีว่ากฎอัยการศึกคือปัญหา แต่เมื่อคสช. ตัดสินใจนำมาตรา 44 ออกมาใช้แทน ผลดีหรือผลเสียที่จะเกิดขึ้น จึงไม่อาจสรุปในตอนนี้ได้ เพราะนี่ก็คือรูปแบบใหม่ของการปกครองประเทศ ที่ทหารยังคงมีอำนาจเต็มมากกว่าพลเรือน
การส่งออก และการลงทุน ซึ่งล้วนอาศัยปัจจัยต่างชาติจึงเป็นเรื่องที่คนไทยต้องติดตามต่อไปอย่างใก้ลชิด
จากปัญหาข้าวยากหมากแพง เมื่อหันไปดูปัญหาทางสังคมก็พบว่า สถานการณ์ทางอาชญากรรม และการค้ายาเสพติดเริ่มพุ่งสูงขึ้น เป้าหมายคนร้ายมีตั้งแต่ร้านขายทอง จนไปถึงสตรี คนชราที่อยู่บ้านตามลำพัง ส่วนการค้ายาเสพติด นอกจากมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยยังมีความพยายามหลายรูปแบบ เช่น เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจพบยาบ้าซุกอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 2,960,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท มีผู้นำรถบรรทุก 6 ล้อแบบห้องเย็นมาจอดทิ้งภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
คิดกันเล่นๆว่า หากยาบ้าจำนวนมหาศาลนี้สามารถเล็ดลอดออกไปได้ สังคมไทยจะเป็นอย่างไร เยาวชนและผู้ติดยาเสพติด จะก่อเรื่องอะไรให้กับสุจริตชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กันขนาดไหน
ความรุนแรงของปัญหานี้ แม้แต่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.รมน. และ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังออกมาแสดงความห่วงใย และยอมรับว่า แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามกวดขันอย่างสุดกำลัง และใช้กฏหมายพิเศษแล้วก็ตามแต่ยังระดับความรุนแรงเนื่องจากกลุ่มผู้ค้า และบุคคลที่ยินยอมเสี่ยงเห็นว่าคุ้มกับผลตอบแทนที่ได้รับ นอกจากนั้นยังมีเด็ก เยาวชน ที่หลงผิดเสพยาอยู่ในระดับสูง
ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงจึงย้อนกลับมาที่รัฐบาล
ถ้าไม่สามารถผลักดันเศรษฐกิจให้โงหัวขึ้น ปัญหาสังคมต้องตามมาอย่างแน่นอน คงไม่ต้องรอเวลาอีกต่อไปแล้วเพราะ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ก็ตอกย้ำแล้วว่า ภายใน 3 เดือน 6 เดือน คงยังไม่เห็นผล แต่เรื่องของปากท้อง อดข้าว อดน้ำ เพียงวันเดียวก็อาจตายได้ ยิ่งใก้ลเปิดภาคเรียนอยู่รอมร่อ ปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือนของคนไทยที่ว่าสูงสุดในโลกแล้ว ถึงวันนั้นคงไม่มีอะไรไปจำนองจำนำกันอีก รัฐบาลเตรียมจัดการกับเรื่องนี้กันอย่างไร
วันนี้ เสียงคัดค้านของคนไทยจำนวนหนึ่งที่รัฐบาลอาจมองเห็นเป็นคนกลุ่มน้อย ทั้งบรรดาหาบเร่แผงลอยต่างๆ ที่ถูกจัดระเบียบไป รวมถึงตลาดคลองถมที่ กทม. จับมือกับภาครัฐจัดการอย่างหมดจด 2 พันชีวิตที่หารายได้จากการค้าขายในตลาดคลองถม และอีกนับหมื่น คือ ครอบครัวคนเกี่ยวข้อง เม็ดเงินจำนวนนี้หายวับไปกับตา
พ่อค้าแม่ค้าบางคนขายได้วันละ 3 พัน 5 พัน จนถึงหลักหมื่น ต่อไปนี้ไม่มีผ่อนรถ ไม่มีผ่อนบ้าน ไม่มีเลี้ยงดูลุกหลาน เว้นบางรายที่เก็บไว้เยอะ บางรายที่เป็นนายทุนก็อาจไม่เดือดร้อน แต่ผลกระทบแน่ๆ คือสภาพเศรษฐกิจที่หมุนเวียน
