ASTV ผู้จัดการรายวัน-"ศุภชัย"ย่องมอบตัวดีเอสไอ รับทราบข้อหาเพิ่มเติม โกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น สั่งเช็คเบิกจ่ายตัวเอง 27 ล้าน เจอรวบส่งศาลฝากขัง พร้อมค้านประกันตัว ล่าสุดศาลสั่งห้ามประกันแล้ว ชี้มีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชน และเกรงหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 เม.ย.) นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 57 ปี อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์ คดีที่ 64/2557 ยักยอกทรัพย์ประชาชนกว่า 27 ล้านบาท ที่ทาง สน.ลาดพร้าว ได้โอนสำนวนคดีมาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีพิเศษอาญา 3 ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม พร้อมด้วยนายวันชัย บุนนาค ทนายความ โดยดีเอสไอได้สอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง
พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวภายหลังการสอบปากคำว่า สำนวนคดีนี้ สมาชิกสหกรณ์ฯ เป็นผู้กล่าวหา หลังพบหลักฐานว่านายศุภชัยสั่งเช็คเบิกจ่ายถึงตัวเอง 8 ฉบับ เป็นเงิน 27 ล้านบาท อ้างต่อสมาชิกว่าเป็นค่าธรรมเนียมสหกรณ์ฯ ซึ่งจากการสอบสวน นายศุภชัยให้การปฎิเสธ ส่วนสำนวนคดีที่นายศุภชัยยักยอกเงินสหกรณ์ฯ 13,000 ล้านบาท พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องและส่งอัยการแล้ว ส่วนสำนวนคดีที่สมาชิกสหกรณ์ฯ เป็นผู้กล่าวหาว่านายศุภชัยมีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ บรรยากาศบริเวณหน้าตึกไปรษณีย์ มีกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ฯ คลองจั่น ประมาณ 40 คน ที่เป็นผู้เสียหาย ได้นำป้ายข้อความแสดงความไม่พอใจ มายืนประท้วงนายศุภชัยถึงการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสด้วย
หลังจากนั้น พ.ต.ท.บรรณฑูรย์ ฉิมกรา พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้คุมตัวนายศุภชัยส่งศาลอาญา เพื่อฝากขัง มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-13 เม.ย.2558 โดยนายศุภชัยมีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน
สำหรับเนื้อหาในคำร้องฝากขังสรุปความว่า นายศุภชัยในฐานประธานสหกรณ์ฯ ได้ทำการยักยอกทรัพย์อันเป็นเงินฝากและเป็นเงินเรือนหุ้นของสมาชิกที่ฝากไว้ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ จัดทำเอกสารการเงินเพื่อขออนุมัติการเบิกจ่ายเงิน และได้นำเงินออกไปจำนวน 8 ครั้ง รวม 27.642 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้ลงลายมือชื่อรับเงินในใบสำคัญจ่ายเงินทุกครั้ง และได้อ้างว่าเบิกเงินเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการไปหาเงินมาเสริมสภาพคล่องสหกรณ์ฯ ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่มีมติของคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ให้ดำเนินการได้ และไม่มีระเบียบหรือข้อบังคับใดๆ ให้สามารถดำเนินการได้ การกระทำดังกล่าวจึงถือได้ว่ากระทำไปโดยทุจริต และไม่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของสหกรณ์ฯ มีเจตนาจะเบียดบังเอาทรัพย์ซึ่งเป็นเงินฝาก และเงินเรือนหุ้นของสหกรณ์ฯ ไปเป็นของตน หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ทำให้สหกรณ์ฯ ได้รับความเสียหาย เป็นความผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 และ 354
โดยในท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากนายศุภชัยถูกดำเนินคดีหลายคดี มีทุนทรัพย์ที่เสียหายเป็นจำนวนมาก และกระทบต่อระบบสหกรณ์ของประเทศไทย อีกทั้งมีการข่มขู่พยานสำคัญในคดี หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปข่มขู่พยานได้ และหากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ขอให้มีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กลุ่มสมาชิกสหกรณ์ฯ ได้เดินทางมาศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวนายศุภชัยด้วย ขณะที่ทนายความของนายศุภชัย ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่
