xs
xsm
sm
md
lg

อัยการยื่นฟ้อง “ถวิล พึ่งมา” พร้อมพวก คดียักยอกเงิน สจล.-ศาลนัดสอบคำให้การ 23 มี.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายถวิล พึ่งมา อายุ 61 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง สจล. (แฟ้มภาพ )
อัยการจังหวัดมีนบุรี ยื่นฟ้องผู้ต้องหายักยอกทรัพย์ สจล. รวม 11 คน “ทรงกลด ศรีประสงค์” อดีต ผจก.แบงก์ จำเลยที่ 1, อดีต ผอ.คลัง จำเลยที่ 2 ส่วน “ถวิล พึ่งมา” อดีตอธิการบดี และ “สรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์” อดีต ผช.อธิการฯ เป็นจำเลยที่ 9 และ 10 ตามลำดับ ศาลนัดสอบคำให้การ 23 มี.ค. นี้

ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ วันนี้ (17 มี.ค.) พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (อัยการจังหวัดมีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี, นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 26 ปี, น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ อายุ 27 ปี, นายสมบัติ โสประดิษฐ์ อายุ 44 ปี, นางระดม มัทธุจัด อายุ 55 ปี, นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 32 ปี, นายภาดา บัวขาว อายุ 28 ปี, นายถวิล พึ่งมา อายุ 61 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.), นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 51 ปี อดีตผู้ช่วยอธิการบดี และ นายสลุต ราชบุรี อายุ 54 ปี เป็นจำเลยที่ 1 - 11 ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต, สนับสนุนพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 4, 8, 11 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 10 และ 60

คำฟ้องระบุพฤติการณ์พวกจำเลยว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 55 เวลากลางวัน น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการส่วนการคลัง ได้ทำบันทึกถึง นายสมศักดิ์ คูหาสวรรค์เวช ผู้ช่วยอธิการบดี ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิการบดี (ในขณะนั้น) ขอถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง รวม 4 บัญชี เป็นเงินจำนวน 510,000,000 บาท ของ สจล. ผู้เสียหายที่ 1 เพื่อนำไปฝากบัญชีประเภทฝากประจำ ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการในขณะนั้น โดยอ้างว่าจะได้ผลประโยชน์สูงกว่าเดิม ซึ่งอธิการบดีขณะนั้นได้ลงนามอนุมัติ กระทั่งวันที่ 26 มิ.ย. 55 น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 ได้นำเงินดังกล่าวไปฝากเข้าบัญชี ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์ โดยให้ น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 นายถวิล อดีตอธิการบดี จำเลยที่ 9 นายสรรพสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี จำเลยที่ 10 และ น.ส.ระวิวรรณ นักวิชาการการเงินและบัญชี เป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินในบัญชีดังกล่าวได้

ต่อมา 19 ก.ค. 2555 - 12 พ.ย.2555 น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 และนายถวิล จำเลยที่ 9 ได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และมีจำเลยที่ 1, จำเลยที่ 3-8 และจำเลยที่ 10 - 11 รวมกันให้ความช่วยเหลือสนับสนุน น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 และนายถวิล จำเลยที่ 9 ลักทรัพย์เอาเงินของ สจล. ผู้เสียหายที่ 1 ไปหลายครั้งหลายหน ขณะที่เงินอยู่ในความครอบครองของ ธ.ไทยพาณิชย์ ผู้เสียหายที่ 2 โดย นายถวิล จำเลยที่ 9 รู้เห็นและยินยอมให้นายสรรพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเงินได้ร่วมกับ น.ส.อำพร จำเลยที่ 2 ถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากธนคารไทยพาณิชย์ ผู้เสียหายที่ 2 ไป นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 9 - 11 ซึ่งเป็นพนักงานของ สจล. และจำเลยที่ 1, จำเลยที่ 3 - 8 กับพวกที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องยังร่วมกันฟอกเงินด้วยการนำเงิน 303,860,643.96 บาท ของ สจล. ผู้เสียหายที่ 1 โอนกลับเข้าบัญชีเงินฝาก ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน เพื่อไม่ต้องให้รับโทษหรือรับโทษน้อยลง โดยศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1992/2558 พร้อมนัดสอบคำให้การ วันที่ 23 มี.ค. เวลา 13.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานพร้อมสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 14 รายส่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 11 (อัยการจังหวัดมีนบุรี) เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีผู้ต้องหา 3 ใน 14 รายหลบหนียังไมได้ตัวมาฟ้องในวันนี้ ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด, นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ

นายพูนศักดิ์ อุทกภาชน์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 11 (มีนบุรี) กล่าวว่า ในวันนี้ทางคณะทำงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวรวมทั้งหมด 14 ราย ซึ่งมีจำเลยบางรายจะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายในวันนี้ คือ นายทรงกลด ศรีประสงค์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ทั้งนี้ หลังจากที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว จากนั้นในช่วงบ่ายทางอัยการได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 11 รายในคดี สจล. เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดมีนบุรี แต่ทางอัยการก็ไม่ได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด โดยการยื่นฟ้องคดีในวันนี้ตัวจำเลยไม่ได้เดินทางมาที่ศาล เนื่องจากจำเลยทั้งหมดถูกฝากขังและถูกควบคุมตัวอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว ส่วนจำเลยที่ยังหลบหนีอยู่และยังไม่ได้ตัวมาอีก 3 ราย ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ และ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ทางอัยการยังไม่ได้ดำเนินการยื่นฟ้องคดีต่อศาล เพราะต้องรอให้ได้ตัวจำเลยมาก่อน

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ศาลได้นัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 23 มี.ค. เวลา 13.00 น. ซึ่งตัวจำเลยที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษมีนบุรี ศาลก็จะออกหมายเบิกตัวมาจากเรือนจำเพื่อมาสอบคำให้การในวันดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวนั้น ศาลก็จะออกหมายเรียกเพื่อให้มารายงานตัวต่อศาลและนัดสอบคำให้การด้วยเช่นกัน โดยศาลจะอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยรับทราบและสอบถามว่าจำเลยทั้งหมดจะให้การรับสารภาพหรือให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ยังหลบหนีอยู่นั้นทางอัยการจะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวมาฟ้องศาลต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น