ASTVผู้จัดการรายวัน-"วิษณุ"เผยให้คลังฟ้องแพ่ง "ยิ่งลักษณ์" ให้พาณิชย์ฟ้อง "บุญทรง"กับพวก เรียกค่าเสียหายทำโครงการจำนำข้าวเจ๊ง ย้ำถ้ามีคนติดคุกก็ไม่แปลก เหตุถูกฟ้องทั้งอาญาทั้งแพ่ง เผย 19 มี.ค.นี้ ศาลฎีกานักการเมือง นัดพิจารณารับไม่รับฟ้องคดีอาญา "ฉัตรชัย"นั่งหัวโต๊ะเคาะโทษ 2 บิ๊กพาณิชย์เอี่ยวจีทูจีเก๊วันนี้ เผยเร่งจีนซื้อข้าวไทยเพิ่ม 2 ล้านตัน ยางพารา 2 แสนตัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการฟ้องร้องความเสียหายทางแพ่งต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว ว่า หลังจากได้ประชุมเรื่องดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็มีความชัดเจนขึ้น โดยกระทรวงการคลังจะเป็นโจทย์ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวกทั้งหมด 21 คน
ทั้งนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งเรื่องมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบเมื่อวันที่ 10มี.ค.ที่ผ่านมา
"การเรียกร้องค้าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าไร ยังไม่ทราบ เพราะการฟ้องร้องทางแพ่ง ไม่เหมือนกับการฟ้องทางอาญา ถือเป็นการเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องเฉลี่ยค่าเสียหายทั้งหมดก่อนเข้ากระบวนการศาล ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบุญทรง จะมีความผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจาณาของศาล แต่ที่ป.ป.ช. ส่งเรื่องมา ถือเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ โดยในส่วนค่าเสียหาย ต้องมาดูอีกครั้งหนึ่ง"
***แย้มถ้าต้องติดคุกไม่ใช่เรื่องแปลก
นายวิษณุกล่าวว่า กรณีของนายบุญทรง ขณะนี้มีรายชื่อผู้ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบทั้งหมดแล้ว แต่จะต้องดูว่าจะเรียกค่าเสียหายคนละเท่าไร โดยตามกฏหมายกำหนดให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาสอบข้อเท็จจริง และพิจารณากำหนดค่าเสียหาย กรรมการชุดดังกล่าว ยังไม่มีการกำหนดตัวบุคคล แต่เป็นข้าราชการ ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอาญาการ โดยไม่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถ้าจะจำคุก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีทั้งแพ่งและอาญา
***19มี.ค.นี้ชี้ชะตารับฟ้องคดี"ปู"หรือไม่
เมื่อถามว่าจะโยงถึงกรณีโครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ตรงนี้เฉพาะตามที่ ป.ป.ช. ส่งเรื่องมา ตามมาตรา 73 ซึ่งมีเพียงคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบุญทรง ส่วนคดีของคนอื่นทาง ป.ป.ช.ยังไม่ได้ส่งเรื่องมา เรื่องดังกล่าวจะผิดหรือไม่ผิด ก็อยู่ที่ศาล ศาลอาจจะฟังจากคดีอาญา แล้วบอกว่าคดีแพ่งเป็นอย่างไรก็ได้ แต่ขั้นตอนในคดีนี้ ยังอีกยาว
ทั้งนี้ ทราบว่า ในวันที่ 19 มี.ค.2558ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจะชี้ว่าจะรับฟ้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ และขณะนี้ศาลฯ ได้ตั้งคณะผู้พิพากษา 9 คนครบแล้ว
"วันที่ 19 มี.ค. จะมีคำสั่งว่า จะรับหรือไม่รับ ถ้ารับคุณยิ่งลักษณ์ ก็จะมีฐานะเป็นจำเลย ก็จะสู้คดีอาญาไป แต่คดีทางแพ่งยังไม่เริ่มกระบวนการ โดยต้องเริ่มจากกรรมการชุดที่ 1 ทำงานไปประมาณ 4 เดือน จากนั้นกรรมการชุดที่ 2 คือ กรรมการรับผิดทางแพ่ง โดยอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงลงมือฟ้อง คดีทางแพ่งอายุความ 2 ปี หมดอายุความก.พ.2560"นายวิษณุกล่าว
ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายระบุว่ากรณีนี้เป็นคดีการเมืองนั้น ต้องว่ากันในกระบวนการของศาล รัฐบาลไม่สามารถสั่งหยุดดำเนินการได้ แต่เชื่อว่าในทางแพ่ง ศาลจะดูการพิจารณาทางอาญาประกอบด้วย แต่ในบางครั้งคดีอาญาผิด แต่ทางแพ่งไม่ผิดก็มี ที่ผ่านมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ส่งหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต่างๆ ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
***ตัดสิน2บิ๊กพาณิชย์เอี่ยวจีทูจีวันนี้
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประชุมร่รวมกับนายวิษณุ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวนั้น ที่ประชุมได้ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงกคลังตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่วมกัน เพื่อสรุปกรอบการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
ส่วนการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของกระทรวงพาณิชย์ (อ.ก.พ.กระทรวงพาณิชย์) เพื่อพิจารณาลงโทษข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาข้าวจีทูจี 4 ฉบับที่ ป.ป.ช. ชี้มูล จะมีการประชุมในวันนี้ (12 มี.ค.) โดยยอมรับว่าไม่สบายใจ เพราะเรื่องดังกล่าวสะเทือนการปฏิบัติงานของข้าราชการที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ยืนยันว่าการพิจารณาจะทำตามระเบียบและหลักการให้ดีที่สุด โดยโทษที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ คือ ปลดออกกับไล่ออก
***เร่งจีนซื้อข้าวเพิ่ม2ล้านตันยาง2แสนตัน
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร ระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 1 กับนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด เพื่อหารือในรายละเอียดการปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) การซื้อขายข้าวปริมาณ 2 ล้านตัน และยางพารา 2 แสนตัน ภายใต้กรอบระยะเวลา 2 ปี คือ 2558-2559 ซึ่งไทยและจีนได้มีการลงนามไปแล้วก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าข้าว เบื้องต้นจีนต้องการข้าวขาว 5% แบ่งเป็นข้าวฤดูกาลใหม่ 1 ล้านตัน และข้าวเก่า 1 ล้านตัน โดยเงื่อนไขการซื้อ จะซื้อขายข้าวตามมาตรฐานสากล และราคาซื้อขายจะยึดราคาตลาดเป็นหลัก ซึ่งคณะทำงานด้านข้าวฝ่ายไทย โดยกรมการค้าต่างประเทศจะไปหารือกับบริษัท คอฟโก รัฐวิสาหกิจที่ดูแลการนำเข้าข้าวของจีนต่อไป ส่วนคณะทำงานด้านยางพารา องค์การสวนยาง (อสย.) เป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการหารือกับบริษัท ชิโนเค็น ของจีน ซึ่งหลักการซื้อขายจะคล้ายกับข้าว แต่ราคาตกลงกันว่าไทยจะขายยางพาราให้ในราคามิตรภาพ 2 แสนตัน
"น่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่จีนหารือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อตกลงรายละเอียดของการลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร และจากนั้น จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมฯ ครั้งที่ 2 ที่จีน ในวันที่ 6 พ.ค.2558 ซึ่งจะได้ข้อสรุปการซื้อข้าวและยางพาราอย่างเป็นทางการ"พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
***คาดประมูลข้าวรอบ2ขายได้7-8แสนตัน
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับผลการประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลแบบยกคลังครั้งที่ 2/2558 ที่มีการเปิดประมูลข้าว 1 ล้านตัน ไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากกรมการค้าต่างประเทศ แต่เชื่อว่าจะขายข้าวได้ประมาณ 70-80% หรือ 7-8 แสนตัน ของข้าวที่เปิดระบายทั้งหมด โดยในสัปดาห์จะเสนอนายกรัฐมนตรีให้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อขออนุมัติระบายข้าวในส่วนนี้ต่อไป