xs
xsm
sm
md
lg

คสช.ออกคำสั่งใหม่ แทนกฎอัยการศึก อำนาจล้น-โทษหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-โปรดเกล้าฯ ยกเลิกกฎอัยการศึก คสช.ออกคำสั่งใหม่ทันที มอบดาบจัดการพวกหมิ่น ป่วนรัฐ อาวุธสงคราม ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. พร้อมมีอำนาจเรียก จับกุมบุคคลที่ทำผิด ตรวจเคหสถาน ยึดทรัพย์ พร้อมห้ามสื่อเสนอข่าวที่มีผลต่อความมั่นคงได้ ย้ำคุมตัวได้ 7 วัน "ประยุทธ์"ยันออกมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงาน "วิษณุ" เผยคลุมถึงการนิรโทษได้ "สนธิ"หนุน หากใช้แก้ปัญหาชาติ แทนจัดการพวกเห็นต่าง ปชป. เตือนโลกไม่รับ ม.44 ไทยอาจโดนมหาอำนาจบีบได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 21.30 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ลงวันที่ 20 พ.ค.2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 2/2557 เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึก ลงวันที่ 22 พ.ค.2557

หลังจากนั้น คสช. ได้มีคำสั่งที่ 7/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มีคำสั่ง เพื่อป้องกันความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของชาติ การฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และการกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน โดยกำหนดให้ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย สามารถดำเนินการป้องกันความผิด ต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ , ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร , ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด สําหรับใช้เฉพาะ แต่ในการสงคราม , ความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศหรือคําสั่ง คสช.

โดยการดำเนินการให้มีอำนาจ ออกคำสั่งเรียกบุคคลมารายงานตัว หรือให้ถ้อยคำ ส่งมอบเอกสาร , จับกุมตัวผู้กระทำผิดซึ่งหน้า และควบคุมตัวผู้ถูกจับนําส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดําเนินการต่อไป , ช่วยเหลือ สนับสนุน หรือเข้าร่วมในการสอบสวนกับพนักงานสอบสวนในความผิด , เข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใดๆ เพื่อตรวจค้น รวมตลอดทั้งค้นบุคคลหรือยานพาหนะใดๆ , ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบ เพื่อป้องกันสถานการณ์รุนแรง

นอกจากนี้ ยังให้อำนาจเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย มีอำนาจออกคำสั่งห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนได้

ส่วนการควบคุมตัวบุคคลผู้กระทำ สามารถควบคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน และยังกำหนดโทษ ซึ่งมีทั้งปรับและจำคุก รวมทั้งห้ามมั่วสุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คนขึ้นไป

***"บิ๊กตู่"ย้ำออกคำสั่งเพื่อให้ทำงานได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในการให้โอวาทข้าราชการ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีการยกเลิกกฎอัยการศึก และใช้มาตรา 44 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2558 แทนว่า วันนี้คนยังไม่เข้าใจเรื่องกฎอัยการศึก เรื่องของมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

"วันนี้เถียงกันอยู่นั่นแหละ กฎอัยการศึก รัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ก็ต้องดูว่าเขาทำเพื่ออะไร ถ้าผู้บริหารเอากฎหมายเหล่านี้มาเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำงาน นำไปสู่การเผื่อแผ่ แบ่งปัน ลดความเหลื่อมล้ำ กฎหมายทุกฉบับถ้าไม่ปฏิบัติ มันก็จบ บางคนบอกแรงเกินไปในการใช้มาตรา 44 ถ้าไม่ใช้แล้วสถานการณ์มันจะเอาอยู่หรือ ทุกวันนี้ก็ออกมาพูดกันปาวๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ไม่รู้ว่านายใครบ้าง แต่วันนี้ผมรับผิดชอบทั้งหมด ตั้งแต่เข้ามาเป็น คสช. ผมตั้งใจในการแก้ปัญหา ต้องรับผิดชอบ ทุกคนก็ต้องร่วมรับผิดชอบกับผม คนไทยวันนี้ถูกปลูกฝังว่าอะไรได้ก็เอา อะไรเสียบาทเดียวก็ไม่ให้ ผมต้องการเข้ามาแก้ไขเพื่ออนาคต ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

