xs
xsm
sm
md
lg

หมาเฝ้าบ้าน...เจ้าของบ้าน

เผยแพร่:   โดย: โสภณ โองการณ์

ในยุคกลางของยุโรปสืบต่อมาถึงยุคปลายบทบาทของสื่อมวลชนได้รับการยอมรับว่าเป็นฐานันดรที่ 4 ในสังคม รองจากนักบวช ขุนนาง ประชาชน ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก จนภายหลังถูกเปรียบให้เป็นเหมือนหมาเฝ้าบ้านซื่อสัตย์ มีหน้าที่ระวังเห่าเตือนไม่ให้โจรผู้ร้ายปล้นชิงทรัพย์เจ้าของบ้าน

สื่อตามฐานันดรที่ 4 ถือเป็นเพียงสื่อสิ่งพิมพ์ ในยุคดิจิตอลเทคโนโลยีมีฐานันดรที่ 5 ซึ่งเป็นสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ หลากหลาย นับวันจะมีบทบาทด้านความรวดเร็วในการสื่อสารถึงเป้าหมาย นั่นหมายความว่าฐานันดรที่ 5 ไม่ได้เป็นหมาเฝ้าบ้านอย่างเดียว เป็นคนเป่านกหวีดเตือนอีกด้วย

วันนี้จะพูดถึงความชัดเจนในบทบาทของสื่อที่เป็น “หมาเฝ้าบ้าน” ในบ้านเราซึ่งสถานภาพเปลี่ยนไปตามสังคม โดยมีทั้งสื่อแท้ สื่อเทียม สื่อรับจ้าง สื่อหิวกระหายอามิสสินจ้าง “สื่อ” แล้วรวย ดังนั้น “หมาเฝ้าบ้าน” จึงมีหมาซื่อสัตย์รู้หน้าที่ และหมารับใช้ผู้ประสงค์ร้ายต่อเจ้าของบ้าน

นั่นคือ “หมาเนรคุณ” เจ้าของบ้านนั่นเอง ไม่เห่าโจร และกล้ากัดมือเจ้าของที่ป้อนอาหารให้ด้วย

เอาเถอะ นั่นเป็นเรื่องของหมา และสื่อโดยทั่วไปยังทำหน้าที่เฝ้าบ้านแม้บางตัวกินอาหารนอกบ้านอิ่มมาก สบายเกินไป ทำให้ขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้นในการเฝ้าระวังภัยให้เจ้าของบ้าน

วันก่อนคุณท่านได้คำรามเตือนสื่อว่าต้องรู้จักหน้าที่ เป็นหมาเฝ้าบ้าน ไม่ใช่มาเห่าใส่เจ้าของบ้าน การที่พูดเช่นนั้นเป็นเพราะคุณท่านอารมณ์เสีย ระเบิดถ้อยคำรุนแรงหลังจากทนไม่ได้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องต่างๆ รวมทั้งตั้งคำถามซึ่งคุณท่านตอบไม่ได้ หรือรำคาญใจ ไม่อยากตอบ

คุณท่านจำต้องใช้ความยัวะสกัดการซักไซ้ของผู้สื่อข่าวด้วยการตะคอก ทั้งพูดด้วยลีลาทีเล่นทีจริงว่าจะเล่นงานคนทำสื่อด้วยเครื่องประหารหัวสุนัข สื่อต่างประเทศนำประเด็นนี้ไปรายงานเป็นข่าวทั่วโลก กว่าจะรู้ว่าพลาดก็สายเสียแล้ว นี่เป็นอีกครั้งของพฤติกรรม “โอษฐ์ภัย” ฝังคนดังมาเยอะแล้ว

คุณท่านพลาดมาหลายครั้ง แต่ท่าทีลีลาการแสดงออกบ่งบอกว่าไม่แคร์และยังไม่เข็ด

ก็ทำได้กับสื่อไทยเท่านั้น เช่น โยนกระดาษใส่ เอาวัตถุเคาะหัว ลูบหัวดึงหู นอกเหนือจากการใช้ถ้อยคำร้อนแรงต่อว่า ตำหนิ ขู่คำราม จนทำให้สื่อขาประจำติดตามขบวนคุณท่านชินกับพฤติกรรม

ยอมยกให้คุณท่านเป็นแบบฉบับหนึ่งเดียวในโลก และเป็นโลกพิศวงด้วย!


มีประเด็นหนึ่งซึ่งคุณท่านเปรียบเทียบผิดพลาดอย่างจัง คือช่วงที่บอกว่า”สื่อต้องเป็นหมาเฝ้าบ้าน ไม่ใช่มาเห่าใส่เจ้าของบ้าน” นั่นหมายความว่าคุณท่านมองว่าตัวเองเป็น “เจ้าของบ้าน”

นี่สะท้อนให้เห็นประสบการณ์ชีวิตค่อนข้างจำกัดนอกค่ายทหารและสังคมกองทัพ จมปลักอยู่ในกรอบความคิด “เขตทหารห้ามเข้า” ประชาชนหรือคนนอกห้ามยุ่งหรือไม่ และยังมีบางช่วงชาวบ้านได้ยินวาทกรรมโอ่อ่าว่า “ทหารก็คือประชาชน” แต่ความจริงคือ “ประชาชนไม่ใช่ทหาร” ประชาชนจะไปยุ่มย่ามกับเรื่องของทหารไม่ได้ นอกจากมีหน้าที่จ่ายภาษีให้เป็นเงินเดือนของข้าราชการทุกคน

วกกลับมาถึงกรณีคุณท่านได้พูดเสมือนหนึ่งว่าเป็น “เจ้าของบ้าน” นั้น ย่อมไม่ถูกต้องแน่นอน ถ้าจะเปรียบกับหลักการโดยทั่วไป เพราะ “เจ้าของบ้าน” คือ “ประชาชน” ต่างหาก

“หมาเฝ้าบ้าน” ต้องมีคุณลักษณะของความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อเจ้าของบ้าน ในกรณีของคุณท่าน ถ้าต้องจัดโครงสร้างการเปรียบเทียบให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องก็คือ “เจ้าของบ้าน” คือประชาชนมี “ผู้จัดการ” บริหารกิจการของบ้าน โดยผู้สมัครเสนอหน้าให้เลือกเข้ามาทุกๆ 4 ปี

“ผู้จัดการ” มีพฤติกรรมต่างกัน บางกลุ่มเข้ามาแบบไม่ซื่อ ติดสินบนให้ประชาชนบางกลุ่มเลือก จากนั้นปฏิบัติการถอนทุนหลายเท่าตัว ขึ้นอยู่กับการเชี่ยวชาญการโกง ระดับความหน้าด้าน ความหิว ความสามารถในการเขมือบได้คำโตแค่ไหน การเปิบมีความจุจำกัดหรือไม่และโกงทั้งครอบครัว

บางยุคผู้ช่วยผู้จัดการเส้นใหญ่เขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้า ตั้งแต่ลำไย รถเถื่อนถึงข้าวสาร ฟาดจนพุงกาง แก้มยุ้ย รูปร่างเหมือนไหกระเทียมต่อขา เป็นยุคของมหกรรมโกงทั้งโคตรจนเป็นตำนาน

ดังนั้น “ผู้จัดการ” จึงเป็นตัวอันตราย จ้างผิดเมื่อไหร่เจ้าของบ้านแทบล้มละลาย ล่าสุดได้สร้างความเสียหายมากกว่า 8 แสนล้านบาท ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาชดเชย ก็คงเงินเจ้าของบ้านนั่นแหละ ก่อนหน้านั้นเจ้าของบ้านรวมตัวกันขับไล่เจ้าของบ้านดื้อด้าน เสี่ยงต่อการบาดเจ็บล้มตาย

คนหลายล้านขับไล่นานกว่า 7 เดือน ผู้จัดการไม่ยอมออก เจื้อยแจ้วจำนรรจาไร้สาระ จนเจอทีเด็ดต้องไปเด้งหน้าเด้งหลังอยู่ที่บ้าน ตอนนั้นคุณท่านเป็นเพียง “หัวหน้าคณะรักษาความปลอดภัย” เท่านั้น เจ้าของบ้านเรียกร้องให้มาช่วยขับไล่หลายเดือนคุณท่านก็ยังยื้อ ยึกยักจนชาวบ้านเซ็งจัด

ผลสุดท้ายคุณท่านก็ตัดสินใจยกพวกถืออาวุธมาขับไล่พวกลูกน้องผู้จัดการให้ บ้านจากบ้าน ฉีกกฎการบริหารจัดการบ้านทิ้ง ชาวบ้านดีใจมาก บ้านเมืองเสียหายมากมายแต่ยังมีความหวัง มองว่าคุณท่านมาช้ายังดีกว่าไม่มา จากนั้นรอดูว่าคุณท่านจะจัดการรักษาความสงบในฐานะ รปภ. อย่างไร

แม้จะทำใจไว้แล้ว เจ้าของบ้านยังอดแปลกใจไม่ได้ เมื่อคุณท่านประกาศขอเป็น “ผู้จัดการ” คนใหม่โดยที่ชาวบ้านยังไม่ได้เชื้อเชิญให้เป็น หรือว่าจ้างอย่างเป็นทางการ ท่านแสดงออกให้เห็นว่าเมื่อท่านได้เสี่ยงยกพวกออกมาขับไล่คณะผู้จัดการเดิม แล้ว ท่านสมควรได้ตำแหน่งผู้จัดการ ใครอย่าหือ

เท่านั้นยังไม่พอ ท่านได้ออกกฎระเบียบเข้ม บังคับเจ้าของบ้านให้อยู่ในความสงบ อย่าขัดขวางการจัดการบ้าน หมาเฝ้าบ้านทุกตัวทุกสีโดนสั่งให้หุบปาก ห้ามเห่าไล่ผู้จัดการ หรือเห่าอะไรถ้าเห็นความไม่ชอบมาพากล พฤติกรรมเร้นลับ สภาวะมือไม่ถึง หรือมีกลิ่นไม่สะอาดเกิดขึ้นในกลุ่มผู้จัดการ

เจ้าของบ้านไม่มีสิทธิอ้าปากเรียกร้องอะไรทั้งนั้น ถูกห้ามไม่ให้นั่งคุยกันเกิน 5 คน แต่ต้องจ่ายค่าจ้างตามปกติ และมีค่าใช้จ่ายให้พวกนักร่างกฎกติกาคณะใหม่ นั่งถกกันจนน้ำลายแตกฟอง

เห็นหรือยัง คุณท่าน “ไม่ได้เป็น” เจ้าของบ้านตามความเข้าใจของท่าน คุณท่านเป็นหัวหน้าคณะ รปภ.ของบ้าน และสวมรอยฮุบเอาตำแหน่งผู้จัดการไปโดยอ้างว่าเจ้าของบ้านต้องปรองดองกับคนอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายของผู้จัดการเลอโฉมประโลมโลกคนก่อน และคุณท่านขู่ว่าจะอยู่ยาวด้วย

ผ่านไป 8 เดือนกว่า ผู้จัดการคนใหม่อารมณ์เสียบ่อย ล้งเล้งใส่หมาเฝ้าบ้านเป็นประจำ ทำเอาตัวหมาเฝ้าบ้านก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของบ้านตัวจริงจะส่งสัญญาณให้ฟัดจม เขี้ยวเมื่อไหร่ถ้าเบื่อเกินทน
กำลังโหลดความคิดเห็น