xs
xsm
sm
md
lg

เลื่อนสอบคำให้การ “ถวิล พึ่งมา” กับพวกคดีโกงเงิน สจล. 22 มิ.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
ศาลมีนบุรีสอบคำให้การ “ถวิล พึ่งมา” กับพวกคดีโกงเงิน สจล. แต่จำเลยยังแต่งตั้งทนายไม่เสร็จ จึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 22 มิ.ย. นี้ ด้าน อดีตอธิการฯ ยันปฏิเสธทุกข้อหา เชื่อโดนปลอมลายเซ็น

เมื่อเวลา 14.15 น. วันนี้ (23 มี.ค.) ศาลจังหวัดมีนบุรี นัดสอบคำให้การจำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1992/2558 พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี อดีตผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.), นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 26 ปี, น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ อายุ 27 ปี, นางสมบัติ โสประดิษฐ์ อายุ 44 ปี, นางระดม มัทธุจัด อายุ 55 ปี, นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 32 ปี, นายภาดา บัวขาว อายุ 28 ปี, นายถวิล พึ่งมา อายุ 61 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.), นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 51 ปี อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล. และ นายศรุต ราชบุรี อายุ 54 ปี เป็นจำเลยที่ 1 - 11 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือของผู้อื่นโดยทุจริต, สนับสนุนพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ

คำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2555 เวลากลางวัน น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการส่วนการคลัง ได้ทำบันทึกถึง นายสมศักดิ์ คูหาสวรรค์เวช ผู้ช่วยอธิการบดี ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิการบดี (ในขณะนั้น) ขอถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง รวม 4 บัญชี เป็นเงินจำนวน 510,000,000 บาท ของ สจล. ผู้เสียหายที่ 1 เพื่อนำไปฝากบัญชีประเภทฝากประจำ ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการในขณะนั้น โดยอ้างว่าจะได้ผลประโยชน์สูงกว่าเดิม ซึ่งอธิการบดีขณะนั้นได้ลงนามอนุมัติ กระทั่งวันที่ 26 มิถุนายน 55 น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 ได้นำเงินดังกล่าวไปฝากเข้าบัญชี ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์ โดยให้ น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 นายถวิล อดีตอธิการบดี จำเลยที่ 9 นายสรรพสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี จำเลยที่ 10 และ น.ส.ระวิวรรณ นักวิชาการการเงินและบัญชี เป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินในบัญชีดังกล่าวได้

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2555 - 12 พ.ย. 2555 น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 และนายถวิล จำเลยที่ 9 ได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และมีจำเลยที่ 1, จำเลยที่ 3 - 8 และจำเลยที่ 10 - 11 ร่วมกันให้ความช่วยเหลือสนับสนุน น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 และ นายถวิล จำเลยที่ 9 ลักทรัพย์เอาเงินของ สจล. ผู้เสียหายที่ 1 ไปหลายครั้งหลายหน ขณะที่เงินอยู่ในความครอบครองของ ธ.ไทยพาณิชย์ ผู้เสียหายที่ 2 โดย นายถวิล จำเลยที่ 9 รู้เห็นและยินยอมให้นายสรรพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเงินได้ร่วมกับ น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 ถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝาก ธ.ไทยพาณิชย์ ผู้เสียหายที่ 2 ไป นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 9 - 11 ซึ่งเป็นพนักงานของ สจล. และจำเลยที่ 1, จำเลยที่ 3 - 8 กับพวกที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องยังร่วมกันฟอกเงินด้วยการนำเงิน 303,860,643.96 บาท ของ สจล. ผู้เสียหายที่ 1 โอนกลับเข้าบัญชีเงินฝาก ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน เพื่อไม่ต้องให้รับโทษหรือรับโทษน้อยลง

โดยเมื่อถึงเวลานัดเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยที่ 1 - 8 มาจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ส่วน นายถวิล จำเลยที่ 9, นายสรรพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 และ นายศรุต จำเลยที่ 11 ซึ่งได้รับการประกันตัว ได้เดินทางมารายงานตัวที่ศาลพร้อมด้วยทนายความ และมีญาติของจำเลยมาร่วมรับฟังการพิจารณา

ศาลได้สอบถามจำเลยทั้ง 11 คนแล้วทั้งหมดประสงค์จะขอแต่งตั้งทนายความส่วนตัว แต่จำเลยบางคนยังไม่ได้ทำเรื่องแต่งตั้งทนายความให้เสร็จสิ้น ศาลจึงได้เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน โดยนัดสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานอีกครั้ง ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับให้จำเลยทุกคนต้องเดินทางมาศาลตามนัดและแต่งตั้งทนายความให้เรียบร้อย

ด้าน นายถวิล เปิดเผยว่า ตนได้เตรียมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาต่อศาล โดยยืนยันว่า ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโกงเงินของ สจล. และเชื่อว่า เอกสารหลักฐานที่พนักงานสอบสวนกองปราบสรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการนั้นเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะเป็นผู้เซ็นอนุมัติวงเงินกว่าพันล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะเดินหน้าต่อสู้คดีในชั้นศาลอย่างถึงที่สุดและรู้สึกไม่หนักใจแต่อย่างใด มั่นใจว่าการทุจริตที่เกิดขึ้นมีมาก่อนที่ตนจะดำรงตำแหน่งอธิการบดี สจล.

ขณะที่ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความของนายถวิล กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งทีมทนายความจำนวน 8 คน เพื่อเข้ามาดูแลในคดีนี้ พร้อมเตรียมพยานฝ่ายจำเลยขึ้นเบิกความต่อศาลประมาณ 7 ปาก โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของ สจล. และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันว่า นายถวิล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ส่วนการที่นายถวิลเซ็นลายเซ็นอนุมัติวงเงินนั้น เชื่อว่า น่าจะถูกปลอมแปลงโดยมีการทำเป็นขบวนการ และพร้อมจะเตรียมพิสูจน์ประเด็นเรื่องลายเซ็นในชั้นศาล นอกจากนี้ ได้เตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญากับ นายทรงกลด ศรีประสงค์ จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อศาลอาญา ในข้อหาแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้รับโทษทางอาญา ภายหลังจากที่ นายทรงกลด ให้การปรักปรำ นายถวิล ในชั้นสอบสวนของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ทีมทนายความจะเข้าพบ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรมต่างๆ รวมทั้งจะเดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ข้อมูลว่า “บอส” คือใคร และยืนยันว่า นายถวิล ไม่ใช่ “บอส” ตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมทั้งขอให้ทางดีเอสไอพิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้พนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ตามที่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามสรุปสำนวน 3 ลัง 25 แฟ้ม รวมจำนวนกว่า 8,700 หน้า มาให้กับทางอัยการ โดยอัยการได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นจำเลยต่อศาลรวม 11 รายเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่ยังไม่ได้ยื่นฟ้องต่อศาล เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนี ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด, นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ซึ่งยังไม่สามารถติดตามตัวได้








กำลังโหลดความคิดเห็น