xs
xsm
sm
md
lg

กองปราบส่งสำนวนฉ้อโกง สจล.หนากว่า 8 พันหน้า ส่งฟ้องต่ออัยการแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


กองปราบส่งสำนวนฉ้อโกง สจล. หนากว่า 8 พันหน้า ส่งฟ้องต่ออัยการแล้ว สรุปผู้ต้องหา 14 ราย 5 ข้อหาหนัก แต่ละรายถูกแจ้งไม่เท่ากัน ยังหลบหนีอีก 3 ราย เผยเงินสูญหายคาบเกี่ยวปี 56 - 57 กำลังสืบสวนสอบสวนต่อ



เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (9 มี.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. มอบหมายให้ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีฉ้อโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 1,474 ล้านบาท นำสำนวนคดีซึ่งมี 25 แฟ้ม หนากว่า 8,700 หน้า ส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ ศาลจังหวัดมีนบุรี โดยมี พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ร่วมตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนขนแฟ้มสำนวนคดีขึ้นท้ายรถกระบะ โดยมีรถวิทยุสายตรวจ บก.ป. คอยคุ้มกัน

พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า คดีนี้เป็นไปตามที่ได้มีมติของคณะพนักงานสอบสวนซึ่งมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ประกอบด้วย นายทรงกลด ศรีประสงค์, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์, นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์, นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ, นางสมบัติ โสประดิษฐ์, น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์, นางระดม มัทธุจัด

นายภาดา บัวขาว, นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด (หลบหนี), นายสมพงษ์ สหพรอุดมการ (หลบหนี), นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ (หลบหนี), ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล., นายศรุต ราชบุรี และ ผศ.ดร.สรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดี สจล.

พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหารวม 5 ข้อหาหลัก ได้แก่ ร่วมกันลักทรัพย์, ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, เป็นเจ้าพนักงานรัฐซึ่งมีหน้าที่ทำหรือจัดการหรือรักษาทรัพย์เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไป, เป็นเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และข้อหาฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ประกอบมาตรา 157, 264, 265, 268, 334 ประกอบมาตรา 83, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของเจ้าพนักงานรัฐ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5(1)

ส่วนผู้ต้องหาที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ทางพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาให้การสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดฐานลักทรัพย์ โดยแต่ละรายจะถูกแจ้งข้อหาไม่เท่ากัน ตามแต่ความเกี่ยวข้องว่าได้กระทำความผิดในส่วนใด

พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ จะนำสำนวนคดีส่งต่ออัยการ เพื่อให้ตรวจสำนวนและมีความเห็นในคดีต่อไป ส่วนแฟ้มคดีที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 แฟ้ม เป็นส่วนที่แยกออกมาเพราะต้องจัดเป็นหมวดหมู่ อันนี้หากไปอยู่รวมกันแล้วจะเป็นการลำบากต่อผู้ที่ตรวจสอบ จึงแยกออกมาให้มีความชัดเจน สำหรับสำนวนคดีครั้งนี้เป็นช่วงระยะเวลาเกิดเหตุระหว่างปี 2555 - 2556 ส่วนก่อนหน้านั้นหรือระหว่างที่คาบเกี่ยวปี 2556 - 2557 กำลังดำเนินการ คือ ที่พบว่ามีเงินของ สจล. สูญหายไป ก็ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป

ส่วนบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องมีทั้งหมด 4 บัญชี เป็นของธนาคารไทยพาณิชย์ 3 บัญชี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1 บัญชี รวมมูลค่ากว่า 1,040 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ 3 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ นายสมพงษ์ และ นายธวัชชัย ยังไม่มีรายใดที่ติดต่อขอมอบตัว โดยเฉพาะนายกิตติศักดิ์ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ขณะที่อีก 2 รายมีการประสานเบื้องต้นมาหลายครั้งว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่แล้วก็ไม่ได้เข้ามอบตัวแต่อย่างใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวน ที่จะติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด  อาคารมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ  พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.6 บก.ป.  พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว  ได้นำสำนวนการสอบสวนคดีลักเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)  จำนวน 3 ลัง 25 แฟ้ม  รวมจำนวนกว่า 8,700 หน้า  พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวมจำนวน 14 ราย  ส่งมอบให้กับ นายพูนศักดิ์ อุทกภาชน์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา11  เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดี

พ.ต.อ.พงษ์ไสว  กล่าวว่า  พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีดังกล่าวส่งให้กับอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดี  ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14ราย ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ,ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม , เป็นเจ้าพนักงานรัฐซึ่งมีหน้าที่ทำหรือจัดการหรือรักษาทรัพย์เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไป , เป็นเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และข้อหาฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147 ประกอบมาตรา 157 , 264 , 265 , 268 , 334 ประกอบมาตรา 83 ,พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของเจ้าพนักงานรัฐ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5 (1) เพื่อให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดีต่อไป

ด้านนายพูนศักดิ์  กล่าวว่า  หลังจากรับสำนวนคดีสจล.ที่เจ้าหน้าที่กองปราบส่งมาให้กับทางอัยการแล้ว  จากนั้นตนก็จะรายงานไปยัง นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ในฐานะผู้บังคับบัญชาให้รับทราบ โดยอาจจะมีการตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นเพื่อร่วมพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่มีความสำคัญและประชาชนให้ความสมใจ  แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากคดีนี้มีผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ที่จะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 17 มีนาคมนี้  ทางอัยการจึงได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 17 มีนาคมดังกล่าว ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีในชั้นสอบสวนอยู่อีก 3 รายนั้น   ถ้าหากทางอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีแล้ว ตามขั้นตอนก็จะเสนอเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น