ตลาดคลองถมกลายเป็นอดีตไปแล้ว ทัศนียภาพที่กลับคืนมาสวยงาม เป็นระเบียบมากขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าเสน่ห์มันหายไป เรื่องราวต่างๆ อันเป็นตำนานการค้าขายสินค้ามือสอง และอื่นๆ ก็หายไป เป็นการได้มาอย่างแล้วเสียไปอีกอย่าง การจราจรที่ กทม. คุยนักหนาว่าจะช่วยแก้ปัญหารถติด วันนี้ไปทางไหนรถราก็ยังติด จึงมีคำถามในเรื่องของความคุ้มค่า
จากตลาดคลองถม ขอกลับไปยังวงจรธุรกิจสีเทา
เป็นเรื่องจริงทุกประการตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านบอกไว้นั่นคือ ทางการเข้มงวดกับธุรกิจสีเทาจนเกิดการสูญเสียเม็ดเงิน 1 ใน 3 ของจีดีพี. แต่ความจริงที่ท่านนายกฯไม่ได้พูด หรือไม่อยากพูดก็คือ ธุรกิจการพนันได้เปลี่ยนรูปแบบ ตอนนี้บรรดานายทุนทั้งหลายต่างหอบเงินไปเปิดกาสิโนยังชายแดนเพื่อนบ้าน เฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มีบรรดานักท่องเที่ยวและผีพนัน แห่ไปเสี่ยงโชคกันวันละนับหมื่นคน
ประเทศเพื่อนบ้านที่ว่าก็คือ กัมพูชา พม่า และลาว ต่างได้รับอานิสงส์ของความเด็ดขาดท่านผู้นำไทยอย่างเต็มที่ เลือดไทยถูกสูบออกทุกวันๆ โดยไม่มีอะไรกลับคืนมา
การปฏิรูปประเทศไทย ไม่ได้อยู่เพียงการร่างกติกาเลือกตั้ง แต่ยังหมายถึงความกล้าหาญ ที่จะเปลี่ยนแปลง และยอมรับความเป็นจริงที่ฝังตัวกับสังคมไทยมาอย่างช้านาน
หลายรัฐบาลแค่คิดจะเปิดกาสิโนถูกกฎหมายก็มักจะมีอันเป็นไป ทั้งกระแสการต่อต้าน และคู่แข่งทางการเมืองหยิบฉวยไปโจมตี จนไม่มีใครกล้าแตะ
สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ขนาดว่า 3 เดือน 6 เดือน ยังปลุกไม่ฟื้น ปีนี้หรือปีหน้าจะโงหัวขึ้นหรือเปล่า อีกทั้งเป้าภาษีรายได้ที่เหือดหายลงไปทุกทีๆ คิวหน้าก็เดือดร้อน เรื่องเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ และอาจกระทบถึงเงินเดือน สวัสดิการรวมทั้งโครงการสำคัญๆ ที่ประชาชนจำเป็นได้รับอย่างต่อเนื่อง เช่น การรักษาฟรี เบี้ยยังชีพคนชรา หรือคนพิการเป็นต้น
แน่นอนว่า ข้อเสียของการเปิดกาสิโน ให้ถูกต้องตามกฎหมายย่อมมีอยู่บ้าง ข้อแรกและเพียงข้อเดียวก็คือ ความสง่างามของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีคะแนนนิยมดีอยู่แล้ว จำเป็นขนาดไหนจะต้องเสี่ยงกับการต่อต้าน
ไม่เพียงขาประจำเท่านั้น แม้แต่ประชาชนที่เคยสนับสนุนก็อาจจะกลับหลังหัน เพราะเรื่องการเปิดบ่อนถูกกฏหมายยังเป็นเรื่องท้าทาย และที่สุดแล้วมักถูกนำไปอ้างกับพุทธศาสนา
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลกล้าตัดสินใจจริงๆ หลายฝ่ายมีความเชื่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรี สามารถอธิบายถึงเหตุผล และความจำเป็น รวมทั้งสถานการณ์เปลี่ยนปลงของโลกมาอธิบายแก่ประชาชนได้ แม้อาจจะต้องเสียคะแนนนิยมไปบ้างก็ตาม
ส่วนกติกาต่างๆ คงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป รวมผู้ดำเนินกิจการ ขอแนะว่าท่านผู้นำไม่จำเป็นต้องไปยกสัมปทานให้กับฝรั่ง หรือต่างชาติรายไหน เอาคนไทยด้วยกันนี่แหละ เชิญ ชัช เตาปูน ปอ ประตูน้ำ จ่ามนัส ลอยฟ้า อาเฮียอาเจ้ ที่มีความช่ำชองมาเป็นที่ปรึกษา โดยให้สิทธิลงทุน แล้วต้องจ่ายรายได้ส่วนหนึ่งต่อรัฐ ไม่ต้องไปส่งส่วยให้ตำรวจ หรือบรรดานักการเมืองอีกต่อไป
เชื่อว่าเงินจากธุรกิจสีเทาที่หายไป 1 ใน 3 ของ จีดีพี. นั้น จะกลับเข้าสู่ระบบอย่างแน่นอน