ASTVผู้จัดการรายวัน- กบง.เตรียมพิจารณาแนวทางการเปลี่ยนแปลงราคาแอลพีจีประจำเดือนเม.ย. 58 ตามนโยบายลอยตัวที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสะท้อนต้นทุนตลาดโลกทุกเดือน มี 2 ทางเลือกหลังตลาดโลกลด 1. ลดราคาทั้งหมด 30สต./กก. 2. คงราคาเดิมด้วยการรีดเงินโปะเข้ากองทุนน้ำมันฯสะสม
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 3 เม.ย. จะมีการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงราคาแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม) เดือนเม.ย. 58 สะท้อนตามราคาตลาดโลกตามนโยบายการลอยตัว โดยราคามีแนวโน้มจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่จะลดลงหรือไม่อย่างไรจะอยู่ที่การพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันซึ่งต้องคำนึงถึงผลดีและผลเสีย
ส่วนแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือ PDP 2015 นั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเม.ย.นี้หลังจากนั้นจะสามารถนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาภายในพ.ค. 58 นี้โดยเป้าหมายของแผนจะลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าที่อยู่ระดับ 70% ให้เหลือ 50-60% และเพิ่มสัดส่วนถ่านหินเป็น 20-25%
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมกบง.วันที่ 3 เม.ย.จะมีการพิจารณาราคาแอลพีจีตลาดโลก(CP)เพื่อกำหนดราคาขายปลีกในไทยประจำเดือนเม.ย. ซึ่งเบื้องต้นพบว่าราคาแอลพีจีที่นำมาคำนวณราคาขายปลีกเม.ย.ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา ประมาณ 20 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยราคา CP อยู่ที่ 460 เหรียญสหรัฐต่อตันจากเดิมที่ประมาณ 482 เหรียญฯต่อตันคิดเป็นราคาขายปลีกที่ลดลง 0.30 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)
ดังนั้นแนวทางการพิจารณาจะมีการเสนอสู่ที่ประชุม 2 แนวทาง ได้แก่ แนวทางแรกคือการปรับลดราคาลง 0.30 บาทต่อกก. เพื่อให้ประชาชนได้มีการรับรู้ถึงราคาตลาดโลกว่าเมื่อมีการลดราคาก็จะลดลงและเมื่อถึงเวลาที่ราคาตลาดโลกสูงก็จะต้องปรับขึ้นซึ่งแนวทางแรกเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้นและลงเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่วนแนวทางที่ 2 คือการเก็บเงินสะสมเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่แยกออกมาเป็นบัญชีเฉพาะแอลพีจีเอาไว้ทั้งหมดซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีไม่เปลี่ยนแปลงโดยจะคงอยู่ที่ระดับ 24.16 บาทต่อกก.
“ ก็มี 2 ทางเลือกซึ่งทางแรกก็น่าจะลดลงให้ประชาชนรับรู้กลไกตลาด อีกทางคือเก็บเงินสะสมจาก ปัจจุบันกองทุนฯเก็บเงินจากแอลพีจีอยู่ 0.346 บาทต่อกก. นอกจากนี้ที่ประชุมจะมีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการโยกเงินกองทุนน้ำมันฯมาใส่บัญชีแอลพีจีเพื่อให้เป็นเงินตั้งต้นไว้ดูแลราคาแอลพีจียามที่ตลาดโลกแพงมากเพื่อให้เห็นการใช้เงินอย่างชัดเจนไม่มีการอุดหนุนข้ามกลุ่มเนื่องจากขณะนี้เงินกองทุนฯมีสูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท”แหล่งข่าวกล่าว
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า หากราคาแอลพีจีตลาดโลกลดลงเห็นว่าภาครัฐควรจะปรับราคาลงมาเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงแนวทางการลอยตัวราคาแอลพีจีที่สะท้อนต้นทุนตลาดโลกเพื่อสร้างความเคยชินกับการเปลี่ยนแปลงขึ้นและลงเหมือนกับราคาน้ำมัน