***อธิบายความจำเป็นใช้อัยการศึก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กฎอัยการศึก ใช้เพื่อเข้ามาสั่งการในการแก้ปัญหา เพราะก่อน 22 พ.ค.2557 แก้ไขอะไรไม่ได้เลย เลือกตั้งก็ทำไม่ได้ ไม่มีใครรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ตายเจ็บ ไม่มีคนแก้ปัญหา ควบคุมไม่ได้ เป็นการบริหารที่ล้มเหลว ฝ่ายค้านก็ไม่ต้องการให้เลือกตั้ง เป็นอดีตและยังเป็นปัจจุบัน หากไม่ช่วยกันก็จะกลายเป็นอนาคตด้วย

"อยากถามว่า กฎอัยการศึกที่ใช้นั้น แค่ควบคุมตัวคนมาสอบสวน ประเทศไทยเปลี่ยนเป็นระบบลูกขุนคงไม่ได้ เพราะมีเงินเยอะ ก็คงซื้อลูกขุนกันอีก"

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้อธิบายต่อว่า เหตุการณ์ปี 2553-2556 ข้าราชการจะไปทำได้อย่างไร วันนี้ตำรวจดี มีเยอะกว่าเลว วันนี้ตำรวจดีทั้งนั้น เพราะทำตามนโยบาย ก่อนหน้านี้ทุกคดี แก้ปัญหานำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้ วันนี้เราจะทำทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ ใช้กฎหมายเป็นแค่กรอบ และสร้างความรู้ สร้างวุฒิภาวะ ปรับทัศนคติคนใหม่ให้อยู่ร่วมกันได้ วันนี้จะต้องใช้เวลาเท่าไร คงตอบยาก แต่เชื่อว่าการปฏิรูป ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี ส่วนใครจะมาทำต่อ ก็ทำไปเพียงแต่จะวางกรอบไว้ให้ เลือกตั้งใหม่ก็มาทำกันไป แล้วทำให้ดีก็แล้วกัน กลับไปคิดกันให้ดีว่า จะเลือกใคร และเอาอย่างไร

"วันนี้รัฐธรรมนูญก็ยังเถียงกันไม่เลิก จะเลือกตั้งได้หรือไม่ ก็ยังไม่รู้ จะต้องให้บังคับเลือกตั้งหรือเปล่า เลือกตั้งแล้วจะเดินขบวนกันอีกหรือไม่ ถ้าพรรคนี้มา อีกพรรคจะยอมไหม จะมีใครออกมาอีก วันนี้รู้ว่า ทุกคนรอว่าเมื่อไรจะยกเลิกกฎอัยการศึก แล้วเราจะยอมให้ประเทศมีปัญหาอีกหรือ"นายกรัฐมนตรีกล่าว

** ยันใช้มาตรา44เท่าที่จำเป็น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ใช่เผด็จการอย่างที่หลายประเทศว่าเรา ยึดบ่อน้ำมัน ยึดที่ยึดทาง ตนไม่เคยทำ พูดกันอยู่ได้ว่าเป็นเผด็จการ กฎอัยการศึก ซึ่งมีอยู่ 17 มาตรา เราใช้เพียง 2 มาตรา คือ จับกุม คุมขัง สอบสวนผู้ที่ผิดกฎหมาย ละเมิดสถาบันฯ และไม่กลัวกฎหมายปกติ แต่วันนี้ออกมาขนาดนี้ ยังไม่กลัวกันเลย อีกหน่อยก็ออกไปรวมกันอยู่เมืองนอกกันหมด เพราะบ้านเขาไม่เป็นแบบนี้ แต่เราเป็นคนไทย ต้องทำ อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศที่มีความขัดแย้งมากๆ ก็ต้องมีกฎหมายนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถปลดล็อกอะไรได้สักอย่าง อย่างเช่น ก่อนวันที่ 22 พ.ค. เราทำอะไรได้บ้าง เอารัฐธรรมนูญ เอากฎหมายปกติมาสู้กัน ประชาชนล้มตายทุกวัน อยากให้เข้าใจบ้าง

