ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ช่วงนี้ชาวบ้านได้รับรู้เรื่องการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในคดีพฤติกรรมน่าสงสัยของผู้บริหารของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งนำเงินหลายร้อยล้านไปบริจาค ทำบุญให้วัดธรรมกาย และผู้นำวัด รวมทั้งกิจกรรมของเจ้าอาวาสและนักบวชวัดธรรมกายในหลายมิติ ข้อไต้แย้งต่างๆ
เริ่มต้นด้วยความฮือฮา เจ้าหน้าที่ทำท่าเอาจริง ทุกฝ่ายโชว์มาดเข้ม ยิ่งได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวโยงเงินเป็นพัน หมื่นล้านบาทของอาณาจักรธรรมกาย ชาวบ้านรอดูว่าจะลงเอยอย่างไร จะมีอลัชชีติดคุกมั้ย เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก คดีไม่คืบหน้าไปไหน ความเชื่อมั่นชักคลอนแคลน
การมุ่งสอบมหาเถรสมาคม(มส.) ว่ามีอะไรเกี่ยวโยงเชิงผลประโยชน์ ปัจจัยของวัด ผลประโยชน์ล้ำลึกหรือไม่ ทำเอาชาวบ้านนึกว่าจะเป็นก้าวแรกของ การปฏิรูป โครงสร้างต่างๆ เกี่ยวกับกิจกรรมของศาสนา ความอื้อฉาวต่างๆ น่าจะได้รับการรื้อฟื้น ต้องมีนักบวชถูกจับศึก ฆราวาสถูกดำเนินคดีบ้าง
ความอื้อฉาว การขุดคุ้ยโดยสื่อและสงฆ์ด้วยกันคือหลวงปู่พุทธอิสระ ทำให้ชาวบ้านหวังว่าอลัชชี นักบวชเพื่อรวย คงต้องเผชิญเวรกรรมไล่ตามทัน เป็นการเริ่มต้นของการชำระพุทธศาสนา
การเปิดโปงข้อมูลเกี่ยวโยงกับอาณาจักรธรรมกาย ขุมทรัพย์ เงินกองทุน ผลประโยชน์มหาศาลทำให้คนไทยได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ เครือข่ายกว้างขวาง การจัดตั้งอย่างเป็นระบบ มีสาวกหลายล้านคนทั่วโลก ทำให้เกิดความรู้สึกว่า การจะจัดการกับขบวนการนอกรีตนั้นไม่ง่ายแน่นอน
มีสาวกเป็นระดับมหาเศรษฐีผู้อุปถัมภ์ด้านการเงิน อำนาจรัฐ พร้อมทุนมหาศาล ทำให้ความหวังว่าจะมีการชำระสะสางอ่อนเปลี้ยเพราะอิทธิพลทั้งมืดและสว่างนั่นเอง แถมยังมีวี่แววว่าหลักการเผยแพร่กิจกรรมธรรมและเครือข่ายการเมืองเป็นการใช้อาชญากรรมนำหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ไม่ใช่การใช้ธรรมนำหน้า มีแต่พฤติกรรมประหลาดในกิจกรรม เช่นการเดินธุดงค์เอานักบวชห่มจีวรเหลืองเดินเหยียบดอกไม้ริมทาง ชาวบ้านผู้ศรัทธาเฝ้ากราบบูชา ไม่แยแสต่อเสียงตำหนิก่นด่า
ยิ่งการสอบสวนยาวนานในทุกด้าน ทำให้เห็นความแผ่วล้า ทำให้สงสัยว่าผลสุดท้ายน่าจะลงเอยโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ความฮือฮาเป็นเพียงเสียงตอบรับต่อการแสดงปาหี่ ซูเอี๋ย เกี้ยเซี้ย
นับว่าองค์กรนิกายนี้มีอิทธิพลการเงิน พลังอำนาจแฝงเร้นไม่ธรรมดาจริงๆ
ชาวบ้านผู้หวังได้ดอกเบี้ยสูงจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นคงต้องภาวนาขอให้ได้เงินฝากคืนเต็มจำนวนก็บุญโข ดอกผลไม่อยากได้อีกแล้ว หรือเลวร้ายที่สุดก็ขอให้ได้เงินส่วนใหญ่คืน แต่นั่นเป็นเหมือนสภาวะลมๆ แล้งๆ อารมณ์ร้อนระอุเหมือนอากาศยามบ่ายช่วงนี้
มีคนไม่น้อยต้องเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินออมทั้งชีวิต ผู้ฝากเงินในสหกรณ์อื่นๆ เริ่มหวาดผวาหลังจากมีข่าวว่าสหกรณ์ต่างๆ ได้เอาเงินไปฝากยูเนี่ยนคลองจั่น จนต้องชี้แจงว่าได้ถอนออกมา เหลือไว้เงินไม่กี่พันบาทติดอยู่ก้นบัญชีเงินฝาก ความเป็นจริงยังต้องรอการพิสูจน์
รัฐบาลและหน่วยงานรับผิดชอบอย่าให้ชาวบ้านตื่นถอนเงินฝากจากพวกสหกรณ์ก็แล้วกัน ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบัน เกิดปรากฎการณ์ข้าวยากหมากแพงจนทำให้ไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจใคร
ความพยายามของผู้เกี่ยวข้องกับเงินก้อนใหญ่เพื่อปิดกลบเรื่องเน่าทำให้ยิ่งสงสัยว่าอาชญากรรมน่าจะเป็นแนวปฏิบัติเพื่อบรรลุการระดมเงินทำบุญ ลวงให้ชาวบ้านไปสวรรค์ ทั้งๆ ที่เป็นนรกบนดินชัดๆ ถ้าขายทรัพย์สินทุ่มเงินเพื่อทำบุญให้วัดจนสิ้นเนื้อประดาตัว
ท่านผู้นำจะต้องไม่ยอมให้เกิดสภาวะลูบหน้าปะจมูก มวยล้มต้มคนดูเด็ดขาด! จะต้องรื้อฟื้นความเน่าเฟะหมักหมมในวงการศาสนา ไม่หวั่นเสียงขู่ของขบวนการอลัชชีโล้นห่มเหลืองบวชแล้วรวย หรือถ้ารวยไม่มาก ก็มุ่งเน้นหาสีการวยเป็นผู้อุปการคุณชีวิตจนลาสิกขาบทไปเสพสุขบนกองทรัพย์
ชาวบ้านกลัวว่าจะเหลวเป๋ว ไม่เกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่กลิ่นเน่ารุนแรง
อีกเรื่องคืออาชญากรรมโดยกลุ่มขี้ข้าการเมืองในขบวนการเหลี่ยม มือปาระเบิดศาลอาญาและเครือข่ายถูกจับได้ หลักฐานหนาแน่น การสอบสวนเป็นไปอย่างคึกคัก น่าตื่นเต้นเช่นกัน ถ้าเอาจริงรับรองไม่เหลือ แต่ชาวบ้านเกรงเช่นกันว่าจะมีปรากฏการณ์ครึ่งๆ กลางๆ ตัวใหญ่รอด
น่าประหลาด ทั้ง 2 เหตุการณ์มีบุคคลเกี่ยวโยงกันเมื่อมนุษย์เหวงทำตัวเป็นฆ้องปากแตก บอกว่าลัทธิธรรมกายเป็นฐานสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งมักใช้อาชญากรรมนำหน้า เบิกทางสู่การกุมอำนาจการเมือง เป็นอาชญากรรมใช้ความรุนแรง อาวุธสงคราม ตามด้วยฆาตกรรม
และฆาตกรรมเป็นมาตรการเด็ดขาด มีหลักฐานพิสูจน์ ในภารกิจบางครั้ง อาชญากรรมมีการผสมผสานกับโจรกรรมและวางเพลิง ดังจะเห็นในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในปี 2553
นอกจากฆาตกรรมฝ่ายตรงข้าม บางครั้งยังฆาตกรรมเพื่อปิดปากตัดตอนพวกเดียวกัน เป็นการฟ้องให้เห็นว่ากลุ่มการเมืองที่เป็น "พรรค" บางมิตินั้นแท้ที่จริงเป็นการรวมตัวของพวกนอกกฎหมายก่อตั้งองค์กรอาชญากรรมเพื่อใช้เงินซื้อเสียงทุกรูปแบบ โกง เพื่อกุมอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ
หัวหน้าสูงสุดของกลุ่มอาชญากรยังอยู่ดีกินดีอย่างเสรีมีสุขกับเหล่าสมุนตัวแสบ แต่ละวันมุ่งคิดแผนร้ายเพื่อทำลายบ้านเกิดเมืองนอน ไฟนรกเร่าร้อนสุมแรงแค้นเต็มในหัวอก หน่วยข่าวก็รู้ดี แต่ยังไม่มีใครทำอะไร เพราะนโยบายปรองดอง เกี้ยเซี้ย ซูเอี๋ย หยวนๆ แบบไทยๆ นั่นเอง
ทำเอาตัวบทกฎหมายกลายเป็นบทตลกร้ายให้เด็กๆ อ่านเล่นขำๆ โดยไม่ต้องจี้เอว! แล้วจะไปกันอย่างไร เมื่อขบวนการ 2 องค์กรความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยังแข็งแกร่ง มีเครือข่ายทั้งในและนอกประเทศ ทั้ง 2 ใช้แนวทางโลกล้อมประเทศ กะจะมัดด้วยผ้าเหลืองและเสื้อแดง
มีเงินทุนมหาศาลหลายแสนล้านบาทแน่นอน พวกโล้นห่มผ้าเหลืองขู่คำรามจะเคลื่อนไหว พวกเสื้อแดงกระดุกกระดิก ออกมาปาระเบิดเล่น หลังจากแกล้งตายนานๆ แล้วเมื่อย ขาดรายได้
เป็นภารกิจท้าทายความสามารถของท่านผู้นำนักบู๊จอมคำรามยิ่งนัก!
ความหวังว่าจะขุดรากถอนโคนขบวนการชั่วร้ายคงจะเป็นสภาพลมๆ แล้งๆ เช่นกัน เพราะพวกทำคดีก็ว่าไป พวกเจรจาต่อรองเพื่อซูเอี๋ยประสานผลประโยชน์ก็ยังมีอยู่ แถมช่วงนี้ยังมีเสียงร่ำลือเรื่อง "แอ่นแอ๊น" ซ้ำๆ ซ้อนๆ อะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ผลของการ "แอ่นแอ๊น" 22 พฤษภาคมยังไม่ไปไหน
มีใครไม่พอใจใครเรื่องอะไรหรือเปล่า คุยกันเองก่อนเถอะ ใช้ความสามารถในการปรองดองสมานฉันท์จัดการความขัดแย้งปีนเกลียวในพวกเดียวกันก่อนบานปลายจนคุยกันไม่ได้
พวกนักแต่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังทำงานไม่เสร็จ รอก่อนได้มั้ย อย่าใจร้อน ยังไม่มีอะไรให้ฉีก!