เนื่องจากการปรับลดลงก็ไม่ได้กระทบฐานะกองทุนน้ำมันฯมากนักและหากเดือนต่อไปมีการปรับขึ้นราคาซึ่งหากรัฐเห็นว่าไม่มากจนเกินไปก็ควรจะปรับขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเคยชินให้กับประชาชน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 3 เม.ย. จะมีการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงราคาแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม) เดือนเม.ย. 58 สะท้อนตามราคาตลาดโลกตามนโยบายการลอยตัว โดยราคามีแนวโน้มจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่จะลดลงหรือไม่อย่างไรจะอยู่ที่การพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันซึ่งต้องคำนึงถึงผลดีและผลเสีย
ส่วนแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือ PDP 2015 นั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเม.ย.นี้หลังจากนั้นจะสามารถนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาภายในพ.ค. 58 นี้โดยเป้าหมายของแผนจะลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าที่อยู่ระดับ 70% ให้เหลือ 50-60% และเพิ่มสัดส่วนถ่านหินเป็น 20-25%
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมกบง.วันที่ 3 เม.ย.จะมีการพิจารณาราคาแอลพีจีตลาดโลก(CP)เพื่อกำหนดราคาขายปลีกในไทยประจำเดือนเม.ย. ซึ่งเบื้องต้นพบว่าราคาแอลพีจีที่นำมาคำนวณราคาขายปลีกเม.ย.ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา ประมาณ 20 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยราคา CP อยู่ที่ 460 เหรียญสหรัฐต่อตันจากเดิมที่ประมาณ 482 เหรียญฯต่อตันคิดเป็นราคาขายปลีกที่ลดลง 0.30 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)
ดังนั้นแนวทางการพิจารณาจะมีการเสนอสู่ที่ประชุม 2 แนวทาง ได้แก่ แนวทางแรกคือการปรับลดราคาลง 0.30 บาทต่อกก. เพื่อให้ประชาชนได้มีการรับรู้ถึงราคาตลาดโลกว่าเมื่อมีการลดราคาก็จะลดลงและเมื่อถึงเวลาที่ราคาตลาดโลกสูงก็จะต้องปรับขึ้นซึ่งแนวทางแรกเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้นและลงเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่วนแนวทางที่ 2 คือการเก็บเงินสะสมเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่แยกออกมาเป็นบัญชีเฉพาะแอลพีจีเอาไว้ทั้งหมดซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีไม่เปลี่ยนแปลงโดยจะคงอยู่ที่ระดับ 24.16 บาทต่อกก.
“ ก็มี 2 ทางเลือกซึ่งทางแรกก็น่าจะลดลงให้ประชาชนรับรู้กลไกตลาด อีกทางคือเก็บเงินสะสมจาก ปัจจุบันกองทุนฯเก็บเงินจากแอลพีจีอยู่ 0.346 บาทต่อกก. นอกจากนี้ที่ประชุมจะมีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการโยกเงินกองทุนน้ำมันฯมาใส่บัญชีแอลพีจีเพื่อให้เป็นเงินตั้งต้นไว้ดูแลราคาแอลพีจียามที่ตลาดโลกแพงมากเพื่อให้เห็นการใช้เงินอย่างชัดเจนไม่มีการอุดหนุนข้ามกลุ่มเนื่องจากขณะนี้เงินกองทุนฯมีสูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท”แหล่งข่าวกล่าว
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า หากราคาแอลพีจีตลาดโลกลดลงเห็นว่าภาครัฐควรจะปรับราคาลงมาเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงแนวทางการลอยตัวราคาแอลพีจีที่สะท้อนต้นทุนตลาดโลกเพื่อสร้างความเคยชินกับการเปลี่ยนแปลงขึ้นและลงเหมือนกับราคาน้ำมัน
เนื่องจากการปรับลดลงก็ไม่ได้กระทบฐานะกองทุนน้ำมันฯมากนักและหากเดือนต่อไปมีการปรับขึ้นราคาซึ่งหากรัฐเห็นว่าไม่มากจนเกินไปก็ควรจะปรับขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเคยชินให้กับประชาชน