"วันนี้ทุกคนบอกว่ามีปัญหา แล้วที่ทะเลาะกันไม่อายบ้างหรือไง มาบอกว่าผมควรจะอาย เพราะใช้กฎอัยการศึก แต่ที่ผมใช้ เพราะต้องการหยุดปัญหา หยุดเลือดที่ไหลอยู่ หรือว่าไม่ใช่ ไม่มีใครเลือดไหลเลยหรือ ประเทศไทยเรากำลังเลือดไหล ประชาธิปไตยกำลังล้มพังทลาย ผมต้องไปประคองเท่านั้น ไม่ได้มาทวงบุญคุณอะไร แต่อยากให้เข้าใจ เราพยายามทำทุกอย่าง"นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับมาตรา44 มีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่ให้อำนาจ คสช. สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้ และที่เขียนมาแบบนั้น ไม่ใช่จะมายึดอำนาจประชาชน แต่เขียนให้ตนทำอะไรได้โดยที่ไม่ต้องไปรอกฎหมายออก และถามว่าตนจะสั่งอะไรที่ผิดหรือไม่ ไม่อายตนเองหรือ ตนได้ใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหา จัดสรรที่ดินทรัพยากรป่าไม้ให้ถูกต้อง แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความเป็นธรรม แก้ไขปัญหากรมการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และปัญหาการค้ามนุษย์ ที่ทุกอย่างมันแหลกเหลว ตนขอใช้คำนี้

***ผบ.ทบ.เผยไม่กระทบประชาชนทั่วไป

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประกาศใช้กฎหมายใหม่ที่ออกตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ว่า ในฐานะที่ดูแลความมั่นคง อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าขณะนี้สถานการณ์แม้ว่าจะดูสงบเรียบร้อย แต่บางสิ่งบางอย่างอาจไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ซึ่งใน 1-2 เดือนที่ผ่านมา ยังมีผู้ไม่ปรารถนาดีก่อความไม่สงบขึ้น จึงยังจำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษ เพราะกฎหมายปกติอาจไม่ทันต่อเหตุการณ์ ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องใช้ และมีเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และเพื่อความสงบสุข

"อย่าไปกังวลในสิ่งต่างๆ มากนัก เพราะประชาชนที่ดำเนินชีวิตปกติ ไม่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษเหล่านี้ ตรงกันข้ามกฎหมายพิเศษ จะช่วยให้พลเมืองดีอยู่ได้อย่างมีความสุข เนื่องจากจะใช้กับเหตุการณ์ที่ก่อจะให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยเท่านั้นเอง"

เมื่อถามว่า ได้ข้อสรุปเรื่องการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 7 วัน และการนำพลเรือนที่กระทำความผิดขัดคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 37 ขึ้นศาลทหารหรือยัง พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งคำสั่ง คสช. ถือเป็นกฎหมาย เมื่อกฎหมายระบุอย่างไร ก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเจ้าหน้าที่คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ และอยู่ในกรอบตามคำสั่งใหม่ ที่ออกมาที่ทดแทนกฎอัยการศึก เท่าที่ดูไม่มีสิ่งใดรุนแรงไปกว่าเดิม และยังให้ตำรวจร่วมเป็นเจ้าพนักงาน โดยเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะต่างชาติที่ไม่เข้าใจและวิตกเรื่องกฎอัยการศึก ก็มีความเข้าใจมากขึ้น

***คำสั่งคสช.ฉบับใหม่พร้อมใช้ทันที

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวถึงการใช้ มาตรา 44 ว่า เหตุที่ไม่ใช้ พ.ร.บ.มั่นคง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะแก้ปัญหาบางอย่างไม่ได้ ทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้เตรียมไว้รองรับในบางเรื่อง และไม่สามารถนำไปใช้ในการบรรเทาความเดือดร้อนได้ ซึ่งการเยียวยาในที่นี้ ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเงิน แต่เป็นอะไรก็ตามที่บรรเทาความรู้สึกเดือดร้อน เสียหาย ในอดีตที่ผ่านมา เช่น เรื่องของการขึ้น 3 ศาลทหาร เพราะเดือดร้อนจากการขึ้นศาลเดียว แต่อุทธรณ์ และฎีกาไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องการมาตรการอื่นที่จะแก้ปัญหาบางอย่าง โดยไม่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และให้สิทธิเสรีภาพที่กฎหมาย 2 ฉบับไม่มี จึงต้องหยิบ มาตรา 44 ขึ้นมา เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ดังนั้น เมื่อยกเลิกกฎอัยการศึก ต้องมีสิ่งที่เอามาใช้แทน ส่วนการให้อำนาจเจ้าหน้าที่จะเป็นระดับเดียวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.มั่นคง ไม่มากกว่านั้น รวมทั้งการออกคำสั่ง ต้องเข้าหลักเกณฑ์กระบวนการ มาตรา 44

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในคำสั่ง ตีกรอบการใช้อำนาจเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตีกรอบแน่ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในฐานะเจ้าพนักงาน ถือเป็นดาบสองคม มีทั้งคุณและโทษ ถ้าเจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำเกินอำนาจหน้าที่ ผิดแน่ ใครไม่แน่ใจว่าใช้อำนาจหน้าที่เกินหรือไม่ สามารถไปฟ้องศาลได้

เมื่อถามว่า มาตรา 44 จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จได้หรือไม่ หากในอนาคตมีการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้วเกิดความวุ่นวาย นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ ขอให้เห็นคำสั่งแล้วจะเข้าใจ เพราะคำสั่งจะล็อกกับสถานการณ์ ถ้าสถานการณ์อื่น จะต้องไปหาอย่างอื่น เหมือนกับวันหนึ่งเกิดโรคใดขึ้นมาแล้วไม่ได้เตรียมยาไว้สำหรับโรคนั้น ก็จะต้องไปคิดอ่านอย่างอื่นต่อไป เมื่อถามว่าจะใช้มาตรา 44 เรื่องของการปรองดอง หรือปฏิรูป หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า วันหนึ่งข้างหน้าอาจจะเห็น มาตรา 44 ทำเรื่องของการปฏิรูปก็ได้ ต่อข้อถามว่า มีโอกาสจะเห็นมาตรา 44 ทำเรื่องของการนิรโทษกรรมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อยู่ในข่าย ถ้าจะใช้ก็ใช้ได้

***"สนธิ"หนุนหากใช้เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวแสดงความเห็นต่อมาตรา 44 ว่า เป็นการตั้งใจให้กฎหมายดูอ่อนลง เพราะคำว่ากฎอัยการศึก กับมาตรา 44 ในสายตาคนทั่วไปนั้น มาตรา 44 ค่อนข้างจะอ่อนกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างไร หากใช้เพื่อแก้ปัญหาประเทศชาติบ้านเมืองที่ยังคั่งค้าง เช่น กรณีที่ญี่ปุ่นจะไม่อนุญาตให้เพิ่มเที่ยวบินเข้าประเทศญี่ปุ่น แล้วนายกรัฐมนตรีจะประกาศยกเลิกใบอนุญาตเที่ยวบินของประเทศญี่ปุ่นสัก 40-50 ใบ ที่อธิบดีกรมการบินพลเรือนคนก่อนออกให้แล้วมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ก็น่าจะใช้ แต่ถ้าหากใช้ไปตามอารมณ์ เช่น ใช้กับสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวช่อง 7 หรือกับคอลัมนิสต์ในเครือผู้จัดการ ก็ไม่เหมาะสม เพราะจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ตามมา

ทั้งนี้ ถ้าหากจะมีการใช้มาตรา 44 ดังกล่าว ก็ขอให้ใช้เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่ว่าใครแสดงความคิดเห็นไม่ตรงกับนายกรัฐมนตรีแล้วจะใช้มาตรา 44 อย่างนั้นไม่ถูกต้อง

****พร้อมรับมือยกเลิกกฏอัยการศึก

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงการยกเลิกกฎอัยการศึก และใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแทน ว่า ตำรวจเป็นกลไกของรัฐ มีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลและ คสช. ไม่ว่ารัฐบาลหรือ คสช. มีนโยบายอะไรออกมาเราต้องปฏิบัติให้ได้ เราไม่มีความคิดเห็น และเราพร้อมจะปฏิบัติตาม

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวยืนยันว่า ตำรวจพร้อมปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย เหมือนที่ผ่านมา แต่ต้องรอรับฟังรายละเอียดและข้อกำหนดในคำสั่งตามมาตรา 44 จากรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงอำนาจหน้าที่ต่างๆ

** ปชป.เตือนโลกไม่ยอมรับ ม.44

นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า จะใช้ มาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ ใช้เพียงครึ่งเดียว ไม่รุนแรงนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คุณใช้อำนาจแบบไหน ปฏิบัติอย่างไร แต่อยู่ที่ข้อความ เนื้อหา ที่พูดออกไปได้เผยแพร่ไปแล้วทั่วสังคมโลกว่าเราเป็นเผด็จการ คือ กำลังจะใช้ ม. 44 ที่มีอำนาจอยู่เหนือทั้ง รัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ และเมื่อประชาคมโลกไม่ยอมรับ เราจะถูกกีดกันด้านการท่องเที่ยว ปิดประตูตายการค้า ทั้งโลกเก่า และโลกใหม่ การส่งออกของเราจึงยับเยินขนาดนี้ และที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่าคนไทยเดือดร้อนตรงไหน ตนอยากจะบอกว่า เขาเดือดร้อนตรงที่เขาก็เป็นเจ้าของประเทศเหมือนกันไง

"จะวางมือทางการเมืองแล้ว ไม่กลัวหน้าไหนทั้งสิ้น การเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องเคารพการเลือกตั้ง ไม่ว่าการเลือกตั้งจะระยำตำบอนแค่ไหน แต่ก็ต้องแก้ปัญหาโดยตัวมันเองด้วยการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาเขียนรัฐธรรมนูญตัดระบบเลือกตั้งออกไป ที่พล.อ.ประยุทธ์ ทำท่าติดกระดุมผิดเม็ดให้นักข่าวหญิงดู ตนก็อยากจะบอกว่าภาพของนายกฯ ไม่ใช่แค่กำลังติดกระดุมผิดเม็ด แต่หนักกว่าคือกำลังเอากระดุม ไปกลัดซิบกางเกง"

***เตือนใช้ให้ถูกอย่าใช้ผิดทาง

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การใช้ ม. 44 ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากน้อยเพียงใด เช่น กรณีการนิรโทษกรรม ที่ คสช. สามารถประชุมปรึกษากันแล้วออกประกาศได้เลย ซึ่งการนิรโทษกรรม ก็ต้องกำหนดเวลาว่าจะนิรโทษให้ในช่วงไหน ระยะเวลาใดบ้าง และควรนิรโทษให้แค่ผู้ที่มาชุมนุมเท่านั้น ไม่ควรทำเรื่องละเอียดอ่อน เช่น การนิรโทษกรรมพวกนายใหญ่ หรือแกนนำ มิเช่นนั้นจะมีปัญหาบานปลายตามมาแน่นอนว่า คสช.จะใช้อำนาจ และกำหนดการใช้ ม.44 ให้มีประโยชน์มากกว่ากฎอัยการศึก เพราะประชาชนเขาดูออก ดังนั้น คสช. ต้องตระหนักว่า ไม่สามารถนำ ม. 44 มาใช้เพื่อปิดบังกับประชาชนได้ และที่สำคัญไม่ควรนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น