xs
xsm
sm
md
lg

รวยเพราะ “เฮง-เก่ง-โกง”? ช่องทางรวยที่หนึ่ง-ของ-ธุรกิจการเมือง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

เรื่องจริงนี้..ไม่เกี่ยวกับคนที่รวยอย่างถูกทำนองครองธรรม หรือร่ำรวยจาก“เฮง”และ“เก่ง”

แต่ข้อเขียนนี้จะกล่าวถึง เฉพาะพวกพ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน แต่ทะลึ่งร่ำรวยอย่างมหาศาล ร่ำรวยโดยไร้เหตุผลหรือหาที่ไปที่มาของเงินไม่ได้เท่านั้น

หมายถึง-พวกรวยแบบสีเทา รวยแบบสีดำ รวยเพราะโกงคนอื่น หรือคอรัปชั่นโกงชาตินั่นเอง!

เส้นทางที่ทำให้ “คนชั่ว” ร่ำรวยได้ มีหลาย “ช่องทาง” แล้วแต่ศักยภาพของแต่ละคน

หนึ่งในช่องทางรวย - ที่นักธุรกิจการเมืองรวยลัด-รวยเร็ว-รวยมหาศาล คือ

นักธุรกิจการเมืองคนใดสนิทหรือซื้อตัว อธิการบดี-อธิบดี-ปลัดกระทรวงได้ ก็เข้าสู่โอกาสที่จะรวยทางลัดสูงมาก ดังเช่น

รายแรก - เป็นบริษัทก่อสร้างที่รวยเงียบ ซึ่งสนิทกับอธิการบดี“มหาลัย”บางแห่ง ที่อยู่ในตำแหน่งนานจน“รากงอก” จึงได้งานก่อสร้างใน“มหาลัย”มากมาย แถมการขยายวิทยาเขตไปจังหวัดต่างๆ บริษัทรับ
เหมาก่อสร้างนี้ก็โผล่ไปรับงานเป็นอาจินต์

แม้แต่คฤหาสน์มโหฬารนับร้อยล้านของอธิการบดี บริษัทแห่งนี้ก็สร้างให้ งานนี้เขาว่า..ท่านอธิการบดีมีเงินหลายพันล้านบาท ส่วนบริษัทก่อสร้างแห่งนี้รวยเป็นหมื่นล้านเลย

รายสอง - สนิทกับนักการเมืองและข้าราชการใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ร่ำรวยอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอธิบดีที่เกี่ยวข้องกับงานสร้างถนน นักธุรกิจคนนี้ทำธุรกิจที่บริษัทสร้างถนนต้องใช้ นั่นคือ “ยางมะตอย”

วิธีการผูกขาดการขายยางมะตอย คือ ทำสัญญาผูกขาดซื้อยางมะตอย จากแหล่งผลิตทั้งหมดมาไว้ในกำมือ ทำให้ทางราชการและผู้รับเหมาสร้างถนน ต้องซื้อยางมะตอยของตนแต่เพียงผู้เดียวไงล่ะ

นักธุรกิจ “ยางดำ” คนนี้ สนิทกับนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรี-ปลัด-อธิบดีบางคนเป็น “พิเศษ” ให้บริการกันลึกซึ้งมากจาก “ธนาคาร” ยัน “เตียงนอน” สส.บางคนที่ไม่รู้สายสนกลใน ดันไปข่มขู่ตบทรัพย์นักธุรกิจ “ยางดำ” คนนี้เข้า จึงโดนตำรวจจับชนิดคาหนังคาเขา จนต้องติดคุกนานกว่า 10 ปีไปเลย

รายสาม - เป็นบริษัทก่อสร้างระดับกลาง ที่สนิทกับอธิบดีกรมโยธาคนหนึ่ง ดังนั้น เจ้าของธุรกิจก่อสร้างผู้นี้ จะรู้ความลับการตัดถนนทุกเส้นก่อนชาวบ้าน จึงแอบไปซื้อที่ดินสองฟากฝั่งจากชาวบ้าน ในราคาถูกมาไว้ในกำมือมากมาย แล้วทยอยขายในราคาแพงหลังถนนเสร็จ ได้กำไรมหาศาลมาแบ่งกับข้าราชการบางคนไงล่ะ

ในห้วงที่รู้จักกับอธิบดีกรมโยธานั้น นักธุรกิจผู้นี้ร่ำรวยนับพันล้าน แต่ปัจจุบันเขารวยเป็นหมื่นล้านจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครับ

รายสี่ - เป็นบริษัทก่อสร้างใหญ่แถวอีสาน พ่อเจ้าของบริษัทสนิทสนม กับทหารใหญ่ยุค“อาทิตย์สาดแสง” ในยุคสงครามคอมมิวนิสต์ระบาด ดังนั้น นอกจากรับงานก่อสร้างที่กรมทางหลวง กับหน่วยราชการอื่นๆแล้ว ยังทำเงินจากงานสร้างถนน เข้าไปในพื้นที่อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ด้วย

ยุคนั้นถนนในชนบทลาดยางมะตอย 2 เลน ปกติราคากิโลเมตรละ 2-3 ล้านบาทเท่านั้น แต่ข้ออ้างเพื่อความมั่นคงของชาติ ที่ต้องสร้างถนนเข้าไปปราบคอมมิวนิสต์ ราคาสร้างถนนจาก 2-3 ล้านบาท จึงเพิ่มเป็น 12-13 ล้านบาทต่อกิโลเมตร เพราะเสี่ยงอันตรายจากคอมมิวนิสต์นั่นเอง

เรื่องบริษัทนี้ยังมีอีกเยอะ เพราะรุ่นลูกได้เป็นนักการเมืองใหญ่ เป็นรมต.หลายยุคหลายกระทรวง!

รายห้า - เคยเป็นอู่ซ่อมรถยนต์แถวสุทธิสาร มีฝีมือในการซ่อมรถดี มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีความรับผิด
ชอบสูง ให้บริการลูกค้าแบบใจถึงใจ ทำให้“เจ้ากรมทหารฯ”ผู้หนึ่ง ที่เป็นลูกค้าขาประจำติดอกติดใจ ถึงกับโยนงานก่อสร้างชิ้นหนึ่งให้ทำ

ผลงานแรกเสร็จสิ้นด้วยดี เจ้ากรมฯ จึงมอบงานชิ้นสอง-สาม-สี่-ห้า.. ในที่สุดอู่ซ่อมรถยนต์ก็ถูกเปลี่ยน เป็นบริษัทรับเหมางานก่อสร้างกับทางราชการ ทั้งจากกรมทหารช่าง กรมทางหลวง กรมโยธาธิการ การทางพิเศษ ฯลฯ

ยุคที่เหลี่ยมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน บริษัททั้งหลายจะได้งานของรัฐ ต้องยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะ ให้เหลี่ยม-เมียเหลี่ยม-น้องเหลี่ยม-รมต.ขี้ข้าเหลี่ยม เป็นค่า “เก๋าเจี๊ยะ”หรือ “หมาแด๊ก”ไม่ต่ำกว่า 50%

บริษัทนี้จึงหลบพายุคอร์รัปชั่นในไทย ไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของไทยแทน

เห็นไหมล่ะว่า..สนิทแค่เจ้ากรมทหารช่างคนหนึ่ง ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความร่ำรวยได้!

แน่นอน..จะรับงานจากกระทรวงอื่นๆ ก็ต้องบริการแบบ“ใจถึง-เงินถึง-สาวถึงใจ” ดังนั้น สาวสวยระดับนางงาม-นางแบบ-นักร้อง-ดาราดังๆ จึงพร้อมถูกเสิร์ฟถึงเตียงนอนตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังพร้อมจ่าย “เงินตามน้ำ” ล่วงหน้า 5% บ้าง 10 % บ้าง

ค่าคอมมิชชั่น “ตามน้ำ” ก่อนยุคเหลี่ยมนั้น สวาปามเงินใต้โต๊ะไม่มาก ต่างจากยุคเหลี่ยม-เมียเหลี่ยม-น้องเหลี่ยม-รมต.ขี้ข้าเหลี่ยม ซึ่งจ่ายกันไม่ต่ำกว่า 50 % บางงานยังบวกเพิ่มอีก 100-200 %

รายหก - เป็นบริษัทก่อสร้าง 2 แห่ง ซึ่งสนิทกับนักการเมืองใหญ่ในภาคกลาง จนมีข่าวลือว่าเป็นหุ้นส่วนกัน บริษัททั้ง 2 นี้รับงานราชการมากมาย ยิ่งยุคนักการเมืองใหญ่คนนั้นเป็นนายกฯ งานก่อสร้างทั้งประมูลและไม่ต้องประมูล ไหลมาเทมาราวฤดูน้ำหลาก โดยเฉพาะงานสร้างเขื่อนใหญ่ๆบางแห่ง ค่าก่อสร้างให้เสร็จแบบเร่งด่วนนั้น-ราคาแพงลิบลิ่ว..

