xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนแห่ซื้อข้าวรัฐเกือบ 8 แสนตัน คาดได้เงินเข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 8 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พาณิชย์เผยพ่อค้าข้าว 40 รายยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสต๊อกรัฐแบบยกคลังรอบ 2 ปริมาณ 7.8 แสนตัน จากที่เปิดขายราว 1 ล้านตัน เตรียมชง นบข.เคาะสัปดาห์หน้า คาดอนุมัติขายได้หมด และได้เงินเข้าหลวงมากกว่า 8,000 ล้านบาท

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ (6 มี.ค.) กรมฯ ได้เปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติในการเข้าร่วมการประมูลซื้อข้าวในสต๊อกจากรัฐบาล ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวรัฐแบบยกคลัง รอบ 2/58 ปริมาณ 1 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5%, 10% 15% และ 25% ข้าวเหนียว และปลายข้าว ในคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ซึ่งมีผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูล 45 ราย แต่เข้าร่วมยื่นซองเสนอราคาทั้งหมด 40 ราย โดยใน 40 รายได้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวรวมทั้งหมดปริมาณ 780,000 ตันใน 89 คลัง จากที่เปิดขายทั้งหมด 124 คลัง หรือคิดเป็น 71.77% ของปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล ส่วนอีก 35 คลังไม่มีผู้ยื่นเสนอราคา คิดเป็นปริมาณ 220,000 ตัน

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสรุปผลการเสนอซื้อข้าวสารครั้งนี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) อนุมัติได้ภายในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าจะสามารถขายได้เกือบหมดตามที่มีผู้ยื่นซองเสนอซื้อ ซึ่งมีผู้เสนอซื้อในราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนด (ฟลอร์แวลู) เพียง 2 คลัง หรือเป็นไปตามเกณฑ์ 87 คลัง คาดว่าจะมีมูลค่าการขายครั้งนี้มากกว่า 8,000 ล้านบาท เพราะผู้ประกอบการเกือบทั้งหมดเสนอซื้อในราคาสูงกว่าราคาขั้นต่ำที่ประกาศไว้

“มูลค่าข้าว 780,000 ตัน คิดตามราคาขั้นต่ำที่เราประเมินก็ประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดเสนอซื้อเข้ามาสูงกว่าราคาขั้นต่ำมากรวมๆ แล้วหลายล้านบาท ดังนั้นเชื่อว่าจะขายได้มากกว่า 8,000 ล้านบาท”

อย่างไรก็ตาม การประมูลครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าจำนวนผู้ที่เข้าร่วมประมูลไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะขายข้าวได้ปริมาณน้อย เพราะการประมูลรอบสองมีผู้ยื่นเสนอซื้อ 40 ราย แต่ปริมาณที่เสนอซื้อข้าวมากถึง 780,000 ตัน ซึ่งมากกว่าการอนุมัติขายในรอบแรก 500,000 ตัน และมีผู้ยื่นซองเสนอราคาเกือบ 100 ราย เชื่อว่าการประมูลข้าวในสองรอบที่ผ่านมาจะไม่กระทบราคาผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังปี 58 ที่กำลังทยอยออกมา เพราะมีตลาดต่างประเทศรองรับอยู่แล้ว และกรมฯ กำลังเร่งหาตลาดเพิ่มเติมทั้งในแอฟริกา อาเซียน และจีน
กำลังโหลดความคิดเห็น