xs
xsm
sm
md
lg

เผยเงื่อนไขเยียวยาสจล.1.5พันล.ลายเซ็นจริงแบงก์ไม่จ่าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลมีนบุรีสอบคำให้การ "ถวิล พึ่งมา" กับพวก คดีโกงเงิน สจล. แต่จำเลยยังแต่งตั้งทนายไม่เสร็จ จึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 22 มิ.ย. ด้านอดีตอธิการฯ ยันปฏิเสธทุกข้อหา เชื่อโดนปลอมลายเซ็น เผยเงื่อนไขแบงก์ไทยพาณิชย์ จะจ่ายเยียวยา 1.5 พันล้านให้ สจล. ต้องรอการพิสูจน์ว่าเป็นลายเซ็นปลอม แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ลายเซ็นเป็นของจริง ก็ไม่ต้องจ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว

เมื่อเวลา 14.15 น. วานนี้ (23 มี.ค.) ศาลจังหวัดมีนบุรี นัดสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำ อ. 1992/2558 พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีตผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.), นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ , น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ , นางสมบัติ โสประดิษฐ์ , นางระดม มัทธุจัด , นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ , นายภาดา บัวขาว , นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. , นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล. และนายศรุต ราชบุรี เป็นจำเลยที่ 1 - 11 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ , ร่วมกันปลอม และใช้เอกสารสิทธิปลอม , ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม , เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต , เป็นพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , ร่วมกันฟอกเงิน , สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือของผู้อื่นโดยทุจริต , สนับสนุนพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ

โดยเมื่อถึงเวลานัด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยที่ 1-8 มาจากเรือนจำพิเศษ มีนบุรี ส่วน นายถวิล จำเลยที่ 9, นายสรรพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 และนายศรุต จำเลยที่ 11 ซึ่งได้รับการประกันตัวได้เดินทางมารายงานตัวที่ศาลพร้อมด้วยทนายความ และมีญาติของจำเลยมาร่วมรับฟังการพิจารณา

ศาลได้สอบถามจำเลยทั้ง 11 คนแล้ว ทั้งหมดประสงค์จะขอแต่งตั้งทนายความส่วนตัว แต่จำเลยบางคนยังไม่ได้ทำเรื่องแต่งตั้งทนายความให้เสร็จสิ้น ศาลจึงได้เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน โดยนัดสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานอีกครั้ง ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.พร้อมกำชับให้จำเลยทุกคนต้องเดินทางมาศาลตามนัด และแต่งตั้งทนายความให้เรียบร้อย

ด้าน นายถวิล เปิดเผยว่า ตนได้เตรียมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาต่อศาล โดยยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโกงเงินของสจล. และเชื่อว่า เอกสารหลักฐานที่พนักงานสอบสวนกองปราบ สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการนั้น เป็นเอกสารปลอม เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะเป็นผู้เซ็นอนุมัติวงเงินกว่าพันล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะเดินหน้าต่อสู้คดีในชั้นศาลอย่างถึงที่สุด และไม่หนักใจแต่อย่างใด มั่นใจว่าการทุจริตที่เกิดขึ้นมีมาก่อนที่ตนจะดำรงตำแหน่ง อธิการบดี

ขณะที่นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความของนายถวิล กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งทีมทนายความ 8 คน เพื่อเข้ามาดูแลในคดีนี้ พร้อมเตรียมพยานฝ่ายจำเลยขึ้นเบิกความต่อศาล ประมาณ 7 ปาก โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของสจล. และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันว่านายถวิล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้

ส่วนการที่นายถวิล เซ็นลายเซ็นอนุมัติวงเงินนั้น เชื่อว่าน่าจะถูกปลอมแปลง โดยมีการทำเป็นขบวนการ และพร้อมจะเตรียมพิสูจน์ประเด็นเรื่องลายเซ็นในชั้นศาล นอกจากนี้ ได้เตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญากับ นายทรงกลด ศรีประสงค์ จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อศาลอาญา ในข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้รับโทษทางอาญา ภายหลังจากที่ นายทรงกลด ให้การปรักปรำ นายถวิล ในชั้นสอบสวนของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ทีมทนายความจะเข้าพบพ.ต.อ.
สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการทำธุรกรรมต่างๆ รวมทั้งจะเดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ข้อมูลว่า“บอส”คือใคร และยืนยันว่านายถวิล ไม่ใช่ “บอส”ตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมทั้งขอให้ทางดีเอสไอ พิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษด้วย