นายวันชัย ทนายความ กล่าวว่า ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ เพื่อขอยื่นประกันตัวแล้ว โดยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นโฉนดที่ดินจำนวน 2 ฉบับ มูลค่า 1.18 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ โดยระยะเวลาของการควบคุมตัว 48 ชั่วโมง สามารถฝากขังได้ผลัดละ 12 วัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่านายศุภชัย ใช้ตำแหน่งประธานสหกรณ์ เป็นช่องทางฉ้อโกงประชาชน แล้วคดีมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง และผู้ต้องหายังถูกดำเนินคดีอีกหลายคดี เกรงว่าจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 เม.ย.) นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 57 ปี อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์ คดีที่ 64/2557 ยักยอกทรัพย์ประชาชนกว่า 27 ล้านบาท ที่ทาง สน.ลาดพร้าว ได้โอนสำนวนคดีมาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีพิเศษอาญา 3 ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม พร้อมด้วยนายวันชัย บุนนาค ทนายความ โดยดีเอสไอได้สอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง
พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวภายหลังการสอบปากคำว่า สำนวนคดีนี้ สมาชิกสหกรณ์ฯ เป็นผู้กล่าวหา หลังพบหลักฐานว่านายศุภชัยสั่งเช็คเบิกจ่ายถึงตัวเอง 8 ฉบับ เป็นเงิน 27 ล้านบาท อ้างต่อสมาชิกว่าเป็นค่าธรรมเนียมสหกรณ์ฯ ซึ่งจากการสอบสวน นายศุภชัยให้การปฎิเสธ ส่วนสำนวนคดีที่นายศุภชัยยักยอกเงินสหกรณ์ฯ 13,000 ล้านบาท พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องและส่งอัยการแล้ว ส่วนสำนวนคดีที่สมาชิกสหกรณ์ฯ เป็นผู้กล่าวหาว่านายศุภชัยมีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ บรรยากาศบริเวณหน้าตึกไปรษณีย์ มีกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ฯ คลองจั่น ประมาณ 40 คน ที่เป็นผู้เสียหาย ได้นำป้ายข้อความแสดงความไม่พอใจ มายืนประท้วงนายศุภชัยถึงการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสด้วย
หลังจากนั้น พ.ต.ท.บรรณฑูรย์ ฉิมกรา พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้คุมตัวนายศุภชัยส่งศาลอาญา เพื่อฝากขัง มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-13 เม.ย.2558 โดยนายศุภชัยมีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน
สำหรับเนื้อหาในคำร้องฝากขังสรุปความว่า นายศุภชัยในฐานประธานสหกรณ์ฯ ได้ทำการยักยอกทรัพย์อันเป็นเงินฝากและเป็นเงินเรือนหุ้นของสมาชิกที่ฝากไว้ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ จัดทำเอกสารการเงินเพื่อขออนุมัติการเบิกจ่ายเงิน และได้นำเงินออกไปจำนวน 8 ครั้ง รวม 27.642 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้ลงลายมือชื่อรับเงินในใบสำคัญจ่ายเงินทุกครั้ง และได้อ้างว่าเบิกเงินเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการไปหาเงินมาเสริมสภาพคล่องสหกรณ์ฯ ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่มีมติของคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ให้ดำเนินการได้ และไม่มีระเบียบหรือข้อบังคับใดๆ ให้สามารถดำเนินการได้ การกระทำดังกล่าวจึงถือได้ว่ากระทำไปโดยทุจริต และไม่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของสหกรณ์ฯ มีเจตนาจะเบียดบังเอาทรัพย์ซึ่งเป็นเงินฝาก และเงินเรือนหุ้นของสหกรณ์ฯ ไปเป็นของตน หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ทำให้สหกรณ์ฯ ได้รับความเสียหาย เป็นความผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 และ 354
โดยในท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากนายศุภชัยถูกดำเนินคดีหลายคดี มีทุนทรัพย์ที่เสียหายเป็นจำนวนมาก และกระทบต่อระบบสหกรณ์ของประเทศไทย อีกทั้งมีการข่มขู่พยานสำคัญในคดี หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปข่มขู่พยานได้ และหากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ขอให้มีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กลุ่มสมาชิกสหกรณ์ฯ ได้เดินทางมาศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวนายศุภชัยด้วย ขณะที่ทนายความของนายศุภชัย ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่
นายวันชัย ทนายความ กล่าวว่า ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ เพื่อขอยื่นประกันตัวแล้ว โดยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นโฉนดที่ดินจำนวน 2 ฉบับ มูลค่า 1.18 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ โดยระยะเวลาของการควบคุมตัว 48 ชั่วโมง สามารถฝากขังได้ผลัดละ 12 วัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่านายศุภชัย ใช้ตำแหน่งประธานสหกรณ์ เป็นช่องทางฉ้อโกงประชาชน แล้วคดีมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง และผู้ต้องหายังถูกดำเนินคดีอีกหลายคดี เกรงว่าจะหลบหนี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว