xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ทูลเกล้าฯยกเลิกอัยการศึก รับ ร่าง ม.44 เสร็จแล้ว ขังไม่เกิน 7 วัน 3 ศาลทหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ตอบ สื่อนอก เปรียบ ปชต. ไทยเหมือนติดกระดุมผิด ต้องปฏิรูป ก่อนแจงนอกรอบด้วยตัวเองซ้ำ เผยทูลเกล้าฯยกเลิกกฎอัยการศึกแล้ว เผย ร่างคำสั่ง ม.44 เสร็จแล้วมี 5 - 6 ข้อ ขังไม่เกิน 7 วัน ศาลทหารมี 3 ศาล ไม่ผิดขออย่ากลัว บอกที่ผ่านมาการเมืองอยู่เหนือ พกอาวุธมาประท้วง ยันกำลังทำ ปชต.ให้สมบูรณ์ เพื่อให้ต่างชาติยอมรับ



วันนี้ (31 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าว และให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการใช้อำนาจมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว น.ส.ซาแมนต้า ฮอว์ลี่ ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากสำนักข่าวเอบีซี ออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้ตั้งคำถามถามถึงร่างรัฐธรรมนูญของไทยที่กำลังร่างกันอยู่ขณะนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่าสังคมโลกห่วงและมีข้อกังวลกันเยอะมาก ว่าจะไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินลงจากโพเดี้ยมมาฟังคำถามใกล้ๆ เนื่องจากได้ยินคำถามไม่ชัด และเมื่อเข้าใจคำถามชัดเจน ก็ได้ย้อนถามกลับว่า ประชาธิปไตยในมุมมองของคุณคืออะไร ก็คือ การมีเสรีภาพ แต่วันนี้การไปไหนมาไหน ตนก็ไม่ห้าม รัฐธรรมนูญในวันนี้ต้องปฏิรูป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีพยายามอธิบายประชาธิปไตยของไทยในช่วงที่ผ่านมา ต่อสำนักข่าวต่างประเทศดังกล่าว โดยได้พูดเป็นภาษาอังกฤษ และอธิบายด้วยสัญลักษณ์ โดยได้จับและปลดกระดุมเสื้อ เพื่อเปรียบเทียบ ว่าประชาธิปไตยไทยเหมือนเป็นการติดกระดุมเสื้อผิดเม็ด และบางทีไม่ใช่แค่ติดกระดุมเสื้อผิดเม็ด เพราะการติดกระดุมผิดยังทำให้เห็นกางเกงก็จะดูไม่เรียบร้อย ก่อนจะชี้ให้ดูตาม จากนั้นนายกฯได้เดินขึ้นไปยืนที่โพลเดี้ยมแถลงข่าว เพื่อตอบข้อซักถามสื่อมวลชนต่อ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลไปชี้แจง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่แบบนี้ โดยให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ว่า ยังไม่ต้องเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างออกมาพูด เพราะตนยังไม่ได้ดูเป็นเรื่องเป็นราว บางครั้งส่งมาตนก็ยังไม่ได้อ่าน หลังจากนี้ก็จะต้องไปร่วมประชุม กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาการสร้างการรับรู้รับทราบกลับเป็นการสร้างความเข้าใจผิด อย่างประเทศออสเตรเลียก็ไม่เข้าใจแล้ว ตนได้ให้ประเด็นไปว่าให้ไปร่างรัฐธรรมนูญมาว่าอะไรที่เป็นปัญหาของประเทศไทย อะไรที่ต้องเดินไปข้างหน้าก็ต้องทำต่อไปจะต้องใช้กฎหมายตัวไหนเพื่อจะแก้ปัญหาเร่งด่วน ระยะยาว ปฏิรูปครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 หรือ 3 ก็ต้องไปทำกฎหมาย หาความรับผิดชอบมา รวมทั้งรัฐบาลจะไม่ทุจริตได้อย่างไร ไม่ทุจริต ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจะต้องไม่มีคนสนับสนุนผู้ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชน เรื่องนี้ต้องอธิบายให้เกิดความเข้าใจ โดยเฉพาะต่างชาติ อย่างประเทศออสเตรเลียที่มาตั้งคำถามวันนี้ บ้านเขาก็ไม่เคยเกิดสถานการณ์เช่นเดียวกบบ้านเรา ไม่เคยมีการประท้วงรัฐบาลและมีการใช้อาวุธมายิงต่อสู้กัน

“ต้องช่วยกันอธิบายให้เขาเกิดความเข้าใจอย่ามาพูดคำว่า freedom อย่างเดียวหรือเด democracy ผมนี่แหละ democracy ถ้าไม่ democracy วันนี้พวกท่านจะมานั่งอย่างนี้กับผมไม่ได้ ต้องช่วยกันบอกเขา วันนี้มีอะไรบ้างที่ผมจำกัด มีแต่วิธีการตรวจสอบเท่านั้น ตรวจสอบเสร็จก็เรียกมาคุยกันและปล่อยตัวกลับบ้าน ถ้าต้องติดคุกก็เป็นพวกที่มีคดี ทั้งคดีอาญาและมีหลักฐานจะปล่อยไปได้อย่างไร อย่างระเบิดครั้งที่แล้ว จับกุมได้และมีหลักฐานก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ ก็เห็นชัดเจนมีการไล่ยิงกันอยู่ที่ศาลอาญา จะไปอุปโหลกใครและจับกุมได้ ไม่เคยฟังข้อเท็จจริง กล่าวหาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์จะสร้างถึงขนาดไปยิงขากันเลยหรือ โถ่ มันจะบ้าหรือเปล่า ขอให้เข้าใจกันเสียบ้าง ขอให้ช่วยบอกกับต่างชาติว่า เรากำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านเพื่อเป็นประชาธิปไตยสากล วันนี้ที่ไปไม่ได้ก็เพราะยังติดประท้วงตรงนั้น ตรงนี้ ทุกคนไม่เคยพูดว่าปัญหาคืออะไร อยากจะให้ประเทศไทยเป็นเหมือนเดิมหรืออย่างไร ไม่สงสารประชาชนที่เจ็บตายกันทุกวันหรืออย่างไร เจ้าหน้าที่เหน็ดเหนื่อยแล้ววันนี้จะมานั่งกังวลเรื่องกฎหมายอีก ถ้าไม่ทำความผิดจะมากังวลอะไร มาตรา 44 มีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใดแสดงว่าเป็นเผด็จการ ยืนยันว่า มาตรา 44 จะใช้อย่างสร้างสรรค์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนใช้กับปัญหาความมั่นคง ถ้ามีการเอาปืนมายิงกันอีก เกิดความวุ่นวาย ผมก็ต้องจับมัน จับมาทันที เราจะใช้กฎหมายแบบนี้ไม่เช่นนั้นก็ต้องไปรอหมายศาล อย่างเหตุการณ์ที่ศาลอาญาเป็นเพราะไปเจอกับกำลังของทางการ แล้วใช้ปืนพกยิงสู้กันจนถูกขาผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บและพยายามวิ่งหนีและมีเพื่อนขี่มอเตอร์ไซต์มารับก็ไม่ได้ชี้แจงให้ฟังเพราะเป็นเรื่องของการทำงาน แต่สังคมก็เกิดความสงสัยอยู่นั่น พวกผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำกับคนอื่น ต้องช่วยกันอธิบาย เดี๋ยวต่างชาติจะไม่เข้าใจหาว่าผมบ้าอำนาจ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในการเดินทางไปสิงคโปร์ก็ได้พบกับนายโทนี แอบบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งท่านต้องการให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว ซึ่งตนก็ตอบตกลง ขณะนี้กำลังเดินไปตามโรดแมปและต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่เป็นที่ยอมรับของสากล ตอนนี้รัฐบาลก็เร่งแก้ปัญหาเก่า เดินหน้าในเรื่องใหม่ๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวบัญญัติไว้ว่า มาตรานี้มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่เกินกว่าเหตุไม่รู้จะกลัวอะไรกันอยู่ได้ กลัวกันเกินกว่าเหตุ

เมื่อถามว่า คำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ โดยอาศัยกฎหมายมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะใช้เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เร็วๆ นี้ ส่วนคำสั่งดังกล่าวร่างเสร็จนานแล้ว รอเวลาเพียงว่าจะประกาศออกมาเมื่อไหร่ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้มีการทูลเกล้าฯ เพื่อยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้วหรือยัง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มีการทูลเกล้าฯไปตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่ว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อไหร่ ส่วนการประกาศ คสช.ฉบับใหม่โดยอาศัยกฎหมายมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น ตนสามารถประกาศได้เอง โดยในคำสั่งดังกล่าวจะมีเนื้อหาประมาณ 5 - 6 ข้อ เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง การใช้กำลังทหารเข้าไปทำงานได้เท่านั้นเอง โดยเป็นการไปช่วยงานของข้าราชการต่างๆ ตำรวจก็ยังเป็นการใช้กฎหมายปกติ เพียงแต่เราจะเพิ่มอำนาจในการตรงจค้นจับกุมร่วมกัน และร่วมกันสอบสวนได้บ้างและในการควบคุมตัวของพนักงานสอบสวนจะไม่ใช้ที่ห้องขังเพราะถือว่าเป็นเพียงผู้ต้องหา ในเรื่องของศาลทหารนั้น จะมีเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคดีด้านความมั่นคง และตามคำสั่ง คสช.ฉบับใหม่ ในส่วนของศาลทหารจะไม่ใช้แค่ศาลเดียว แต่เป็นศาลทหารที่มี 3 ศาล ไม่ต้องมานั่งกลัว ไม่รู้จะกลัวกันไปทำไม ถ้ามันไม่ผิด ขอให้ไปช่วยกันบอกด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า ศาลทหารตามคำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ จะคล้ายกับศาลยุติธรรมปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หนึ่ง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น สามารถจับกุมได้ทันที โดยไม่ต้องไปขอหมายศาล เหมือนเช่นสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นก็คงหนีกันจนจับไม่ได้ สอง เมื่อจับมาแล้วก็จะดำเนินการสอบสวนที่ไม่ใช่สถานีตำรวจหรือห้องขังเพราะถือว่าเป็นแค่ผู้ต้องหา หรือผู้ต้องสงสัย ทหารก็จะไปซักร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและถ้าอันไหนที่ผิดตามคดีที่มีการกำหนดไว้ว่าอย่าทำ มีการไปละเมิดก็จะต้องขึ้นศาลทหาร อะไรที่ผิดกฎหมายปกติก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายปกติ ดังนั้น ใครที่ขึ้นศาลทหารก็ไม่ต้องกลัวเพราะจะมีถึง 3 ศาล ส่วนรายละเอียดต้องถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเพราะตนได้สั่งการไปแล้วว่า ควรจะเขียนออกมาอย่างไร

เมื่อถามว่า อำนาจการจับกุมคุมขังตามคำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ตามมาตรา 44 จะยังอยู่ในกรอบ 7 วันใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “7 วันเท่าเดิม แต่มันมีเขียนไว้ว่าหากควบคุมตัวไว้แล้วสามารถพูดคุยกันเรียบร้อย เข้าใจกันก็สามารถปล่อยตัวได้ทันทีโดยไม่มีคดี เว้นแต่หากมีการใช้อาวุธสงครามเราปล่อยไม่ได้” เมื่อถามว่า ไม่มีการขยายเวลาจาก 7 วันเป็น 14 วัน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี 7 วันก็เปลืองข้าวจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากจะกักขังสักวัน วันนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจะปล่อยให้เป็นแบบเดิมคงไม่ได้ ยืนยันอีกครั้งว่าทหารไม่เคยทำร้ายประชาชน และตนก็เป็นทหาร ถ้าคิดจะทำร้ายประชาชน ตนคงไม่ออกมาช่วย ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง ไม่ว่าจะเขตหรือสีไหนก็ไปช่วยทั้งหมด

เมื่อถามว่า จะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานใดชี้แจงให้ต่างประเทศเข้าใจหรือไม่ เพราะยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ต้อง เพราะตนชี้แจงได้เพียงคนเดียว เพราะกระทรวงการต่างประเทศก็มองในแง่มุมของต่างประเทศ แต่เรื่องเหล่านี้ตนก็พยายามอธิบายมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม จะรวบรวมข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ยืนยันว่าวันนี้ไม่มีอะไรปกปิด "ต้องไปบอกเขาให้เข้าใจว่ากฎหมายอาญาของเรา เวลาคนยิงใส่กัน ไม่ใช่ยกปืนเล็งใส่กัน แล้วก็ตาย แล้วมาโทษว่าไอ้นี่ยิง ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงก็กล่าวหาว่าไอ้ฝั่งนั้นผิด มันใช้ไปได้ กฎหมายเขาเขียนไว้ว่า จะต้องมีการสำรวจวิถีกระสุน ดินปืน ระยะทาง ระยะห่าง เรื่องที่ยิงกันบนรถไฟฟ้า ไปหากันมา ข้อเท็จจริงคือไอ้นี่มันแอ็คอาร็ตที่ขึ้นไปข้างบน แล้วก็รายงานว่าไปยิงกำพงกำแพงอะ”

เมื่อถามว่า การใช้คำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ ตามมาตรา 44 ในมุมมองของต่างชาติจะดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยกันอธิบาย ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเดือดร้อนกันตรงไหน วันนี้ทุกคนรู้ว่าปัญหาของประเทศคือตรงไหน จะปล่อยให้ประเทศชาติล้มละลายเสียหาย เรื่องนี้ตนเป็นคนรับผิดชอบ “ชีวิตวันนี้ผมก็รับผิดชอบอยู่แล้ว ลูกเมียก็เดือดร้อน แต่ทำไมผมถึงยังต้องทำ แล้วทำไมสื่อไม่ไปโจมตีรัฐบาลที่แล้วว่าทำอะไรกันมาบ้าง ทำไมไม่เขียนว่าไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลชุดที่แล้วถึงไม่แก้ปัญหา ทั้งเรื่องการบินพลเรือน มัวแต่มาโจมตีผมอยู่ฝ่ายเดียว ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดวันนี้ไม่ได้ซีเรียส ยังสามารถยิ้มได้อยู่”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรียังเดินกลับเข้ามาอธิบายประชาธิปไตยไทยต่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอบีซีอีกครั้ง โดยระบุว่า ขอให้นักข่าวไทยที่มากับนักข่าวต่างประเทศช่วยอธิบายเรื่องนี้ด้วย ที่ผ่านมาการบริหารของฝ่ายการเมืองแบ่งพื้นที่บริหารงาน และดูแลกลุ่มคนของตัวเอง มันถึงเกาะกับการเมือง เป็นเผด็จการรัฐสภา การบริหารงานไม่ทั่วถึง ไม่เป็นธรรม ขอให้อธิบายว่าตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา สิ่งที่ตนทำวันนี้กำลังลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งภาคเศรษฐกิจ ปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขทำทั้งหมด แต่เวลามันอยู่อย่างนี้ ถ้าเราปล่อยให้เป็นเสรีภาพร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนปกติก็จะเกิดวนมาใหม่ทันที ถ้าตนไม่มีอะไรมาเสริม ก็จะมาม็อบหน้าทำเนียบฯ แล้วตนจะทำงานได้หรือไม่ บางอย่างมันต้องเร่งด่วน ซึ่งต้องรอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกกฎหมาย ตนก็ร่างเป็นคำสั่งออกมาดำเนินการเรื่องนั้น เรื่องนี้ก่อน อย่างเช่นการแก้ไขปัญหากรณีที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่กรมการบินพลเรือนไทยมาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์ จึงต้องออกคำสั่งมาแก้ปัญหา เพราะที่ผ่านมาทุกอย่างไม่เคยแก้

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การเมืองไทยที่ผ่านมา พอมีการประท้วงก็จะใช้อาวุธกับระเบิด ตรงนี้ทำได้หรือไม่ บ้านเขามีหรือไม่ ทำได้หรือไม่ มาประท้วงนายกฯประยุทธ์ ที่ผ่านมา การเมืองอยู่เหนือ วันนี้ตนไม่ต้องการอะไร และอยากจะทำประชาธิปไตยให้เป็นแบบท่าน แต่ขออย่าไปสนใจเรื่องตรงนี้ ยืนยันวันนี้ตนให้ความเป็นเสรี เว้นคนทำผิดเท่าที่ต้องดำเนินการ การสอบสวนคดีต่างๆ ไม่ใช่เอาไปซ้อมอะไรต่างๆ จะไปซ้อมทำไม เขาเลิกกันไปนานแล้วแบบนั้น ที่ต้องควบคุมตัวเพื่อจะสอบสวน วันนี้ต้องเดินไปเรื่อยๆเป็นขั้นๆ เรากำลังทำประชาธิปไตยไทยให้สมบูรณ์และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศแบบประเทศพวกท่าน อยากเป็นแบบประเทศออสเตรเลีย อยากเป็นแบบสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอะไรต่างๆ แต่ของเรายังไปถึงตรงนั้นไม่ได้ เพราะยังมีปัญหาซับซ้อนอยู่ตรงนี้ ปัญหาแบบนี้พวกท่านแก้มาแล้ว 50 ปี 100 ปี อะไรของท่านตนไม่รู้ สหรัฐอเมริกาก็มีเรื่องแบบนี้ แต่มันนานมาแล้ว เสร็จแล้วคนก็มีความเข้มแข็งมีการศึกษาก็ ความขัดแย้งไม่มี นักการเมืองมีประสิทธิ์ภาพ นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยของตน ที่กำลังดำเนินการ
กำลังโหลดความคิดเห็น