เผยเงื่อนไข"ลายเซ็นจริง"แบงก์ไม่จ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อ วันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวข้อตกลงร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรณีการยักยอกเงิน สจล. โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จะให้เงิน เพื่อดูแลความเสียหายในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท แก่ สจล. ตามมูลค่าความเสียหายที่ทาง สจล.ได้ประเมินไว้ แต่หากในที่สุดมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า สจล. มีความเสียหายที่แท้จริงน้อยกว่าวงเงินข้างต้น สจล. จะจ่ายคืนส่วนต่างให้แก่ธนาคาร

ทั้งนี้ การทำความตกลงข้างต้น ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อกลุ่มผู้ทุจริต ซึ่งทั้งสองสถาบันต่างยืนยันการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินคดีจนถึงที่สุด และต่อจากนี้ไปการให้ข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ให้เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานอัยการ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อรูปคดี

แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยกับ“ทีมข่าว ASTVผู้จัดการรายวัน”ว่า ข้อตกลงของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่จะยอมชดใช้เงินจำนวน 1.5 พันล้าน หรือจำนวนเต็มจากค่าความเสียหายนั้น ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่ไม่ปรากฏต่อสาธารณะก็คือ สจล. ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ลายเซ็นในเช็ค หรือเอกสารแต่ละใบนั้น เป็นลายเซ็นปลอม แต่ถ้าผลการพิสูจน์จากพนักงานสอบสวนว่า เป็นลายเซ็นจากผู้บริหาร สจล. จริง ทางธนาคารก็ไม่จำเป็นต้องชดใช้ หรือเยียวยาความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น

แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า เงื่อนไขดังกล่าวทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจตรงกัน จึงร่วมทำสัญญาต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งถือว่าธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้วิกฤตเป็นโอกาสอย่างเหมาะสม เนื่องจากภาพพจน์ความเสียหายจากข่าวโกงเงิน สจล. นับวันก็ยิ่งเข้าเนื้อไปทุกที ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของนายทรงกรด ศรีประสงค์ อดีต ผจก.ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตัวละครเอกของเรื่อง หรือ “บิ๊กบอส” ที่นายภาดา บัวขาว หรือ โอ๊ด พราด้า ผู้ต้องหาอีกคนที่หลุดปากออกมาโดยมีการตีความว่า“บิ๊กบอส”ผู้อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายทั้งหมดคือ ผู้บริหารของ สจล. หรือธนาคาร หรือกระทั่งเหตุการณ์ไฟลึกลับที่ลุกไหม้ห้องเก็บเอกสารชั้น 10 ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่เมื่อค่ำวันที่ 7 ก.พ. อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งล้วนแต่เป็นปมปริศนาในทางลบแก่ธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งสิ้น

“ตามหลักการแล้ว ถ้าพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายมาจากธนาคาร มาจากความเลินเล่อของพนักงาน ก็ไม่พ้นความรับผิดชอบอยู่แล้วจะปฏิเสธไม่ได้ ความน่าสนใจในตอนนี้จึงอยู่ผลพิสูจน์ของตำรวจว่าลายเซ็นต่างๆ ในเอกสารแต่ละใบนั้น เป็นของจริง หรือของปลอม ถ้าจริง ธนาคารไม่จำเป็นต้องจ่าย ถือว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าปลอม หรือมีข้อโต้แย้งต่างๆ เช่น มีทั้งจริงและปลอม ภาระต่างๆ จะกลับมาที่ธนาคาร แต่ถึงที่สุดแล้ว หากต้องจ่ายค่าความเสียหายถึง 1.5 พันล้าน ก็ยังถือว่าคุ้มค่า และเป็นทางเลือกที่ดีของไทยพาณิชย์" แหล่งข่าว กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น