ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปราชการที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ โดยก่อนการประชุม ครม. นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการพบปะพ่อค้าแม่ค้า ภายในตลาดฉัตรไชย (ตลาดเจ็ดโค้ง) อ.หัวหิน เพื่อสำรวจราคาสินค้า และกล่าวปราศรัยกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ หลังจากนั้นนายกฯ จะเดินทางไปยังชายหาดหัวหิน เพื่อตรวจเยี่ยม และดูการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน พร้อมรับฟังปัญหาต่างๆ ตามนโยบายคืนความสุขให้กับประชาชนของรัฐบาล
ช่วงบ่าย นายกฯ จะเป็นประธานประชุมครม.อย่างเป็นทางการ ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลส์ ชั้น 2 สถานพักฟื้นและพักผ่อน กองทัพบก สวนสนประดิพันธ์ แห่งที่ 2 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก่อนการประประชุม นายกฯมีกำหนดการเยี่ยมชมนิทรรศการ“นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEsและเกษตรกร" ณ บริเวณจุดจอดรถ จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงต่างๆ
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.นอกสถานที่ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมกับกระทรวงต่างๆ จัดนิทรรศการด้านนวัตกรรม โดยมีเป้าหมาย 3 ประการ คือ
1. เพื่อให้คณะรัฐมนตรี รับทราบความก้าวหน้าผลงานนวัตกรรมฝีมือคนไทย ซึ่งมีศักยภาพที่จะผลิตเพื่อส่งมอบให้กับตลาดภาครัฐได้ อันจะนำไปสู่การส่งเสริมให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างสินค้านวัตกรรมไทยของภาครัฐ เพื่อให้ SMEs ได้ใช้กลไกของรัฐ
2. เพื่อพัฒนาศักยภาพ และความสามารถในการผลิตนวัตกรรม รวมทั้งได้เลือกนวัตกรรมที่มีความพร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ SMEs ที่สนใจ
3. เพื่อให้ชุมชนหรือท้องถิ่น เห็นโอกาสในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปพัฒนาขีดความสามารถของท้องถิ่น อันจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ในการจัดนิทรรศการนั้น ประกอบด้วย 7 กลุ่มงาน ได้แก่ 1 . เกษตรและชุมชน 2. น้ำ 3. การแพทย์และสมุนไพร 4. ความมั่นคง พลังงานและสิ่งแวดล้อม 5. ระบบขนส่งทางราง 6. ท่องเที่ยววิถีไทย และ 7. SMEs และการส่งเสริมการส่งออก
นอกจากนี้ ยังจัดให้มีหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank)และธนาคารออมสิน ที่เป็นกลไกส่งเสริม SMEs เพื่อรับขึ้นทะเบียน รวมไปถึงการบริการต่างๆ เช่น สินเชื่อเพื่อนวัตกรรมด้วย
ทั้งนี้ ผลงาน นวัตกรรมเด่นๆ ที่นำมาจัดแสดงในงานครั้งนี้ มีมากกว่า 300 ชิ้น โดยเป็นผลงานวิจัยของคนไทยทั้งสิ้น อาทิ รถตัดอ้อย ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตรถตัดอ้อยด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถตัดอ้อยได้ทุกสภาพแปลง กลไกชุดเก็บเกี่ยวมีประสิทธิภาพไม่ทำให้เกิดการดึงต้นอ้อยจากพื้นดิน ไม่ส่งผลกระทบต่อตออ้อยที่สอง ซึ่งบริษัทเอกชนไทย ผู้ผลิตรถตัดอ้อยนี้ สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้แก่ บราซิล อินเดีย กัมพูชา และอินโดนีเซีย
เครื่องเกี่ยว นวดข้าว มีแรงม้าตั้งแต่ 250-280 แรงม้า ราคาขายประมาณ 2.5-2.8 ล้านบาท สามารถวิ่งในนาหล่มได้ เมื่อเกี่ยวนวดข้าวแล้ว การสูญเสียไม่เกิน 3 % ขนาดรถประมาณ 5x10 เมตร ซึ่งจะสามารถทดแทนการนำเข้าได้
อุปกรณ์ทำฟัน ใช้พลังงานลมนิวเมติค ทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า และต่อยอดนวัตกรรม โดยประดิษฐ์เก้าอี้ทำฟันสำหรับผู้พิการและคนชรา
เสื้อเกราะกันกระสุน ที่สามารถป้องกันกระสุนได้ตามมาตรฐานยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์ข้าวในครัวเรือน มือกลช่วยคนพิการ เตาชีวมวล นวัตกรรมการจัดการน้ำ ฟิล์มบรรจุภัณฑ์ยืดอายุผลไม้ เภสัชรังสี เครื่องสำอางนาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีเพื่อการส่งออกฯลฯ
สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการ มีขึ้น 2 วัน คือวันที่ 27-28 มี.ค. เวลา 9.00–17.00 น. ซึ่งเป็นความร่วมมือของกระทรวงต่างๆ ที่จะนำเสนอผลงานนวัตกรรมไทย ที่มีศักยภาพพร้อมใช้ และมีมาตรฐานรองรับ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตลาดทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป โดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี จะเปิดงานอย่างเป็นทางการเวลา 11.30 น. วันที่ 27 มี.ค.
ช่วงบ่าย นายกฯ จะเป็นประธานประชุมครม.อย่างเป็นทางการ ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลส์ ชั้น 2 สถานพักฟื้นและพักผ่อน กองทัพบก สวนสนประดิพันธ์ แห่งที่ 2 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก่อนการประประชุม นายกฯมีกำหนดการเยี่ยมชมนิทรรศการ“นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อ SMEsและเกษตรกร" ณ บริเวณจุดจอดรถ จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงต่างๆ
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.นอกสถานที่ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมกับกระทรวงต่างๆ จัดนิทรรศการด้านนวัตกรรม โดยมีเป้าหมาย 3 ประการ คือ
1. เพื่อให้คณะรัฐมนตรี รับทราบความก้าวหน้าผลงานนวัตกรรมฝีมือคนไทย ซึ่งมีศักยภาพที่จะผลิตเพื่อส่งมอบให้กับตลาดภาครัฐได้ อันจะนำไปสู่การส่งเสริมให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างสินค้านวัตกรรมไทยของภาครัฐ เพื่อให้ SMEs ได้ใช้กลไกของรัฐ
2. เพื่อพัฒนาศักยภาพ และความสามารถในการผลิตนวัตกรรม รวมทั้งได้เลือกนวัตกรรมที่มีความพร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ SMEs ที่สนใจ
3. เพื่อให้ชุมชนหรือท้องถิ่น เห็นโอกาสในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปพัฒนาขีดความสามารถของท้องถิ่น อันจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ในการจัดนิทรรศการนั้น ประกอบด้วย 7 กลุ่มงาน ได้แก่ 1 . เกษตรและชุมชน 2. น้ำ 3. การแพทย์และสมุนไพร 4. ความมั่นคง พลังงานและสิ่งแวดล้อม 5. ระบบขนส่งทางราง 6. ท่องเที่ยววิถีไทย และ 7. SMEs และการส่งเสริมการส่งออก
นอกจากนี้ ยังจัดให้มีหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank)และธนาคารออมสิน ที่เป็นกลไกส่งเสริม SMEs เพื่อรับขึ้นทะเบียน รวมไปถึงการบริการต่างๆ เช่น สินเชื่อเพื่อนวัตกรรมด้วย
ทั้งนี้ ผลงาน นวัตกรรมเด่นๆ ที่นำมาจัดแสดงในงานครั้งนี้ มีมากกว่า 300 ชิ้น โดยเป็นผลงานวิจัยของคนไทยทั้งสิ้น อาทิ รถตัดอ้อย ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตรถตัดอ้อยด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถตัดอ้อยได้ทุกสภาพแปลง กลไกชุดเก็บเกี่ยวมีประสิทธิภาพไม่ทำให้เกิดการดึงต้นอ้อยจากพื้นดิน ไม่ส่งผลกระทบต่อตออ้อยที่สอง ซึ่งบริษัทเอกชนไทย ผู้ผลิตรถตัดอ้อยนี้ สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้แก่ บราซิล อินเดีย กัมพูชา และอินโดนีเซีย
เครื่องเกี่ยว นวดข้าว มีแรงม้าตั้งแต่ 250-280 แรงม้า ราคาขายประมาณ 2.5-2.8 ล้านบาท สามารถวิ่งในนาหล่มได้ เมื่อเกี่ยวนวดข้าวแล้ว การสูญเสียไม่เกิน 3 % ขนาดรถประมาณ 5x10 เมตร ซึ่งจะสามารถทดแทนการนำเข้าได้
อุปกรณ์ทำฟัน ใช้พลังงานลมนิวเมติค ทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า และต่อยอดนวัตกรรม โดยประดิษฐ์เก้าอี้ทำฟันสำหรับผู้พิการและคนชรา
เสื้อเกราะกันกระสุน ที่สามารถป้องกันกระสุนได้ตามมาตรฐานยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์ข้าวในครัวเรือน มือกลช่วยคนพิการ เตาชีวมวล นวัตกรรมการจัดการน้ำ ฟิล์มบรรจุภัณฑ์ยืดอายุผลไม้ เภสัชรังสี เครื่องสำอางนาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีเพื่อการส่งออกฯลฯ
สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการ มีขึ้น 2 วัน คือวันที่ 27-28 มี.ค. เวลา 9.00–17.00 น. ซึ่งเป็นความร่วมมือของกระทรวงต่างๆ ที่จะนำเสนอผลงานนวัตกรรมไทย ที่มีศักยภาพพร้อมใช้ และมีมาตรฐานรองรับ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตลาดทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป โดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี จะเปิดงานอย่างเป็นทางการเวลา 11.30 น. วันที่ 27 มี.ค.
