ASTVผู้จัดการรายวัน-เผยคำสั่ง "บิ๊กตู่" สั้งตั้งกรรมการสอบ สปสช. สยบม็อบประชาคม สธ. บุกยื่นหนังสือ เผยส่วนใหญ่พอใจที่สอบทั้ง 2 ฝ่าย ย้ำขอดูรายชื่อกรรมการ และรายละเอียดการตรวจสอบด้วย เผยยังคงต้านเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ ยันงานบริการประชาชนไม่เสียหาย ด้าน "หมอณรงค์" เข้าให้ข้อมูล ป.ป.ท. ปมจัดสรรงบบัตรทอง ยันยินดีให้ตรวจสอบไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีเรื่องอะไร
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) เปิดเผยถึงการแสดงออกของประชาคมสาธารณสุข ว่า ล่าสุดโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ยังคงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่อยู่ในพื้นที่เป็นหลัก ไม่ได้มีการสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ยังให้บริการประชาชนด้วยคุณภาพเหมือนเดิม ส่วนตนเป็นหนึ่งในนักวิชาการคณะกรรมาธิการสาธารณสุขของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะมีการประชุมทุกวันพุธทุกสัปดาห์ ทำให้จำเป็นต้องออกนอกพื้นที่ ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงเข้าใจดี เพราะได้หารือและทำความเข้าใจกันไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนการเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นหารือกับประชาคมสาธารณสุขแล้ว อาจจะยังไม่มีการยื่น เพราะนายกฯ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แล้ว แสดงว่านายกฯ ให้ความสำคัญ เพราะสอบทั้ง 2 ฝ่าย เหลือเพียงผลสอบจะเป็นเช่นไร ซึ่งอยากขอให้เปิดเผยรายชื่อกรรมการด้วย รวมถึงรายละเอียดการตรวจสอบ
"พวกเราอยากให้มีการเดินหน้านโยบายสุขภาพระดับชาติ โดยการตั้งคณะกรรมการควบคุมนโยบายระบบสาธารณสุขแห่งชาติขึ้น โดยจากข่าวเห็นว่านายกฯ ได้ให้นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ช่วยงานด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ก็อยากให้มีการเดินหน้าเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณด้านสุขภาพ อย่างกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นอะไรที่ควรติดตามอย่างยิ่ง" พญ.ประชุมพร กล่าว
นพ.ธานินทร์ ศรีวราภรณ์สกุล ประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) และผอ.รพ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการหารือกันในประชาคมสาธารณสุขเห็นว่าการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกฯ เพื่อขอความเป็นธรรมให้ระบบสาธารณสุขนั้น กลับถูกบางกลุ่มมองว่าเป็นการไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่ที่หยุดเป็นเพราะไม่ต้องการสร้างปัญหา และทำให้รัฐบาลไม่สบายใจ และจะจับตามองว่า หลังจากนี้ระบบสาธารณสุขจะเป็นเช่นไร โดยชาวประชาคมสาธารณสุขยังยืนยันขอแสดงออกในพื้นที่ คือ โรงพยาบาลของตนเอง โดยส่วนใหญ่เป็นการแต่งชุดดำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (18 มี.ค.) นพ.ณรงค์ ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัยและพัฒนางานด้านสุขภาพแห่งชาติ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อเข้าให้ข้อมูลกรณีการสอบข้อเท็จจริงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ท.ให้ช่วยมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ สปสช. ในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เคยพูดไปแล้ว ทั้งการจัดสรรงบบัตรทอง ที่มีความเห็นต่าง แต่รายละเอียดตนไม่ขอพูด ให้ ป.ป.ท.เป็นผู้ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า นพ.ณรงค์ ไม่สนองตอบนโยบาย และหลายฝ่ายตั้งคำถามที่ปลัดสาธารณสุข ไม่ติดตามลงพื้นที่ทำงานร่วมกับทีมรัฐมนตรี นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอตอบโต้ ไม่อยากให้เป็นการสื่อสารตอบโต้ไปมา ขอให้พิจารณาเนื้องานที่ผ่านมาดีกว่า โดยในเรื่องไม่สนองตอบนโยบาย ก็ขอให้ดูที่นโยบายการทำงาน ส่วนกรณีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบปลัดนั้น ยินดีให้ตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ ยังไม่เห็นหนังสือให้ชี้แจง หรือรายละเอียดที่ว่าตนไม่ตอบสนองนโยบายมีอะไรบ้าง แต่เชื่อว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยหนังสือน่าจะส่งมาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่ตนทำงานอยู่ขณะนี้
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงแนวทางการสร้างสุขภาพจิตดีท่ามกลางความขัดแย้งภายในกระทรวงสาธารณสุขว่า เรื่องนี้ทุกฝ่ายต่างต้องการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งการคิดเห็นแตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิด ดังนั้น อะไรที่เห็นแตกต่างกัน อย่าพยายามพูดหรือกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง แต่ควรเปิดใจยอมรับและรับฟัง เพราะบางอย่างสิ่งที่เราคิดอาจถูกแค่ด้านเดียว แต่หากรับฟัง เราจะได้รับความคิดเห็นที่กว้างขึ้น อย่าคิดว่าใครพวกใคร เข้าข้างใคร ไม่เช่นนั้นทำงานกันไม่ได้