รายเจ็ด - นักธุรกิจคนนี้สนิทกับอธิบดี และข้าราชการเกือบทั้งกรม จนแทบจะผูกขาดการตัดไม้ในชาติไทย คนผู้นี้จะตัดไม้ตามพื้นที่สัมปทาน และตัดไม้เลยออกนอกพื้นที่ได้รับสัมปทาน โดยนักการเมืองและข้าราชการใหญ่ ที่มีหน้าที่ปกป้องป่าไม้ของชาติ จงใจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แบบหน้าด้านๆ

เมื่อถึงวันสำคัญๆของชาติ หรือของผู้ใหญ่ในกรม เช่น วันปีใหม่-วันเกิดกรม-กระทรวง-รมว.-อธบ. โดยเฉพาะวันตรุษจีน ท้ายรถนักธุรกิจค้าไม้คนนี้ จะมีซองแดงใส่เงินมากน้อยแตกต่างกันไป เรียกว่าแจก “อั่งเปา” กันแทบทั้งกรม ตั้งแต่ฝ่ายการเงิน-วิชาการ-ปราบปราม ฯลฯ ไปจนถึง อธบ.และปลัดฯ กันเลยล่ะ

งานเลี้ยงวันเกิดผู้ใหญ่บางคน ในยามค่ำคืนมักจบลงด้วยนางแบบนู้ด ที่เปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆจนล่อนจ้อน จบงานด้วยสาวสวยบางคนถูกส่งตัวขึ้นเตียง..

วงการธุรกิจสีเทาและสีดำ การแย่งชิงอำนาจและเงิน เป็นการต่อสู้ที่เอาเป็นเอาตาย และมักมีคลื่นลูกใหม่ไล่คลื่นลูกเก่าเสมอ นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล ในธุรกิจทำลายป่าไม้ทั่วประเทศไทยคนนี้ จึงโดนมือปืนยิงตายคาที่ในกรุงเทพฯ ก่อนที่นักธุรกิจทำลายป่าไม้รุ่นใหม่ จะเข้ารับช่วงงานทำลายป่าไม้ของชาติต่อ..

ครั้งหนึ่ง..รมว.ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ได้ตั้งอธิบดีคนหนึ่งพร้อมพูดว่า “ผมให้คุณบินก่อนจ่ายทีหลัง” แต่เป็นอธบ.อยู่ได้ไม่นาน รมว.ก็เรียกพบพร้อมชูมือ ที่เขียนตัวเลข 30 ให้ดู

อธบ.จึงรู้ว่า..ต้องจ่าย 30 ล้านบาท และต้องจ่ายอีกเดือนละ 2 ล้านบาทด้วยนะ

อธบ.เถรตรงคนนี้แทบเป็นลมล้มพับฉับพลัน เงิน 30 ล้านบาท บวกอีก 2 ล้านบาทต่อเดือน เท่ากับ 24 ล้านบาทต่อปี รวมแล้วการเป็น อธบ.ปีแรก ต้องจ่ายเงิน 54 ล้านบาท

หากเป็น อธบ. “เขี้ยวลากดิน” ก็แค่ออกปากให้พ่อค้าอาชีพทำลายป่า ลงขันจ่ายเงินแทนอธบ.ได้ทันที เพราะพ่อค้าทั้งหลายจะได้ตัดไม้กันทั้งปี แถมขนไม้หนีภาษีจากลาว-พม่า เข้าไทยได้สะดวกโยธิน คุ้มกับเงินแค่ 54 ล้านบาทแน่นอน

แต่อธบ.เถรตรงคนนี้ ขอลาออกก่อนเกษียณราชการ หลังเป็น อธบ.แค่แป๊บเดียว!

นี่ยังไม่รวมรมว.บ้าๆบางคน ให้ข้าราชการคนหนึ่งที่ใกล้เกษียณ ได้เป็น อธบ.แค่ 20 กว่าวัน หลังจ่ายเงินสด 12 ล้านบาทให้นักการเมือง และ อธบ.คนนี้ก็ขายตำแหน่งนี้อีกทอด ให้กับอธิบดีคนใหม่ในราคา 17 ล้านบาท ได้เป็นทั้ง อธบ.และกำไร 5 ล้านบาทเฉยเลย

ป่าไม้ไทย-จึงถูกทำลายกันแบบวินาศสันตะโร จนแทบไม่เหลือป่าให้เห็นกันแล้วในวันนี้ไงครับ!

(สุดสัปดาห์หน้าอ่านตอนต่อไป)


กำลังโหลดความคิดเห็น