“เริ่มจากต้องยิ้มให้กัน และพูดคุยกันอย่างเปิดใจดีที่สุด ส่วนกรณีที่ขณะนี้ มีการแชร์ข้อมูลผ่านโลกออนไลน์เกี่ยวกับสถานการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ทำได้ แต่ต้องระวัง โดยเฉพาะคนที่เสพสื่อเหล่านี้มากเกินไป ก็ควรปิดรับเสียบ้าง ทุกอย่างจะดีขึ้น และควรใช้วิกฤตเป็นโอกาสในการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น” พญ.พรรณพิมลกล่าว
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) เปิดเผยถึงการแสดงออกของประชาคมสาธารณสุข ว่า ล่าสุดโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ยังคงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่อยู่ในพื้นที่เป็นหลัก ไม่ได้มีการสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร ยังให้บริการประชาชนด้วยคุณภาพเหมือนเดิม ส่วนตนเป็นหนึ่งในนักวิชาการคณะกรรมาธิการสาธารณสุขของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะมีการประชุมทุกวันพุธทุกสัปดาห์ ทำให้จำเป็นต้องออกนอกพื้นที่ ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงเข้าใจดี เพราะได้หารือและทำความเข้าใจกันไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนการเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นหารือกับประชาคมสาธารณสุขแล้ว อาจจะยังไม่มีการยื่น เพราะนายกฯ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แล้ว แสดงว่านายกฯ ให้ความสำคัญ เพราะสอบทั้ง 2 ฝ่าย เหลือเพียงผลสอบจะเป็นเช่นไร ซึ่งอยากขอให้เปิดเผยรายชื่อกรรมการด้วย รวมถึงรายละเอียดการตรวจสอบ
"พวกเราอยากให้มีการเดินหน้านโยบายสุขภาพระดับชาติ โดยการตั้งคณะกรรมการควบคุมนโยบายระบบสาธารณสุขแห่งชาติขึ้น โดยจากข่าวเห็นว่านายกฯ ได้ให้นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ช่วยงานด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ก็อยากให้มีการเดินหน้าเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณด้านสุขภาพ อย่างกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นอะไรที่ควรติดตามอย่างยิ่ง" พญ.ประชุมพร กล่าว
นพ.ธานินทร์ ศรีวราภรณ์สกุล ประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) และผอ.รพ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการหารือกันในประชาคมสาธารณสุขเห็นว่าการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกฯ เพื่อขอความเป็นธรรมให้ระบบสาธารณสุขนั้น กลับถูกบางกลุ่มมองว่าเป็นการไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่ที่หยุดเป็นเพราะไม่ต้องการสร้างปัญหา และทำให้รัฐบาลไม่สบายใจ และจะจับตามองว่า หลังจากนี้ระบบสาธารณสุขจะเป็นเช่นไร โดยชาวประชาคมสาธารณสุขยังยืนยันขอแสดงออกในพื้นที่ คือ โรงพยาบาลของตนเอง โดยส่วนใหญ่เป็นการแต่งชุดดำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (18 มี.ค.) นพ.ณรงค์ ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัยและพัฒนางานด้านสุขภาพแห่งชาติ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อเข้าให้ข้อมูลกรณีการสอบข้อเท็จจริงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ท.ให้ช่วยมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ สปสช. ในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เคยพูดไปแล้ว ทั้งการจัดสรรงบบัตรทอง ที่มีความเห็นต่าง แต่รายละเอียดตนไม่ขอพูด ให้ ป.ป.ท.เป็นผู้ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า นพ.ณรงค์ ไม่สนองตอบนโยบาย และหลายฝ่ายตั้งคำถามที่ปลัดสาธารณสุข ไม่ติดตามลงพื้นที่ทำงานร่วมกับทีมรัฐมนตรี นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอตอบโต้ ไม่อยากให้เป็นการสื่อสารตอบโต้ไปมา ขอให้พิจารณาเนื้องานที่ผ่านมาดีกว่า โดยในเรื่องไม่สนองตอบนโยบาย ก็ขอให้ดูที่นโยบายการทำงาน ส่วนกรณีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบปลัดนั้น ยินดีให้ตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ ยังไม่เห็นหนังสือให้ชี้แจง หรือรายละเอียดที่ว่าตนไม่ตอบสนองนโยบายมีอะไรบ้าง แต่เชื่อว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยหนังสือน่าจะส่งมาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่ตนทำงานอยู่ขณะนี้
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงแนวทางการสร้างสุขภาพจิตดีท่ามกลางความขัดแย้งภายในกระทรวงสาธารณสุขว่า เรื่องนี้ทุกฝ่ายต่างต้องการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งการคิดเห็นแตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิด ดังนั้น อะไรที่เห็นแตกต่างกัน อย่าพยายามพูดหรือกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง แต่ควรเปิดใจยอมรับและรับฟัง เพราะบางอย่างสิ่งที่เราคิดอาจถูกแค่ด้านเดียว แต่หากรับฟัง เราจะได้รับความคิดเห็นที่กว้างขึ้น อย่าคิดว่าใครพวกใคร เข้าข้างใคร ไม่เช่นนั้นทำงานกันไม่ได้
“เริ่มจากต้องยิ้มให้กัน และพูดคุยกันอย่างเปิดใจดีที่สุด ส่วนกรณีที่ขณะนี้ มีการแชร์ข้อมูลผ่านโลกออนไลน์เกี่ยวกับสถานการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ทำได้ แต่ต้องระวัง โดยเฉพาะคนที่เสพสื่อเหล่านี้มากเกินไป ก็ควรปิดรับเสียบ้าง ทุกอย่างจะดีขึ้น และควรใช้วิกฤตเป็นโอกาสในการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น” พญ.พรรณพิมลกล่าว